บทที่ ๓

1016 Words
“พะ พี่ผิง ชะ ช่วยกลิ่นจันทร์ด้วยย” สิ้นเสียงเธอ ก็จมหายไปในน้ำ “คะ คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูได้ยินบ่าวเรียกฤๅไม่เจ้าคะ” หล่อนร้องเรียกหาคุณหนูของตน ก่อนจะแหวกว่ายลงไปในบึง แล้วกลับขึ้นมาอีกครั้ง “ชะ ช่วยด้วย ๆ คุณหนูจมน้ำ” ผิงร้องตะโกนขอให้คนมาช่วย สายตากวาดไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเห็นแขนโผล่พ้นน้ำ หล่อนจึงรีบว่ายไปหา เพราะหญิงสาวพยายามดันร่างของตนเองให้อยู่เหนือน้ำ แต่โผล่ได้แค่ข้อมือเท่านั้น “คุณหนู ๆ ได้ยินบ่าวฤๅไม่เจ้าคะ” หล่อนยังคงร้องเรียกหา ก่อนจะดำผุดดำว่ายอยู่อย่างนั้น จุดที่หล่อนเห็นคุณหนูเมื่อสักครู่ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีผิง” เสียงห้าวดังมาจากบนฝั่ง พร้อมกับบ่าวไพร่อีกสองสามคนที่ตามมาติด ๆ เมื่อเขาทราบข่าวว่ากลิ่นจันทร์อยู่ที่ลำธาร ก็รีบปรี่มาหาเธออย่างไว “คะ คุณหนู คะ คุณหนูเจ้าค่ะ จมน้ำไปแล้วเจ้าค่ะ” ใบหน้าซีดเผือดของบ่าวรับใช้ ทำเอาคนบนฝั่งแทบหยุดหายใจ จนเขาต้องกระโจนลงน้ำไปทันที เช่นเดียวกับบ่าวไพร่ที่กระโจนลงน้ำด้วยเช่นกันหลวงณรงค์ปราบดำผุดดำว่ายอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพบร่างไร้สติของหญิงสาวที่จมหายไป เขารีบว่ายน้ำเข้าฝั่ง จากนั้นก็ทำการปั๊มหัวใจ และฟังชีพจรว่ายังหายใจหรือไม่ “ฟื้นซิ ข้าบอกให้เจ้าฟื้น” ว่าพลางปั๊มหัวใจไปพลาง หยดน้ำที่ไหลจากศีรษะลงบนใบหน้าและตามลำตัว ร่างกายที่เปียกโชกของหญิงสาว มันแนบเนื้อจนเขาต้องถอดเสื้อแขนยาวออกมาคลุมร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะปั๊มหัวใจและผายปอด “คะ แค่ก ๆ” กลิ่นจันทร์สำลักน้ำออกมา ก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ “ทะ ท่านพี่กลับมาแล้วฤๅเจ้าคะ” น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบ จนร่างหนากระชับร่างเล็กเข้ามาในวงแขน ก่อนที่หญิงสาวจะหมดสติไปอีกครั้ง “พวกเจ้าไปเตรียมเกวียนประเดี๋ยวนี้ ข้าจักพาเธอไปเรือนหมอ” กล่าวจบเขาก็อุ้มร่างของเธอขึ้นแนบอก ก่อนจะสาวเท้าเดินอย่างเร่งรีบ เช่นเดียวกับบ่าวไพร่รีบวิ่งไปเตรียมเกวียน ให้เจ้านายของตนไปยังเรือนหมอที่อยู่ห่างไกลออกไปเกือบสองกิโล เวลาผ่านไปจนเข้าย่ำค่ำ หญิงสาวยังคงนอนไร้สติอยู่บนแคร่ของเรือนหมอ ซึ่งตอนนี้ท่านหมอได้ไปดูแลคนป่วยที่มีอาการหนักกว่ากลิ่นจันทร์ “นะ น้ำ ขอน้ำหน่อย” น้ำเสียงแหบพร่า พยายามจะลุกขึ้น หากแต่ไม่เป็นผล ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว “เจ้าไม่ต้องลุกไปไหนประเดี๋ยวข้าจัดการเอง” น้ำเสียงร้อนรนของอีกฝ่ายกล่าว ทำให้หญิงสาวต้องเปิดเปลือกตาขึ้น พลางหรี่สายตามองว่าเป็นใคร เป็นจังหวะที่ชายหนุ่มเอื้อมแขนไปหยิบขันน้ำทองเหลืองในขณะที่มีบ่าวรับใช้พยุงร่างให้ขยับขึ้นพลางป้อนน้ำหญิงสาวดื่ม “ทะ ท่านพี่มาได้เยี่ยงไรฤาเจ้าคะ” น้ำเสียงเบาจนเกือบจะแหบแห้ง เอ่ยถามบุรุษตรงหน้าที่นั่งอยู่ด้านข้างของเธอ หลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จ “เจ้าอย่าทำให้ข้าต้องเป็นห่วงได้ฤๅไม่ หากข้ามาไม่ทันป่านนี้เจ้าคงไปนอนเฝ้ายมบาลเป็นแน่” ฝ่ามือหนาลูบศีรษะของหญิงสาวที่ขยับตัวนอนอีกครั้งอย่างเอ็นดู “กะ กลิ่นจันทร์ขอโทษเจ้าค่ะ กลิ่นจันทร์แค่ไปเก็บสายบัวในบึง เพื่อจะนำมาทำกับข้าวกับปลาให้ท่านพี่ทานเจ้าค่ะ” ใบหน้าเศร้าสร้อยเมื่อนึกถึงสายบัวที่ตนเองเก็บมาได้มากมายทำกินได้หลายมื้อ “เจ้าไม่ต้องทำกระไรทั้งนั้น แค่เจ้าสั่ง บ่าวไพร่ก็จักหามาให้เจ้าเอง เจ้านะเป็นคุณหนูไม่ใช่ขี้ข้า ที่นึกอยากจักทำกระไรก็จักทำ” เขาอดตำหนิเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้ ที่เจ้าตัวชอบทำให้เขาเดือดร้อนอยู่เรื่อย ๆ สมัยเด็ก กลิ่นจันทร์วิ่งไปเก็บเห็ดในป่าลึกกับบ่าวไพร่ กลับมาเนื้อตัวมอมแมมและที่เท้ามีรอยโดนกิ่งไม้บาด จนเขาต้องทำการรักษาให้เสมอ หรือแม้กระทั่งในวันที่เขาได้รับราชกิจไปต่างเมืองเมื่อไม่นานมานี่ เด็กสาวได้เย็บผ้าผืนบางไว้ให้เขาใช้ยามจำเป็น จนโดนเข็มทิ่มนับไม่ถ้วน และเป็นเขาอีกนั่นแหละ ที่ต้องทำแผลให้กับหญิงสาวทุกครั้งไป “หาไม่ได้เจ้าค่ะท่านพี่ คุณหญิงป้าเคยกล่าวไว้ว่า เป็นสตรีต้องเพียบพร้อมทั้งงานบ้าน งานเรือน งานหลวง งานราษฎร์ และยังต้องเป็นภรรยาที่ดีของสามีในอนาคตด้วยเจ้าค่ะ” เจ้าตัวกล่าวออกมาในขณะที่ก้มหน้าก้มตา ไม่มองอีกฝ่าย “ท่านแม่นะท่านแม่ น้องยังเด็กยังเล็กจักให้น้องเตรียมการรีบออกเรือนแล้วนั้นฤๅ” เขาอดที่จะบ่นมารดาบังเกิดเกล้าเสียไม่ได้ ในขณะเดียวกัน บ่าวไพร่ได้แยกย้ายกันไปทำงานของตน ปล่อยให้คุณหนูทั้งสองได้อยู่กับตามลำพัง ในขณะที่ผิงเองก็ได้ออกมารอปรนนิบัติรับใช้อยู่ด้านนอก “กลิ่นจันทร์ไม่ใช่เด็กแล้วนะเจ้าคะ อายุอานามก็จวนที่จะออกเรือนแล้วเจ้าค่ะ” คำว่าออกเรือนที่ออกจากปากของหญิงสาว ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมามันดูเศร้ายังไงพิกล “เจ้าโตกระไรกัน ข้ายังเห็นเจ้าวิ่งแก้ผ้าอาบน้ำโทง ๆ จะรีบออกเรือนกันไปทำไม” เขาอดที่จะแซวเธอไม่ได้ ก็เด็กสาววันนั้นกลายมาเป็นหญิงสาวในวันนี้ “บะ บ้า ท่านพี่กล่าววาจากระไรออกมาเจ้าคะ” ใบหน้าเขินอาย ของหญิงสาวมันน่าดูน่ารัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD