โอ้ก! อ้าก!
เอมมิการ์รีบตื่นลงจากเตียงไปโก่งคออาเจียนที่ห้องน้ำทันที ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดไม่มีเรียนว่าจะตื่นสายกว่าทุกวัน แต่แล้วก็ต้องตื่นมาเพราะรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และก็เป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย
โอ้ก! อ้าก!
มือเล็กกดชักโครกเมื่ออาเจียนจนหมดท้องไส้แล้ว เธอนั่งหอบหายใจหันหลังพิงชักโครกอย่างอ่อนแรง ไม่เข้าใจทำไมร่างกายถึงเป็นแบบนี้
“เราเป็นอะไรนะ” เธอพึมพำกับตัวเองแล้วใช้มือเท้ายันร่างตัวเองลุกขึ้นจากพื้นเพื่อจะอาบน้ำลงไปใส่บาตรตอนเช้ากับคุณแม่
จันทร์หอมไม่ได้เจอหน้าลูกชายคนเดียวตัวเองมาเดือนกว่า แม้แต่โทรศัพท์ไปหาจับศึกก็ยังไม่รับสาย นางอยากได้ยินเสียงลูกชาย แต่ก็นั่นแหละ รู้ดีว่าวันนั้นลูกชายโกรธ น้อยใจตัวเองจึงตัดขาดจากตัวเองตั้งแต่วันนั้น
“สีหน้าลูกดูไม่ดีเลยนะหนูเอม” นางทักทายคนตัวเล็กทันทีที่เดินมาอยู่ข้างตัวเองระหว่างยืนรอใส่บาตรหน้าบ้าน
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นอะไร สองสามวันมานี้หนูอาเจียนทุกเช้าเลย” สาวน้อยบอกผู้มีพระคุณ
“หืม! ว่ายังไงนะลูก” นางหันมาถามพร้อมกับสีหน้าเป็นกังวล เรื่องระหว่างเอมมิการ์กับจับศึกมีแค่นางเท่านั้นที่รู้และเอมมิการ์ก็ไม่รู้ด้วยว่านางได้รู้เรื่องนี้แล้ว ที่นางไม่พูดเพราะนางคิดว่าจะไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น แต่ได้ฟังอาการของเอมมิการ์แล้วก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
“หนูก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรค่ะ ตื่นมาก็อ้วกทุกวันเลย” สาวน้อยตอบใสซื่อ
“ประจำเดือนหนูมารึเปล่าเดือนที่แล้ว” คำถามของท่านทำให้เอมมิการ์หน้าซีดทันที ‘ไม่นะ ไม่นะเอม’ เธอพึมพำในใจอย่างกังวล หากเธอตั้งครรภ์แล้วท่านรู้และถามถึงพ่อเด็กล่ะ เธอจะบอกท่านยังไงว่าคนเป็นพ่อคือลูกชายของท่าน
“ว่ายังไงลูก เมื่อเดือนก่อนประจำเดือนลูกมารึเปล่าฮึ” ครั้งนี้นางถามพร้อมกับจับต้นแขนเล็กพร้อมบีบให้กำลังใจเบาๆ
“คะ...คือ...”
“เอาเถอะ พระท่านมาแล้ว นมอิ่มพระมาแล้วยกของมาให้ฉันเลยจ้ะ” เมื่อเห็นว่าเอมมิการ์อ้ำอึ้ง นางก็รีบตัดบททันทีเมื่อพระท่านกำลังเดินมาทางตนเองและหญิงสาว ส่วนนมอิ่มก็รีบทำตามคำสั่งของเจ้านายตัวเองทันที
หลังจากใส่บาตรที่หน้าบ้านและทานข้าวเช้าอิ่ม นางจันทร์หอมก็ให้คนรถพาตัวเองและเอมมิการ์มาที่โรงพยาบาลเพราะไม่อยากคาดเดาไปเอง ส่วนเอมมิการ์ก็ได้แต่นั่งสั่นกลัวอยู่ในห้องตรวจ
“ว่ายังไงคุณหมอ ลูกสาวของฉันเป็นอะไร”
“ขอแสดงความยินดีกับคุณยายและคุณแม่ด้วยนะคะ น้องกำลังตั้งครรภ์ค่ะ” แพทย์สาวเอ่ยบอกแสดงความยินดีเมื่อได้ผลตรวจมาแล้ว ส่วนพยาบาลผู้ช่วยก็เอ่ยแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่และคุณยายเช่นกัน
สำหรับจันทร์หอมแล้วนางดีใจเมื่อรู้ว่าอีกไม่นานตัวเองจะเป็นคุณย่า นางหันมาทางเด็กที่ตัวเองรักเอ็นดูเหมือนลูกในไส้ที่กำลังนั่งก้มหน้าสั่นสะอื้นไห้ก็ยื่นมือไปกุมมือเล็กที่กำแน่นประสานที่หน้าตักพร้อมเอ่ย
“ไม่เป็นไรลูก เรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้ว แม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลูก” เอมมิการ์ที่ก้มหน้ามองตักตัวเองก็แหงนเงยหน้าขึ้นแล้วหันมาหาท่าน
“คุณแม่...คุณแม่รู้เหรอคะ”
“แม่รู้ทุกอย่าง แต่แม่ไม่พูดเท่านั้นเอง เพราะแม่คิดว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หนูเอมไม่ต้องคิดมากนะลูก ยังไงแม่ก็รักหนูเหมือนเดิม เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วยังไงก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว”
“แต่คุณศึกไม่ได้รักเอม คุณศึกรักคุณเอื้อง” เธอรู้ว่าตอนนี้แฟนสาวของจับศึกกลับมาจากอังกฤษแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน แม้ว่าเขาจะไม่กลับบ้าน แต่ก็พอเห็นข่าวของเขาตามหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่บ่อยๆ และคนที่ไปออกงานกับเขาก็คือเอื้องรัก แฟนสาวของเขานั่นเอง
“แม่จะให้พี่เขารับผิดชอบหนูเอมกับลูก ยังไงลูกหนูเอมก็หลานแม่และหนูก็เป็นลูกสาวแม่” นางยกมือเหี่ยวย่นปาดป้ายเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนวลให้ด้วยความอ่อนโยนและสงสารเด็กสาวที่กำลังมีชีวิตสดใส แต่ต้องมาพังเพราะความเห็นแก่ตัวของลูกชายตัวเอง
“อึก! คุณแม่อย่าไปบีบบังคับคุณศึกเลยค่ะ เอมไม่อยากให้คุณแม่บังคับคุณศึก เรื่องลูกเอมอยากให้คุณแม่เก็บเป็นความลับได้ไหมคะ เอมไม่อยากให้ลูกของเอมไปรบกวนชีวิตของคุณศึกกับคุณเอื้องค่ะ”
“ทำไมลูกพูดแบบนั้น ลูกเป็นเมียตาศึกและกำลังจะ...”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ เอมไม่อยากบังคับให้คุณศึกรับผิดชอบ เราก็ต่างคนต่างอยู่กันดีกว่าค่ะ ฮือๆๆ” แล้วเธอก็โถมกายโอบกอดท่าน ส่วนแพทย์สาวและผู้ช่วยที่อยู่ในห้องด้วยก็ต่างพากันหันมาสบตากันมึนงงกับทั้งสองที่กำลังร้องไห้กอดกัน
เป็นเวลาเดือนกว่าที่ไม่ได้กลับบ้าน จับศึกอาศัยอยู่คอนโด ขาดการติดต่อกับแม่ แต่ก็เป็นห่วงท่านโทรถามถึงสารทุกข์สุกดิบท่านกับนมอิ่มตลอดและให้นมอิ่มเก็บเป็นความลับ ห้ามบอกท่านว่าเขาโทรถามเรื่องท่านทุกวันว่าไปไหน ทานอะไรบ้างในแต่ละวัน และความจริงตอนนี้เขาอยากกลับไปหาท่านให้ท่านโอบกอดให้ไออุ่น อยากกลับไปขอโทษท่านที่พูดจาแบบนั้นในวันนั้น แต่เขาก็ปากหนักเย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมกลับไปที่บ้าน และอีกเรื่องที่ทำให้อยากกลับบ้านเพราะอยากรู้ว่าทุกวันนี้เอมมิการ์เป็นยังไงบ้างและมีเพื่อนผู้ชายที่คณะคนนั้นแวะเวียนมาส่งที่บ้านอยู่ไหม
“ยังทำงานไม่เสร็จเหรอคะศึก”
เสียงเล็กหวานดังขึ้นที่หน้าประตูห้องทำงาน ทำให้จับศึกหลุดออกมาจากห้วงความคิดตัวเองมองไปทางแฟนสาวที่วันนี้มาค้างที่คอนโดกับตัวเองด้วย ตั้งแต่กลับมาเอื้องรักก็แวะเวียนมาค้างกับเขาที่คอนโดเป็นประจำ
“ยังครับเอื้อง แล้วเอื้องทำไมยังไม่นอนฮึ” เขาถามเธอที่เดินเข้ามาดึงลากเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงานตัวเองออกนั่ง
“เอื้องนอนไม่หลับค่ะ อยากให้ศึกไปนอนกอด”
“แต่งานผมยังไม่เสร็จเลยนะครับ” เขาบอกแฟนสาว
“งั้นเอื้องไม่กวนศึกแล้วนะคะ ศึกทำงานต่อเถอะค่ะ ว่าแต่ศึกอยากได้นมอุ่นๆ สักแก้วไหมคะ เดี๋ยวเอื้องไปเอาให้ค่ะ”
“ไม่ดีกว่าครับ เอื้องไปนอนเถอะ”
“งั้นฝันดีนะคะ”
แล้วเธอก็ลุกเดินอ้อมมาหอมแก้มเขาก่อนจะเดินจากไป จริงๆ เธอไม่ได้ต้องการให้จับศึกไปนอนกอด แต่สิ่งที่ต้องการคือบทรักอันเร่าร้อน ตั้งแต่กลับมาจับศึกไม่เคยมอบมันให้เธอเลย ที่เขาแสดงกับหล่อนมีเพียงแค่โอบกอดจูบเท่านั้น พอจะมากไปกว่านั้นเขาก็จะเลี่ยงตลอด แปลก...เขาเปลี่ยนจากเดิมจนเธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ในใจของแฟนหนุ่มนั้นมีตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไหม
จับศึกรู้สึกเฉยชากับการกระทำของแฟนสาว เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขากันแน่ ชายหนุ่มละทิ้งความสับสนวุ่นวายในใจสนใจงานตรงหน้าเมื่อตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว แต่งานยังเคลียร์ไม่เสร็จ