จ้าวหยู่ฟางรออยู่ที่บ้าน ในขณะที่สองสาวตามพ่อของพวกเธอไปสมัครเรียนในโรงเรียนมัธยมข้างกองทัพหวั่นอิ๋น โรงเรียนที่นี่มีนักเรียนไม่เยอะและเป็นโรงเรียนที่นักเรียนส่วนมากจะเป็นลูกหลานของคนในกองทัพ ไม่มีค่าเล่าเรียน เพียงแต่มีค่าอุปกรณ์เล็กน้อย
ฉินเสี่ยวหรานกำลังกรอกเอกสาร ด้านหน้าของเธอเป็นครูธุรการที่ประสานงานด้านการเข้าเรียน "ฉินเสี่ยวหรานหรือจ๊ะ ครูเป็นครูธุรการของที่นี่มีปัญหาอะไรแจ้งได้ คนอื่น ๆ จะเรียกครูว่าครูลู่จ้ะ"
"สวัสดีค่ะ"
"ฝากคุณครูดูแลเด็ก ๆ ด้วยนะครับ พวกเธอมาจากต่างมณฑล ภาษาการพูดแตกต่างจากคนที่นี่" ฉินหานรีบบอก มีหลายคนที่พูดภาษาท้องถิ่น ยิ่งเฉพาะเวลาต้องการนินทาใครสักคน
"ยินดีค่ะ"
"คุณครูลู่คะ ที่นี่มีนักเรียนเยอะหรือไม่คะ" ฉินเสี่ยวหรานถามด้วยความสงสัย เนื่องจากข้างในเป็นโรงเรียนที่ใหญ่พอสมควร แต่ไม่เห็นว่าแถวนี้จะมีบ้านคน
"ห้องเรียนละสามสิบคนจ้ะ"
"อ๋อ"
ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าและก้มหน้ากรอกเอกสารต่อ เนื่องจากเธอย้ายมากลางคันจึงต้องทำเอกสารเยอะกว่าคนอื่น แต่ว่าใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จแล้ว
"อีกสองเดือนข้างหน้าเข้ามาเรียนได้เลย หากเอกสารตกหล่นครูจะติดต่อไปยังพันตรีฉินนะคะ" ครูธุรการลู่กล่าว
"ค่ะ"
จัดการเอกสารการเรียนเสร็จแล้ว สามพ่อลูกก็เดินเท้าไปยังแหล่งซื้อขายที่ต้องใช้เวลา มันอยู่คนละทางกับสถานีรถไฟและยังไกลกว่า ถ้าซื้อของชิ้นใหญ่ต้องใช้รถยนต์ แต่ว่าทั้งสามแค่ต้องการซื้อของเข้าบ้าน
รัฐบาลประกาศการค้าเสรีแล้ว ร้านค้าต่าง ๆ เริ่มผุดขึ้นมา และมีการยกเลิกการใช้คูปอง แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่กล้าเสี่ยง ร้านค้าที่นี่ยังมีไม่มาก แต่มีของใช้ในบ้านขาย สหกรณ์ของที่นี่มีของหลายอย่าง
ฉินเสี่ยวหรานมองกระดาษที่จดรายการของสำคัญมา แม่ของพวกเธอให้เงินมาซื้อของยี่สิบหยวน ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก แต่ในสายตาของเธอเงินแค่นี้มันยังน้อยนัก
"พี่สาวใหญ่" ฉินเสี่ยวหลิงเอ่ยเรียก "อันนี้ใช่น้ำปลาที่แม่บอกให้ซื้อไหมคะ แต่สีมันเข้มและกลิ่นมันแปลก ๆ ฉันไม่มั่นใจ" เธอหยิบไหเล็กขึ้นมาให้พี่สาวดู
"ซีอิ๊ว"
"เอ๋ แต่มันไม่เหมือนที่อำเภอเลยนะคะ"
"ใช่ เครื่องปรุงถึงแม้ว่าจะเรียกเหมือนกัน แต่ว่ารสชาติและกลิ่นไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด เธอต้องดมกลิ่นและเลือกซื้อของดี ๆ" แม้จะเหมือนกันมากแค่ไหนฉินเสี่ยวหรานก็แยกมันออกได้
"ค่ะ"
"เงินพอหรือไม่ พ่อมีเงินอยู่กับตัว ถ้าไม่พอมาเอาไปใช้ก่อน ไม่ต้องบอกแม่" ฉินหานเดินเข้ามาหาลูกสาว เงินที่ว่าไม่ได้ปิดบังแม่ แต่เป็นเงินที่จ้าวหยู่ฟางเอาให้สามีติดตัวเอาไว้ซื้อของ เวลาออกไปทำภารกิจจะได้มีเงินใช้
"พอค่ะ"
นอกจากเครื่องปรุง อาหารแห้งก็เป็นสิ่งที่จำเป็น และมีหลายอย่างที่สามารถทำให้อาหารมีรสชาติได้ ระหว่างหยิบของใส่ตะกร้า ฉินเสี่ยวหรานคำนวณราคาไปด้วย ไม่ให้มันเกินกับเงินที่เอามา
"กว่าจะมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลา และคงไม่มีเวลาได้มาบ่อย ๆ ลูกซื้อเผื่อเอาไว้ด้วย แต่ถ้าอยู่ได้ไม่นานก็ไม่ต้องซื้อเยอะ พ่อจะมาซื้อให้เอง"
"ค่ะ"
หยิบของใส่ตะกร้าครบแล้วจ่ายเงินหมดไปเพียงครึ่งเท่านั้น แต่ว่าต้องซื้อหม้อ จาน ชาม และของที่ใช้ในครัว พบว่าเงินที่ได้มาหมดพอดี
"แม่จะไม่ว่าพวกเราใช่ไหม เงินตั้งยี่สิบหยวนมันไม่น้อยเลย พ่อต้องทำงานเกือบเดือนถึงจะได้มันมา" ฉินเสี่ยวหลิงมีสีหน้าเครียด เธอไม่คิดว่าจะซื้อเยอะขนาดนี้
“ไม่หรอก พ่อคะพวกเรากลับกันเถอะค่ะ"
"อืม"
เป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว พวกเธอออกมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้แม่คงรออยู่ ยังดีที่เมื่อเช้าพ่อไปซื้ออาหารในโรงอาหารเอาไว้ให้แม่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงต้องรีบกลับบ้าน
เดินผ่านร้านผ้า ฉินเสี่ยวหรานหยุดเดินทันที เธอมองพ่อและน้องสาวที่เดินนำหน้าเพื่อกลับบ้านพัก ก่อนจะส่งเสียงบอกและเดินเข้าไปในร้านม้วนผ้า "พ่อคะ หนูอยากดูผ้า"
จิตวิญญาณของเธอคือการเป็นดีไซเนอร์ และในแต่ละวันเธอต้องยุ่งอยู่กับกองผ้าหรือกองกระดาษ เมื่อมาที่นี่ สิ่งที่เธอได้เรียนรู้เป็นสิบ ๆ ปีจะทิ้งไปได้อย่างไรกัน ไม่รอช้าเธอเดินเข้าไปหาม้วนผ้าที่เธอเห็นและหยุดดู
"ผ้าม้วนนี้ทางร้านเพิ่งรับมาจากมณฑลอื่น สาวน้อยเธออยากได้หรือไม่ ราคาเพียงสิบหยวนเท่านั้น มีชุดตัดเย็บให้ด้วย" ผู้หญิงหน้าตาดีแต่ว่ามีอายุแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมแนะนำผ้า
เฉินเสี่ยวหรานมองม้วนผ้าอย่างชั่งใจ หากเธอซื้อ เงินเก็บที่มีก็หมดแล้ว "ยังมีม้วนผ้าอื่นที่มีชุดเครื่องตัดเย็บให้หรือไม่คะ"
"ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว มีชุดเดียวเท่านั้น ถ้าเธอไม่เอา เย็นนี้จะมีลูกค้ารายใหญ่ของร้านเข้ามาซื้อไป แต่ถ้าขายแยกมันมีอยู่แล้ว สู้ซื้อชุดนี้ไปเลยจะดีกว่า" ผู้หญิงที่มาดูแลยังคงแนะนำ
"เอาชุดนี้ก็ได้ค่ะ"
ในที่สุดฉินเสี่ยวหรานก็เลือกซื้อม้วนผ้า ไม่รู้ว่าเป็นการตลาดของทางร้านหรือไม่ แต่ถ้าไม่ซื้อ ในใจของเธอกลับบอกว่าเธอจะเสียใจ จึงซื้อเอาไว้ก่อน ส่วนเงินเก็บเธอตัดเย็บชุดขายก็ได้แล้ว
"พันตรีฉินหรือ"
ฉินเสี่ยวหรานมองตามเสียงที่ได้ยิน เห็นพ่อของเธอทำความเคารพก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนมียศสูงกว่า จึงทำความเคารพตามและเดินมายืนข้างน้องสาวที่อยู่ข้างหลังพ่อ
"ท่านนายพล พันโทเว่ย"
"ในใบรายงานเห็นบอกจะกลับมาอีกทีเดือนหน้าไม่ใช่หรือครับ ทำไมพันตรีฉินถึงมาก่อนกำหนดได้" เป็นทหารที่เด็กกว่าเอ่ยถามด้วยความสนใจแถมยังมองมายังสองพี่น้องด้วยความเอ็นดู
"ลูก ๆ ของผมต้องย้ายมาเรียนที่นี่ครับ จึงคิดว่ากลับมาก่อนกำหนดคงดีกว่า" ฉินหานตอบหัวหน้าที่เขาสังกัดอยู่ พันโทเป็นผู้ชายที่อายุสามสิบปีแต่มีความสามารถโดดเด่น
"เย็นนี้กองทัพจัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารที่พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ ไหน ๆ ก็มาแล้ว พันตรีฉินพาครอบครัวเข้าร่วมงานเลี้ยงเย็นนี้ด้วยสิ จะได้รู้จักกับคนอื่น" นายพลเว่ยบอก
"ครับ ผมจะพาครอบครัวเข้าร่วมงานเลี้ยงเย็นนี้" ฉินหานพยักหน้า งานเลี้ยงในกองทัพไม่ได้มีบ่อย และถ้าเข้าร่วม บางทีภรรยาอาจมีเพื่อนพูดคุยระหว่างอยู่ที่นี่
"เอาละ พวกเราขอตัวก่อน เจอกันครับ"
"เจอกันครับ"
สามพ่อลูกรีบกลับบ้าน หาเสื้อผ้าที่จะไปงานในวันนี้ พ่อของพวกเธอมีชุดอยู่แล้วเพราะจะใส่ชุดประจำตำแหน่ง แต่ฉินเสี่ยวหราน น้องสาว และแม่ ยังต้องหาเสื้อผ้าใส่
"เข้าร่วมงานเลี้ยงหรือคะ"
"ครับ งานเลี้ยงในกองทัพหวั่นอิ๋นไม่ได้มีบ่อย คุณเพิ่งมาที่นี่วันนี้ ถ้าได้เพื่อนพูดคุยคงดีไม่น้อย เวลาลูกไปโรงเรียนจะได้ไม่เหงา" ฉินหานอธิบายให้ภรรยาฟังระหว่างแต่งตัว
ฉินเสี่ยวหรานมีเครื่องสำอางที่ใช้แต่งไปเรียนพอดีจึงแต่งหน้า "ยังดีนะคะที่ก่อนจะมาที่นี่แม่ตัดชุดใหม่ให้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มีชุดเข้าร่วมงานแล้ว"
"นั่นสิ"
"จริง ๆ แม่ว่าไม่ต้องแต่งตัวมากก็ได้นะ" จ้าวหยู่ฟางไม่ชอบแต่งหน้าแต่ถูกลูกสาวบังคับให้แต่งหน้า
"โธ่แม่คะ พ่อบอกนาน ๆ ทีในกองทัพจะจัดงาน พวกเราจะน้อยหน้าไม่ได้นะคะ" ฉินเสี่ยวหลิงบอก เธอกำลังแต่งหน้าอยู่ข้าง ๆ พี่สาว เครื่องสำอางมีเพียงไม่กี่อย่าง
"เฮ้อ"
ใช้เวลาแต่งตัวราว ๆ สองชั่วโมง สมาชิกบ้านฉินจึงมาถึงหน้างานเลี้ยง สายตาคนในงานหันมาจับจ้อง ฉินหานและฉินเสี่ยวหรานชินกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ไม่ใช่ฉินเสี่ยวหลิงกับจ้าวหยู่ฟางผู้เป็นแม่
"ฉินเสี่ยวหลิง"
ฉินเสี่ยวหลิงยิ้มแห้ง จากที่ยืนข้างหลังขยับมายืนข้างพี่สาว "คนเยอะมาก ทำไมพวกเขาถึงมองมาที่เราด้วยสายตาแบบนั้นล่ะคะ หรือว่าพวกเราทำอะไรผิด"
"ไม่มีอะไรหรอก"
โกหกทั้งนั้น สายตาที่มองมาเป็นการดูถูกพวกเธอชัด ๆ และฉินเสี่ยวหรานยังได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่าครอบครัวบ้านนอกอีก หากไม่ต้องการรักษาหน้าพ่อ เธอคงเดินเข้าไปถามแล้ว