“อัญมากวนไหมคะ ที่บ้านพี่พัทท์บอกว่าพี่พัทท์อยู่ที่นี่ อัญเลยมาหา”
อัญชิตาพูดอย่างเกรงใจ เหลือบสายตามองพินท์สุดาที่ยืนอยู่อีกด้าน
“ไม่หรอกครับ อัญมีอะไรเหรอ”
“คือว่าอัญ เอ่อ...” เธออึกอัก
“ออกไปคุยกันข้างนอกก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่พาไปกินอะไรอร่อยๆ นะครับ”
“ค่ะ แต่พินท์ล่ะคะ” อัญชิตาทำท่าจะชวนพินท์สุดาออกไปด้วยแต่พัทท์พูดตัดบทเสียก่อน
“พี่กำลังจะกลับพอดี” เขากุมไหล่บอบบางของอัญชิตาเอาไว้ ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกไปจากบ้านโดยไม่เหลียวหลัง
พินท์สุดาทิ้งร่างลงนั่งบนโซฟา เธอเจ็บแปลบในอก เม้มปากเข้าหากันแน่น พัทท์ไม่เคยเห็นความสำคัญของเธอเลย ตัดใจ! นั่นคือสิ่งที่เธอบอกตัวเองในเวลานี้
“พิมพ์มาหาหน่อยสิ” พินท์สุดาโทร. หาพิมพ์พิศเพื่อนรักที่เรียนจบมาด้วยกัน พิมพ์พิศมีบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับเธอ
“ว่าไง ดูทำหน้าเข้าอย่างกับคนอกหัก”
“พิมพ์” คนพูดกุมขมับ สีหน้าเศร้าสร้อย
“ว่าไงพินท์” พิมพ์พิศเอ่ยถาม ตรงเข้าไปกอดเพื่อนเอาไว้
“ฉันอกหักจริงๆ นั่นแหละ”
“ไหนเล่ามาสิ”
“เรื่องพี่พัทท์”
“ไหนบอกว่าไม่รักไม่ชอบ เป็นแค่พี่ชายไง”
“เธอก็รู้ว่าไม่ใช่ มาล้อเลียนฉันทำไม” คนพูดทำหน้าแสนงอน
“เกิดอะไรขึ้น เล่ามาเลย” พิมพ์พิศยิ้มให้กำลังใจเพื่อน
พินท์สุดาเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง พิมพ์พิศเป็นเพื่อนที่ดีและเข้าใจเธอที่สุด พิมพ์พิศรู้ดีว่าเพื่อนแอบรักพัทท์มานานหลายปีแล้ว วันนั้นไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เธอเคยล้อเลียนเพื่อนรักไป แต่เพื่อนอายเลยตอบปฏิเสธออกมา เธอเลยไม่กล้าล้อเลียนเพื่อนอีก
“เธอก็ไม่น่าพายายอัญมาแนะนำให้พี่พัทท์รู้จักเลย ไม่น่าเลยจริงๆ”
พิมพ์พิศส่ายหน้าไปมา
“เขาน่าสงสารจริงๆ พี่พัทท์ก็เลยสงสาร” พินท์สุดาพูดไปก็ยังสงสาร อัญชิตาเอามากๆ ชีวิตอีกฝ่ายน่าเห็นใจเป็นที่สุด
“ทำใจเถอะ ยังไงก็ได้หมั้นกับพี่พัทท์แล้ว แต่งงานกัน เขาก็คงเลิกรากับยายอัญไปเอง” พิมพ์พิศปลอบเพื่อน
“ฉันจะถอนหมั้นกับพี่พัทท์”
“พ่อแม่เธอกับพี่พัทท์ไม่มีทางยอมแน่ๆ” เธอรู้จักบิดามารดาของพินท์สุดาและพัทท์ดี
“นั่นแหละที่อยากปรึกษา จะทำยังไงดี”
“ปล่อยไปสิ”
“ปล่อยยังไง” พินท์สุดาเอ่ยถาม
“คือปล่อยไปก่อน ค่อยๆ คิดว่าจะทำยังไง จริงๆ ฉันก็คิดว่าพี่พัทท์น่าจะมีใจให้เธอนะ สมัยเรียนตามหวงตามดูแลไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้”
“ที่ตามหวงตามดูแลไม่ให้ผู้ชายเข้าใกล้ก็ในฐานะพี่ชายเท่านั้นแหละ คุณพ่อคุณแม่ฝากฉันเอาไว้กับพี่พัทท์นี่นา”
พินท์สุดาพูดเสียงเศร้า เธอกับเขาอยู่บ้านใกล้กัน รู้จักกันตั้งแต่เด็ก บางทีเขาก็ชอบแกล้งเธอ เธอก็เลยเอาคืน อยู่กันมาแบบนั้นจนโต ผู้ใหญ่ชอบจับคู่ให้ พัทท์ไม่ค่อยชอบให้ใครบงการชีวิต เขาไม่เคยเอ่ยปากบอกว่าชอบเธอเลยสักครั้ง แสดงออกว่าเป็นแค่พี่ชาย ในขณะที่เธอโดนถามมากๆ เข้าก็ปฏิเสธว่าไม่ได้คิดอะไรเพราะอายหรือกลัวหน้าแตก ก็ในเมื่อพัทท์ไม่เคยบอกใครๆ ว่าเธอเป็นแฟนหรือคนรัก เธอจะไปพูดโต้งๆ ว่าชอบเขาได้อย่างไรกัน
“ไม่เห็นเหมือนพี่ชายหวงน้องสาวเลย เหมือนผู้ชายหวงผู้หญิงเสียมากกว่า แต่พี่พัทท์ไม่ชอบถูกบังคับก็คงไม่ชอบที่พ่อแม่เธอกับพ่อแม่เขาคิดจะจับคู่ให้เลยแสดงอาการต่อต้าน แต่ยายอัญชิตาแทรกมาตอนไหนนี่สิ” พิมพ์พิศมองหน้าเพื่อนแล้วถอนใจ
“ช่างเถอะ” พินท์สุดาไม่อยากคิดมาก
“ออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม”
“ก็ดีนะ” พินท์สุดายิ้มให้เพื่อน พิมพ์พิศตบไหล่เพื่อนเบาๆ เข้าใจความรักเขาข้างเดียวของเพื่อนดี แต่ไม่อยากฟันธงในสิ่งที่มั่นอกมั่นใจเนื่องจากกลัวหน้าแตก ถ้าไม่รักไม่ชอบพัทท์ไม่มีทางหมั้นกับเพื่อนของเธอหรอก เพราะทั้งสองอยู่บ้านใกล้กัน ดูแลกันเหมือนพี่น้อง พ่อแม่ชอบจับคู่ให้ อาจจะรู้สึกต่อต้านไม่อยากทำตามพ่อแม่ก็แค่นั้น เธอเคยเจอเพื่อนคนหนึ่งที่ต่อต้านพ่อแม่เพราะพ่อแม่ชอบบงการชีวิต แม้ว่าผู้ชาย คนที่พ่อแม่หาให้จะเป็นคนดีแค่ไหนก็ตาม นึกชอบแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่อยากยอมรับหรือทำตามเพราะไม่อยากเสียหน้า
เบื่อพวกชอบรักษาหน้ากันเสียจริงๆ เธอจะคอยดูไปว่าพวกรักษาหน้าจะทำยังไงต่อไป
“อัญต้องขอบคุณพี่พัทท์มากนะคะที่คอยช่วยเหลืออัญมาโดยตลอด” เธอยกมือไหว้เขาอย่างซาบซึ้งใจ อีกทั้งยังเกรงใจมากๆ ด้วย
“อัญต้องดูแลพ่อป่วยนี่ครับ ยังไงพี่ก็ต้องช่วยคนกตัญญูอย่างอัญอยู่แล้ว”
เขายิ้มให้เธอด้วยความเอ็นดู ลูบศีรษะของเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“อัญจะรีบนำเงินมาคืนพี่พัทท์นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ถือว่าพี่ช่วยเหลืออัญ เหมือนที่อัญก็ช่วยเหลือพี่นั่นแหละ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เงินยืมก็คือเงินยืม เงินให้ก็คือเงินให้ พี่จะมาช่วยเหลืออัญเฉยๆ ได้อย่างไรกันคะ” เธอเกรงใจเขาจริงๆ ไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“พี่อยากช่วย ให้ก็คือให้ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”
“ดูท่าทางพินท์จะโกรธมากนะคะ” อัญชิตานึกถึงเพื่อนแล้วรู้สึกขยาด
“ก็เขาพูดไม่เข้าหู โกรธก็โกรธไปสิครับ พี่มีวิธีง้อเขาแล้วกัน”
วันนั้นไปเที่ยวทะเลด้วยกัน พินท์สุดาโดนถามเรื่องแอบชอบเขา เธอกลับประกาศกร้าวออกมาว่าไม่ได้ชอบเขาแบบคนรัก ให้เพื่อนสนิทของเธอและผู้ใหญ่ได้รับรู้ เขาได้ยินเข้าพอดีก็เลยเสียความรู้สึกเป็นอันมาก
เขาตามดูแลหึงหวงมานานหลายปี ไม่รู้บ้างหรือไงว่าเขาคิดเช่นไร ที่เขาไม่ได้บอกว่าชอบว่ารักเพราะคิดว่าเธอน่าจะรู้ดี พอโดนปฏิเสธต่อหน้าคนอื่นแบบนั้นเขาก็เลยขาดความมั่นใจไปเลย จนต้องคิดแผนการนี้ขึ้นมา โดยมีอัญชิตาเป็นคนช่วย พอพินท์สุดาแนะนำให้เขาได้รู้จักกับอัญชิตา เขาก็เลยแกล้งสนใจเธอ อัญชิตาน่าสงสารจริงๆ เพราะบิดาป่วย ท่านพิการเดินไม่ได้ เธอไม่ได้เจ้าชู้มากชาย แต่ผู้ชายพวกนั้นมาชอบเธอเอง พอเธอไม่เล่นด้วยก็คงรู้สึกหน้าแตกเลยไปพูดเสียๆ หายๆ หาว่าอัญชิตาคบซ้อนหลายคน หรือได้นอนกับอัญชิตาแล้ว ด้วยว่าเธอยากจนคงเป็นคนหิวเงิน คนที่ไม่รู้ความจริงก็เชื่อ เขาคนหนึ่งไม่เชื่อเพราะรู้ตื้นลึกหนาบางดีว่าอะไรเป็นอะไร ไม่อยากว่าผู้ชายด้วยกัน แต่ผู้ชายบางคนไม่อยากเสียหน้าก็ว่าผู้หญิงเสียๆ หายๆ ทั้งๆ ที่ผู้หญิง ไม่เล่นด้วย เพราะตัวเองนิสัยไม่ดี
“ได้ยินพี่พัทท์พูดแบบนี้อัญก็เบาใจค่ะ” เธอไม่อยากให้เพื่อนโกรธนักหรอก เพราะพินท์สุดาไม่ได้รังเกียจเธอเลย แถมยังคอยช่วยเหลือเธอมาอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช้แผนนี้ก็คงไม่ได้หมั้นและไม่ได้แต่งงานกัน บางทีเธอก็ขำกับแผนการของพัทท์ แกล้งให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิด จะได้จับแต่งงาน เขาก็จะได้ไม่ต้องเสียฟอร์มว่าอยากแต่งทั้งๆ ที่พินท์สุดาเคยปฏิเสธ แล้วพินท์สุดาก็ขัดพ่อไม่ได้เลยต้องหมั้นและแต่ง จะเรียกว่าต่างคนต่างฟอร์มก็ย่อมได้
เธอรู้ว่าพินท์สุดาแอบชอบพัทท์อยู่เหมือนกัน ด้วยเหตุผลนี้จึงยอมหมั้น แต่โดยดี ถ้าพูดกันดีๆ แต่แรกก็คงไม่วุ่นวายแบบนี้
“อัญเป็นคนดี ไม่มีใครทำอะไรอัญได้หรอกครับ อย่ากังวลไปเลย ถึงแม้ว่าพินท์สุดาจะเป็นคนตรงๆ แรงๆ พูดไม่ไพเราะหูไปบ้าง แต่เขาก็คงไม่ได้คิดร้าย ถึงขนาดจะทำอะไรรุนแรงหรอกครับ” เขารู้นิสัยพินท์สุดาดี แค่อยากจะเอาคืนที่เธอทำให้เขาขายหน้าเท่านั้น แต่การเอาคืนของเขาไม่ได้จบลงแค่เพียงเท่านี้ แต่งงานเข้าหอเมื่อไหร่จะเอาคืนอีกเป็นสิบเท่า
“อัญก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีค่ะ”
“อัญรู้สึกผิดเรื่องอะไรครับ”
“ก็ทำให้พินท์เสียใจน่ะค่ะ พินท์เป็นเพื่อนที่ดีของอัญนะคะ เขาไม่เคยดูถูกฐานะของอัญเลย อัญยากจนไม่มีเพื่อนคนไหนอยากคบหรอกค่ะ”