ผ่านไปนานเท่าใดก็สุดจะรู้ได้กว่าที่สติของเด็กสาวที่เพิ่งผ่านวันเกิดครบรอบ17ปีเต็มจะเริ่มรู้สึกคืนกลับมาอีกครั้งและกำลังรับรู้ถึงความหนาวเหน็บจนฟันในปากกระทบกันกึกกัก นิ้วมือคือสิ่งแรกที่เธอเริ่มขยับได้ ความหนาวแทรกลึกเสียดแทงกระดูก จากนั้นถึงทราบว่าที่หนาวนั้นเพราะตนเองกำลังถูกสายฝนเทกระหน่ำลงมาสาดซัดร่างกายจึงหนาวสะท้านแทบขาดใจ กัญญากร พยายามขยับปลายนิ้วทั้งที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง
“ป้า...ปราง...อึก....แค๊กๆ ...”
ความทรงจำภาพสุดท้ายพุ่งถาโถมในยามที่ผู้เป็นป้ากายลอยทะลุกระจกออกไปต่อหน้าต่ตาเด็กสาวจึงหลุดประโยคค้างคาในใจก่อนจะหมดสติวูบดับไป แต่เพียงเปล่งเสียงออกไปกับแสบระคายลำคออย่างยิ่ง
“คุณหนู! ....คุณหนูใหญ่ของท่านน้าหลิงฟาง...”
“!!!”
“คุณหนูใหญ่...โฮ....ฮึก...คุณหนูใหญ่ของ พี่เสี่ยวถิง...โฮ...”
...ใคร? ...
กัญญากรถามตนเองด้วยความงงงัน เสียงทั้ง2กับสัมผัสไปตามกายของเธอเด็กสาวแน่ใจว่าไม่คุ้นหรือว่าจะเป็นพลเมืองดีเข้ามาช่วยเธอกับป้าปรางกันนะ?
เด็กสาวฝืนเปิดดวงตาขึ้นมาจนได้ ภาพแรกที่ปะทะกับสายตาก็คือสายฝนที่ตกหนักจนรอบกายขาวโพลนไปด้วยม่านพิรุณหนักหนาปกคลุมไปทั่ว
“โฮ....คุณหนูเจินจูฟื้นแล้วเจ้าค่ะท่านแม่...โฮคุณหนูของพวกเราไม่ตาย...ฮือ...ฮึก...”
น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจนั้นช่างมากมายกว่าจะเป็นคนที่เธอไม่รู้จักแต่กัญญากรเธอคิดทบทวนจนศีรษะแทบระเบิดก็คิดไม่ออกเสียงของคนทั้งสองเธอไปคุ้นเคยด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“!!!?”
“โฮ...คุณหนูใหญ่ของท่านน้าหลิง...คุณหนูเจ้าขา...ท่านน้าหลิงขอโทษ...ขอโทษที่ปกป้องคุณหนูจากคนจิตใจอำมหิตมิได้”
เสียงของคนที่ดูจะมีอายุพอสมควรกรีดร้องแข่งกับเสียงของเม็ดฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“!!!”
...อะไรคือปกป้อง...อะไรคือคนจิตใจอำมหิตกันหรือ?....
“พวกเจ้า2แม่ลูกหยุดร่ำไห้ก่อนเร่งพาคุณหนูใหญ่เจินจูกลับไปยังเรือนหลังของพวกเรากันก่อนเถอะหากยังไม่เลิกร่ำไห้คุณหนูใหญ่คงหนาวจนตายหาใช่ถูกโบยจนตายเป็นแน่”
“!!!?”
เสียง1คือใคร? แล้วเสียงที่2นี่ก็อีก จากนั้นคนที่ยังนั่งมึนงงกลางสายฝนกระหน่ำก็เบนสายตาไปที่เจ้าของน้ำเสียงที่3 เด็กสาวต่อให้ไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าแต่อย่างไรเธอก็มั่นใจว่าไทยแลนด์แดนสยามของตนเองลืมตาตื่นขึ้นมาทุกวันและทุกวันไม่มีคนแต่งกายแบบนี้ยิ่งผมเผ้าที่ยาวของผู้ชายวัยคงราวบิดาของเธอนั่นก็ยาวพอเปียกฝนเช่นนี้จึงแลดูยุ่งเหยิงจนน่ากลัวอย่างยิ่ง
...พวกเขาคือใคร? ....
และเด็กสาวก็มึนต่อไปจนถูกผู้ชายตัวโตหน้าโหดอุ้มพาเดินเร็วๆ ฝ่าสายฝนจนไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่ทั้งเก่าและเล็ก ก่อนจะถูกผู้หญิงต่างวัยทั้งสองคนช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ช่วยเช็ดผมช่วยกันจับเธอนอนคว่ำหน้าลงจากนั้นก็คล้ายจะช่วยกันเอาบางสิ่งมา’ พอก’ ยังแผ่นหลังจนเลยไปถึงก้นลงไปจนถึงน่องทั้ง2ข้าง นั่นเองที่เด็กสาวจึงรู้ว่าตนเองเจ็บปวดอย่างมาก
‘มู่หรงเจินจู’ คือชื่อของกายนี้’ คุณหนูใหญ่สกุลมู่หรง’ คือตำแหน่งของเจ้าของกายนี้อีกเช่นกัน แล้วภาพต่างๆ ที่ตอนแรกมันกระจัดกระจายเหมือนจิกซอว์ยังไม่ถูกจับมาต่อค่อยเรียงปะติดปะต่อช้าๆ ระหว่าง2ร่างกำลังวุ่นวายต่อการ’ พอกยาสมุนไพร’ ให้กับร่างกายของเด็กสาววัยเพียง14หนาว
...เธอตายลงแล้ว!!! ...
นั่นคือความจริงซึ่งพุ่งตรงเข้ากระแทกหัวใจสาวน้อยจากยุค2021แต่ยิ่งร้ายกว่าเมื่อยามนี้เธอหลุดมาเกิดใหม่ในร่างของ’ มู่หรงเจินจู’ คุณหนูใหญ่ของท่านอัครมหาเสบาดีแห่งอาณาจักร’ เทียนหนิง’ ที่คล้ายกับจีนโบราณในสมัยราชศ์ซ่งเรืองอำนาจอยู่3ส่วน
ก่อนภาพนับตั้งแต่กายนี้เริ่มจำความได้ก็ค่อยๆ ไหลหลากประดุจสายน้ำผ่านเข้ามาบอกแก่เจ้าของร่างกายคนใหม่ เด็กน้อยคนนี้เป็นบุตรีคนแรกระหว่าง’ มู่หรงเยี่ยน’ กับท่านหญิง’ ฉวนจินหรง’ ธิดาหนึ่งเดียวของหลางหวางแห่งแคว้นเจียงซู1ใน8แคว้นใต้ปกครองของต้าฉู่ดินแดนข้างเคียงและนับเป็นพันธมิตรอันดีของเทียนหนิง แต่เพราะวันที่มู่หรงเจินจูนางคลอด ตำหนักหลางหวางถูกปิดเพราะองค์ฮ่องเต้บังเกิดความแคลงใจว่าหลางหวางซึ่งบัดนั้นคือท่านตาของมู่หรงเจินจูอาจคิด เอาใจออกห่างจากราชบัลลังก์หวังแยกตัวออกจากต้าฉู่
จึงถูกทัณฑ์สั่งปิดตำหนักคนในก็ห้ามออกคนนอกก็ห้ามเข้าจวบจนกว่าความจริงจะกระจ่าง และในขณะที่ฝ่ายท่านตากำลังตกยากฐานะไม่แน่ชัดจะอยู่หรือตายไม่อาจชี้แจงโดยเร็วฝ่ายยฮูหยินเอกในเอกอัครมหาเสนาบดีมู่หรง กลับคลอดเด็กฝาแฝดออกมาคนแรกเป็นเด็กหญิง ทุกผู้ในจวนต่างหน้าตาสลดซีดขาว แต่เหมือนเคราะห์หามยามร้ายคงถาโถมไม่พออีก2ชั่วยามฮูหยินเอกที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของเอกอัครมหาเสนาบดีหนุ่มที่มีวัยเพียง25หนาวก็สิ้นใจตายจากไปพร้อมเด็กชายฝาแฝดคนน้อง
นั่นเองที่ชะตาของชีวิตน้อยๆ ซึ่งบริสุทธิ์ยิ่งกว่าผ้าขาวเช่นคุณหนูใหญ่มู่หรงเจินจูมีอันถูกคำทำนายถูกความเชื่อถืออันร้ายกาจสาดซัดจนยับเยินพิพากษาด้วยความโหดร้ายว่าเป็นดาวเภทภัยมหาวิบัติมากำเนิด แม้แต่มารดาและน้องชายเด็กน้อยก็พิฆาตไปจนสิ้นหากเลี้ยงดูต่อไปก็ยิ่งมีแต่จะพาสุลมู่หรงวอดวายวิบัติ
เช่นนั้นเด็กน้อยวัยเพียง9วันจึงถูกส่งมาอยู่เรือนเล็กรกร้างท้ายจวนโดยมีสาวใช้คนสนิทของฮูหยินเอกและองครักษ์ที่ติดตามมาจากดินแดนจ้าฉู่บ้านเกิดคอยดูแลเลี้ยงดูเท่านั้น ส่วนบิดา กลับจำต้องเร่งตกแต่งภรรยาใหม่ทั้งที่ศพฮูหยินเอกเพิ่งส่งเข้าสุสานบรรพชนตระกูลมู่หรงดินบนหลุมฝังศพยังไม่ทันหมาดเลยด้วยซ้ำ
...ช่างเป็นละครพีเรียดดราม่าเสียนี่กะไร...
ซึ่งที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพราะเหตุการณ์ของสกุลฉวนของอดีตฮูหยินเอกผู้วายชนม์นั่นเกิดเรื่องส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสกุลมู่หรงต่อความวางใจจากองค์ฮ่องเต้ของเทียนหนิง เช่นนั้นใต้เท้ามู่หรงในวัยเพียง25หนาวจึงต้องดึงเอาความน่าเชื่อถือคืนกลับโดยต้องตกแต่งเอา บุตรีของแม่ทัพ ใหญ่เหวินจิ้งซานซึ่งเป็นน้องสายร่วมบิดามารดาเดียวกับเหวินฮ่องเฮา จึงนับว่าตระกูลมู่หรงพ้นภัยไปได้ชั่วคราว
แต่ชั่วคราวครั้งนั้นจวบจวนวันนี้ก็ผ่านมาได้14หนาวกับอีก2เดือนก็เต็ม15หนาวแล้ว ที่เด็กหญิงมู่หรงเจินจูที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนอัครมหาเสนาบดีของเทียนหนิงต้องใช้ชีวิตกินอยู่หลับนอนลำบากเสียยิ่งกว่าชนชั้นทาสที่ขายขาดให้แก่สกุลขุนนางใหญ่เสียอีก
ส่วนสภาพยับเยินของ’ คุณหนูใหญ่’ มู่หรงในวันนี้ก็สืบเนื่องมาจากมารดาเลี้ยงที่ต่อให้ เหวินเซียนเซียน คุณหนูรองสกุลเหวินในอดีตจะถูกบิดาของเด็กน้อยตกแต่งมาเป็นฮูหยินรองมิส่งมอบตำแหน่งฮูหยินเอกตามคำสัญญาต่อหลางหวางก่อนจะยกท่านหญิงแห่งสกุลฉวนมาให้ตกแต่งก็ตาม
จึงเป็นชนวนแค้นให้แก่สตรีผู้มีศักดิ์เป็นมารดาเลี้ยงนอกจากจะมิดูแลรักใคร่เอ็นดูให้ดีเช่นมารดาเลี้ยงผู้มากมีคุณธรรมแล้วกลับตรงกันข้ามอย่างยิ่งเพราะนางนับเป็นสตรีผู้ผูกใจแค้นเก่งกาจที่เพราะมารดาผู้ล่วงลับของมู่หรงเจินจูนางจึงพลาดตำแหน่งฮูหยินเอกของท่านอัครมหาเสนาบดีใหญ่ ยามใดเหวินเซียนเซียนนางได้โอกาสเหมาะซึ่งก็บ่อยครั้งอย่างยิ่งด้วยใต้เท้ามู่หรงหนึ่งหนาวแทบไร้เงาที่จวนใหญ่นางจึงได้โอกาสลงมือชำระความเอากับเด็กน้อยฝากส่งผ่านไปถึงมารดาที่ตายจากข่มเหงกันไม่หยุดหย่อนเช่นคราวนี้เป็นต้น
กัญญากรหรือบัดนี้มีชีพใหม่ในร่างกายของมู่หรงเจินจูรู้สึกอยากร้องไห้ก็ไม่เชิงจะหัวเราะก็ดูจะไม่ไหวกับชะตาชีวิตของทั้ง2ภพชาติ ที่ช่างแทบจะไม่แตกต่าง ในชาติของกัญญากรอาจจะดีกว่าที่เป็นยุคสมัยที่มีอิสระมากกว่าแล้วเธอยังมีปู่กับย่าคอยอุ้มชูรักใคร่พอหมดสิ้นท่านทั้ง2เธอก็ยังมีป้าคอยเกื้อหนุน มิใช่ เช่นที่มู่หรงเจินจูต้องเผชิญต่อให้ยังมีบิดาที่เหมือนจะรักใคร่แต่กลับมิอาจปกป้องลูกรักได้เลย
ยิ่งคิดเด็กสาวที่บัดนี้ต้องย้อนกลับมาอยู่ในร่างกายของเด็กหญิงวัย14หนาวใกล้15หนาวก็ทดท้อหัวใจกับชะตาชีวิตตนเองอย่างยิ่ง
"คุณหนูของพี่เสี่ยวถิงดื่มยานี่สักหน่อยนะเจ้าค่ะ"
สาวรุ่นวัยคงราว17-18หนาวยื่นถ้วยที่มีน้ำสีดำมีกลิ่นฉุนจัดจนขมลำคอมีควันลอยเอื่อยให้เห็นว่าเมื่อครู่เธอจมอยู่กับความคิดนานจนสองแม่ลูกต้มยาหม้อจนสำเร็จแล้ว เด็กสาวมองถ้วยยากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ แต่สุดท้ายความเจ็บปวดตามร่างกายที่ถูกทุบตีมาอย่างหนักก็ชนะความกลัวต่อรสขมของยาในถ้วยตรงหน้า
"ขอบ...คุณ...พี่...เสี่ยวถิง"
คนเพิ่งมีโอกาสเอ่ยคำรู้สึกแปลกๆ ที่ตนเองพูดจาได้ไม่คล่องเช่นปกติ
"คุณหนู! ...ท่านพ่อ...ท่านแม่...คุณหนูใหญ่เจินจูของพวกเรานางพูดได้...นางพูดได้แล้ว...กรี๊ด...คุณหนูใหญ่นางพูดกับข้าแล้วท่านพ่อ...ท่านแม่..."
...เอ่อ....แค่นางพูดไยจึงดูตื่นเต้นกว่าป้าข้างบ้านถูกหวยอย่างนั้นเล่า???? ...
จากวันนั้นก็ผ่านมาได้4วันกัญญากรก็แน่ชัดว่าทั้งหมดนางมิได้ฝันไปหรือว่าอยู่ในห่วงของช่วงที่ตนเองสลบจากอุบัติเหตุแต่เธอตายจากโลกยุค2021แล้วจริงๆ ไม่มีล้อเล่น!
ช่วงวันที่2เธอยังคงหลับมากกว่าตื่นเพราะฤทธิ์ยาสมุนไพรของคนในยุคอดีตถือว่ายอดเยี่ยมกัญญากรง่วงงุนได้ทั้งวันแต่มันย่อมดีที่เธอหลับเพราะอาการปวดร้าวตามร่างกายเล็กๆ ที่คล้ายเด็กวัยเพียง8-9หนาวมากกว่าจะเป็นเด็กเริ่มสาววัย14หนาวแม้แต่น้อย
"คุณหนูดื่มยาก่อนนะเจ้าค่ะ "
จางเสี่ยวถิงบุตรสาวคนเดียวของท่านน้า โจวหลิงฟางและท่านอาเสียนอีซึ่งอายุมากกว่าร่างนี้อยู่4หนาวมาพร้อมถ้วยยาควันกรุ่น
"ระวังเจ้าค่ะ มาเดี๋ยวพี่เสี่ยวถิงช่วย"
นางวางถ้วยยาในมือลงแล้วทรุดกายอวบอิ่มลงด้านข้างเตียงขนาดเล็กแสนเก่าแก่ จากนั้นก็ช่วยประคองกายเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง นั่นเองที่กัญญากรได้รู้ว่ายามนี้ร่างกายใหม่บาดเจ็บใช่น้อยโดยเฉพาะแผ่นหลังกับสะโพกเพราะแต่ขยับนั่งตัวตรงความปวดร้าวก็พุ่งจู่โจมจนน้ำตาร่วงทันใด
"อดทนหน่อยนะเจ้าค่ะคุณหนูของพี่เสี่ยวถิง"
นางกรีดน้ำตาให้นายตัวน้อยของตนก่อนหยิบถ้วยยากลิ่นฉุนมารอตรงหน้า กัญญากร มองแล้วก็ใบหน้าบิดเบี้ยวกลิ่นว่าแย่รสชาติกลับขมยาวนานไปจนกลืนลงไปถึงลำไส้ใหญ่ แต่ถ้าไม่กิน อาการไข้อาการเจ็บปวด ก็ไม่หายจึงจำทนฝืนกิน
"อ้วก..."
ทว่าเพียงครึ่งถ้วยนางก็พลันอาเจียนสวนออกมา เดือดร้อนให้"พี่เลี้ยง"ต้องวิ่งวุ่นเติมยาใหม่อยู่4รอบเหนื่อยทั้งคนดูแลเหนื่อยกันทั้งคนเจ็บ