วันถัดมาพันตรีเว่ยยังคงขับรถผ่านหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนและยังมีอีกหลาย ๆ วันที่มาจอดรอรับอย่างกับนัดไว้ เพื่อรอรับสองสาวบ้านฉินกลับบ้านด้วย จนกระทั่งฉินเสี่ยวหรานคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว และรู้สึกถึงความผิดปกตินี้
เดิมทีหากพันตรีเว่ยผ่านมาสักวันสองวันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะมีภารกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน ฉินเสี่ยวหรานไม่เคยแม้กระทั่งต้องเดินกลับบ้านเอง หากไม่ติดว่าตอนเช้าพ่อของเธอเป็นคนมาส่ง คงมีรถคอยรับคอยส่งแล้ว
โรงเรียนและบ้านพักในกองทัพหวั่นอิ๋นนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกัน แต่ว่าถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเดินอ้อมอีกทาง ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เคยได้เดิน
เหยาหนานรออยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน พอเห็นฉินเสี่ยวหรานก็ร้องเรียก "เสี่ยวหรานทางนี้!"
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินเสี่ยวหรานมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เจิ้งฟางมี่ จูลี่ และหนานเหยา อันที่จริงเจิ้งฟางมี่กับจูลี่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนเหยาหนานนั้นเขามีเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอฉินเสี่ยวหรานเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เข้าร่วมกลุ่มทันที
"ฟางมี่ จูลี่ล่ะ"
"พวกเธอเข้าไปรอข้างในห้องเรียนแล้ว จูลี่ปวดท้อง เสี่ยวหลิงล่ะ ทำไมวันนี้น้องสาวของเธอไม่มาด้วย" เหยาหนานขมวดคิ้วมองหา นอกจากฉินเสี่ยวหลิงจะไม่มาแล้ว วันนี้ยังไม่มีคนเดินมาส่งฉินเสี่ยวหรานอีก
"เธอป่วย พ่อจึงพาไปหน่วยพยาบาล"
เมื่อคืนฉินเสี่ยวหลิงอาบน้ำดึกเพราะทำการบ้าน ตื่นเช้ามาตัวก็ร้อนมาก เธอจึงบอกให้พ่อพาไปหน่วยพยาบาล ส่วนวันนี้เธอเดินมาเองคนเดียว ระหว่างทางยังมีคนอื่นที่เดินมาด้วย ไม่มีอะไรน่ากลัว
เวลาเพียงหนึ่งเดือน ทำให้ฉินเสี่ยวหรานปรับตัวได้แล้ว และเพื่อนทั้งสามจากที่ไม่เคยนำปิ่นโตมาโรงเรียน ช่วงนี้พวกเขานำมาบ่อยมาก พอไม่ต้องเข้าไปเบียดในโรงอาหารก็มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
"เสี่ยวหราน แม่ของฉันบอกว่าวันนี้มีผ้าเข้าใหม่ เธอจะไปดูไหม" จูลี่ที่นั่งรอหน้าอาคารเรียนถาม
“ได้"
ร้านผ้าที่เคยไปซื้อเป็นร้านของแม่จูลี่เอง และคนที่ขายผ้าให้ ฉินเสี่ยวหรานก็เพิ่งรู้ว่าเป็นแม่ของเพื่อนใหม่ เธอจึงใช้โอกาสนี้ให้จูลี่บอกเมื่อมีผ้าใหม่เข้าร้าน
ระหว่างเรียน ฉินเสี่ยวหรานหาเงินไปด้วย ถึงจะมีเงินจากที่ตัดชุดให้กับเหล่าคุณนายทหารตอนยังไม่เปิดภาคเรียน แต่ว่าเงินที่ได้มาก็ใช้ไปหลายอย่าง และอย่างน้อยถ้าตัดชุดเอาไว้ เวลามีปัญหาจะได้เอาออกมาขายได้เลย
'นักเรียนใหม่คนนั้นน่ะหรือ หน้าตาก็งั้น ๆ สู้ครูหยูของพวกเราก็ไม่ได้'
‘ใช่ น่าสงสารครูหยูจริง ๆ ทางบ้านทั้งสองฝ่ายจะตกลงแต่งงานกันแล้ว แต่ฉินเสี่ยวหรานก็เข้าไปยุ่ง ครูหยูรอพันตรีเว่ยมานานหลายปีแล้ว'
'หน้าไม่อาย ต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงอ่อยผู้ชายของคนอื่้น'
‘คุณครูหยูเป็นลูกสาวของพันโท พี่ชายของคุณครูหยูยังเป็นร้อยตรี ส่วนพ่อของฉินเสี่ยวหรานเป็นเพียงพันตรีเท่านั้น ได้ยินมาว่ามีแม่เป็นคนในชนบทด้วยล่ะ'
'จริงหรือ! พันตรีเว่ยตาถั่วจริง ๆ'
'ชู่วว อย่าไปพูดแบบนี้ที่ไหนนะ'
ฉินเสี่ยวหรานที่กำลังเก็บของเข้าห้องเรียนชะงักเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงมัธยมปลายห้องอื่นกำลังนินทาเธออยู่ การที่นักเรียนในโรงเรียนมีรถยนต์รับส่งย่อมเป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ อยู่แล้ว
และครูหยูที่เหล่าผู้หญิงพวกนั้นเอ่ยถึงคือครูหยูเหมี่ยว ผู้หญิงที่ต้องการหักหน้าครอบครัวเธอตอนงานเลี้ยงต้อนรับเข้ากองทัพ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคุณครูมัธยมต้นที่มีนิสัยแบบนั้น
ได้ยินมาว่าครูหยูชอบพันตรีเว่ย ทางครอบครัวเคยพูดคุยกันปากเปล่าเอาไว้ แต่นั่นเป็นเรื่องทางบ้านหยูที่พูดฝ่ายเดียว ส่วนบ้านเว่ยตามใจลูกชายคนนี้มาก และพี่สาวคนรองของเขายังครองโสด หลายคนจึงคิดว่าที่ยังไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น เป็นเพราะฉินเสี่ยวหรานที่เข้ามาแทรกในความสัมพันธ์ครั้งนี้
"ผู้หญิงพวกนี้ปากมากจริง ๆ เธออย่าไปใส่ใจคนพวกนั้น ครูหยูไม่ยอมแต่งงานเพราะคิดว่าผู้ชายคนอื่นไม่เหมาะสมกับตนเองต่างหาก พันตรีเว่ยไม่ได้ชอบเธอสักนิด" เหยาหนานบอก พี่สาวของเขาเป็นพี่สะใภ้ของพันตรีเว่ยและพวกเขาสนิทกันไม่น้อย
"อืม"
ฉินเสี่ยวหรานไม่คิดสนใจเรื่องนี้ แต่มันก็ถึงคราวที่ต้องชัดเจน เธอคิดว่าควรบอกเขาไม่ให้มารอรับแล้ว ไม่อย่างนั้นภายในโรงเรียนจะมีชื่อเสียของเธอต่อไป ลำพังเธอไม่มีปัญหา กลัวว่าทางโรงเรียนจะติดต่อหาพ่อของเธอและเขาจะไม่สบายใจ
หน้าโรงเรียนมีรถยนต์คันเก่าที่จอดรออยู่ ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้เดินไปทางนั้น เธอเลือกเดือนตามถนนเพื่อจะเข้าไปในตลาด ถ้าไม่ติดว่ารถคันนี้ยังคงขับมาเทียบเธอ
"เสี่ยวหรานขึ้นรถสิ"
ฉินเสี่ยวหรานปฏิเสธ "พันตรีเว่ยกลับก่อนเลยค่ะ วันนี้ฉันจะเข้าไปซื้อผ้าคงกลับด้วยไม่ได้แล้ว อีกทั้งได้ยินว่าช่วงนี้ทางกองทัพฝึกหนัก พันตรีเว่ยจะได้พักผ่อน"
เขาโบกมือ "พันตรีอะไร ให้เรียกพี่เว่ยไม่ใช่หรือ พอดีเลย ฉันจะเข้าไปซื้อของให้คุณแม่ ไปด้วยกันไม่ต้องเช่ารถ หรือเดินไปดีกว่านะ"
ฉินเสี่ยวหรานยืนคิดก่อนพยักหน้า ค่าเช่ารถไปกลับห้าหยวน และไม่รู้ว่าคนขับรถจะเป็นคนเช่นไร เธอขึ้นไปนั่งบนรถอย่างคุ้นเคย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องนั่งตรงไหนและทำอย่างไร
ระหว่างทางไปซื้อของ บนรถเว่ยเซียวและฉินเสี่ยวหรานยังคงคุยตอบโต้กันด้วยความคุ้นชิน หรือแม้กระทั่งเวลาซื้อของตามร้านต่าง ๆ ทั้งสองยังมีท่าทีปกติ
"เสี่ยวหราน น้ายังไม่ทันได้เอาผ้าออกมาหน้าร้าน และเก็บไว้ให้เธอก่อน เข้ามาสิจ๊ะ" คุณน้าอิ๋นลี่อายุน้อยกว่าแม่ของเธอและยังสาวอยู่ ตั้งแต่รู้ว่าฉินเสี่ยวหรานเป็นเพื่อนของลูกสาว เวลามีอะไรดี ๆ ก็จะให้ลูกสาวมาบอกเธอก่อน
“รบกวนคุณน้าแล้วค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานฉีกยิ้ม เธอเดินเข้าไปในห้องรับรองที่มีผ้าใหม่ "ผ้าพวกนี้เป็นเนื้อผ้าที่ไม่มีในร้านนี่คะ ทำไมรอบนี้ถึงเอาผ้าพวกนี้มาใช้ที่ร้าน" เธอถามด้วยความแปลกใจ
"เป็นผ้าใหม่ที่อยากเอามาลองขายน่ะ ม้วนละสิบห้าหยวนเท่านั้น"
"ราคาดีขนาดนี้"
"ใช่จ้ะ พอดีว่าสามีของน้าเขาได้ส่วนลดน้าจึงซื้อมาน่ะ แต่ไม่ต้องห่วง คุณภาพยังดีเหมือนเดิม"
ฉินเสี่ยวหรานซื้อผ้าห้าม้วน และยังได้แถมอีกหนึ่งม้วน ไหน ๆ ก็มีรถยนต์มาด้วย ซื้อของแล้วซื้อทีเดียวจะได้ไม่ต้องลำบากมาซื้ออีก จัดการซื้อของกินอย่างอื่นก็ถึงเวลากลับแล้ว
แต่เมื่อใกล้ถึงกองทัพ ฉินเสี่ยวหรานมองออกนอกกระจกรถก่อนเอ่ยบอก "หลังจากนี้ไม่ต้องรอรับฉันกับน้องสาวที่โรงเรียนแล้วนะคะ คนที่โรงเรียนพูดกันว่าฉันอ่อยผู้ชายของคุณครูหยู ฉันกลัวว่าพ่อของฉันจะมีปัญหาเรื่องนี้"
อีกฝ่ายมียศเป็นพลโทในขณะที่พ่อของเธอเป็นเพียงพันตรี ถึงจะไม่ได้อยู่ในสังกัดเดียวกัน แต่ว่าอีกฝ่ายก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ในตอนนี้เธอยังไม่สามารถที่จะตั้งตัวได้
เว่ยเซียวขมวดคิ้ว "ฉันไม่ใช่คนของใคร และตอนนี้กำลังตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เธอไม่ต้องไปสนใจพวกเขา หากมีปัญหาเดี๋ยวจัดการให้"
ฉินเสี่ยวหรานไม่ตอบ เธอเลือกนั่งก้มหน้าจนถึงบ้านพัก ท่ามกลางสถานการณ์อันอึดอัดนี้ เว่ยเซียวยังคงยกม้วนผ้าลงไปไว้ในบ้านให้เธอ ฉินเสี่ยวหลิงคงอยู่ที่หน่วยพยาบาล ฉินเสี่ยวหรานยังไม่ได้เก็บของแต่เธอเดินเข้าห้องเพื่อทบทวนความรู้สึกของตนเอง
เธอไม่ใช่เด็กแล้ว และผ่านโลกมานานหลายสิบปี ความรู้สึกนี้มีหรือที่เธอจะไม่รู้