เซอร์ไพรส์วันเกิด (ต่อ)

1690 Words
แต่คำตอบที่ได้มาก็ทำให้ตัวเขาเองต้องตกใจ เพราะหัวใจหนุ่มแน่นมันร่ำร้องว่าถ้าพรหมลิขิตกำหนดให้เขาได้เจอเธออีกครั้งเป็นหนที่สาม เขาจะไม่ขัดชะตา แต่จะเดินหน้าจีบเธอมาเป็นแฟนให้ได้ เสียงประกาศบอกสถานีถัดไปดังขึ้น เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางที่สถานีนี้ รวิศเดินออกมาปะปนกับกลุ่มคนจำนวนมากที่เดินเร็วๆ เพื่อเปลี่ยนสถานีไปยังจุดหมายปลายทางของตน เสียงผู้คนพูดคุยกันอื้ออึง แต่ไม่รู้ว่าเขาหูฝาดไปหรืออย่างไร เพราะได้ยินชื่อของคนที่ทำให้เขาจิตใจหวั่นไหวมาตลอดสองอาทิตย์ “มิ้ลค์” เขากวาดมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาเจ้าของชื่อ แต่ก็ไม่พบคนที่คาดหวัง จนเดินเบียดเข้ากับสาวคนหนึ่งที่หันมามองเขาด้วยแววตาตำหนิ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าแดงเรื่ออายๆ “ขอโทษครับ” รวิศบอก เพราะเขามัวแต่มองหาคนจนชนกับสาวน้อยคนหนึ่ง “มะ ไม่เป็นไรค่ะ” รวิศยิ้มแทนคำตอบ พลางถอนใจพรู เขามัวแต่มองหาคนที่ไม่น่าจะเจอกันได้บนรถไฟฟ้าแห่งนี้ เขาคิดว่าจะเจอกับวันวิวาห์จนประสาทกินไปแล้วมั้ง ร่างสูงผละจากสาวน้อยคนนั้นแล้วเดินเข้าไปหาที่นั่งภายในห้องผู้โดยสาร เขาเลือกที่นั่งได้แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูไลน์กลุ่มงาน แต่ว่าหูก็ได้ยินเสียงแว่วๆ มาอีกหน “มิ้ลค์นั่นไง คนนั้นอะ หล่อมาก” เขาเงยหน้าขึ้นมอง เพราะรู้สึกว่าเสียงใสๆ นั้นอยู่ใกล้เขาเหลือเกิน เขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าสาวเจ้าชมเขา แต่ว่าจังหวะมันได้ หน้าหล่อๆ เงยขึ้นแล้วต้องตกตะลึงไม่ต่างจากคนที่กำลังสบตาเขาอยู่ “พี่นิว” “มิ้ลค์” “ยายมิ้ลค์แกรู้จักเขาด้วยเหรอ คนนี้ไงที่เดินชนฉัน ที่ฉันบอกแกว่าหล่อมากเหมือนพระเอกหนัง” พรหมลิขิตหรือเปล่าไม่รู้ หากแต่รวิศยืดกายขึ้นเต็มความสูงจากที่นั่ง เดินตรงไปหาสองสาวที่อีกคนหนึ่งกำลังมองเขานิ่งๆ ส่วนอีกคนกำลังเขย่าแขนเพื่อนจนเขากลัวแทนวันวิวาห์เหลือเกินว่าจะหลุดเอาได้ “ยายมิ้ลค์เขาเดินมาแล้ว” “เพลิน ฉันเจ็บ” “แกรู้จักเขาเหรอ เขามองแกใหญ่เลย” วันวิวาห์ยิ้มให้คนที่เดินมายืนตรงหน้า ขณะที่รวิศมองสำรวจสาวน้อยที่อายุห่างจากเขารอบหนึ่ง วันนี้เธอเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ในเครื่องแบบนักศึกษา ผมที่เห็นดัดเป็นลอนวันนั้น ยืดตรงดูอ่อนหวานเคลียไหล่ น่ารักไปอีก จนเขาแทบจะหายใจไม่ออกกับความสวยของเธอ “นั่งไหมครับ ถึงรถไฟฟ้าจะขับนิ่งไม่มีเบรกกะทันหัน มีความปลอดภัยสูงกว่ารถทั่วไป แต่ว่าการนั่งจะปลอดภัยกว่ายืน” “นั่งค่ะ นั่ง” นันทิตาพูดแทนเพื่อน “ยายมิ้ลค์แกไปนั่ง” เพราะเหลือที่นั่งเดียว นันทิตาเลยเสียสละให้เพื่อน “ไม่เป็นไร ยายเพลินแกนั่ง” นันทิตาเลือกที่จะนั่งเองเพราะไม่อยากเถียงกันไปมา แต่ว่ายังงงไม่หาย เพราะคนที่เพื่อนเรียกชื่อว่าพี่นิวนั้นคือคนหล่อที่เธอบอกเพื่อนว่าเดินชนกันตอนที่เธอกำลังโทรศัพท์หาวันวิวาห์ว่ามาถึงหรือยัง แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอบนรถไฟฟ้าอีก “พี่นิวคะ นี่เพลินเพื่อนมิ้ลค์” “สวัสดีค่ะ เพลินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” นันทิตายกมือไหว้ เพราะดูจากท่าทางน่าจะอายุมากกว่าหลายปี “พี่ชื่อนิวครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” รวิศยกมือขึ้นรับไหว้พร้อมกับยิ้มบางๆ “พี่นิว รู้จักกับยายมิ้ลค์นานแล้วหรือคะ ยายมิ้ลค์ไม่เห็นเล่าให้ฟังมั่งเลย” ปลายประโยคนันทิตาหันไปต่อว่าเพื่อนรักที่มีของดีของเด็ดก็ไม่ยอมเล่าให้เพื่อนฟัง วันวิวาห์ทำหน้ายุ่ง เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกับอีกฝ่ายอีกและยิ่งในสถานที่เช่นรถไฟฟ้าก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิด “พี่นิวคนที่ฉันเล่าว่าไปเป็นลมในไซต์งานเขาไง” วันวิวาห์กระซิบบอกเสียงเบา “พี่นิวเองหรือคะที่พาไปยายมิ้ลค์ไปส่งโรงพยาบาล” “ครับ” “แล้ววันนี้สองคนไปไหนกันมาครับ แล้วจะไปไหนต่อ” รวิศเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง “วันนี้เราสอบเสร็จแล้วค่ะ กำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ว่าตอนเย็นพวกเรามีนัดเลี้ยงฉลองเรียนจบกันนะคะ ยายมิ้ลค์ชวนพี่นิวไปด้วยกันสิ” คนถูกเพื่อนเขย่าแขนเหวอไปนิดก่อนจะหันไปขึงตาดุใส่ “พี่นิวจะไปได้ยังไง เขาไม่รู้จักใครเลยนะ” รวิศยิ้มเรียบๆ มองสองเพื่อนสนทนากัน แค่ได้มองใบหน้าสวยหวานของวันวิวาห์ก็ทำให้เขากระชุ่มกระชวยมีความสุขแล้ว “พี่นิวเขารู้จักแกกับฉันไงล่ะยายมิ้ลค์ ชวนเขาไปสิ” วันวิวาห์แยกเขี้ยวใส่เพื่อน เล่นแหกกันต่อหน้าผู้ชาย ที่จริงบทสนทนาที่เธอคุยกับเพื่อน รวิศก็ได้ยินหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดเสียงเบาแบบที่ทำ วันวิวาห์หันไปสบตากับคนตัวโตที่ยืนมองเธอนิ่ง เธอเพิ่งสังเกตว่าวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเทากับกางเกงยีนส์ คู่กับรองเท้าผ้าใบ ดูลำลองแต่ก็ภูมิฐานสมวัย เป็นหนุ่มใหญ่ใจดีแบบที่ชอบ วันวิวาห์สะดุ้งกับความคิดของตัวเอง ทำไมถึงได้คิดอะไรแบบนี้ออกมาได้ เธอชอบเสื้อกาวน์ขาวสะอาดไม่ใช่เหรอ “พี่นิวอย่าไปฟังยายเพลินเลยนะคะ พี่นิวมีงานต้องทำยุ่งจะตาย...จะไปงานเลี้ยงฉลองแบบเด็กๆ ได้ยังไงจริงไหมคะ” รวิศยิ้มบางๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะเขาก็ไม่อยากทำให้วันวิวาห์อึดอัดใจหากเขาไปด้วย เพราะฐานะอะไรก็ไม่มี นันทิตาหรี่ตามองท่าทางของคนตัวโตที่เอาแต่จ้องเพื่อนเธอไม่วางตา ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ถามออกไป “พี่นิวคะ ตอนเย็นพี่นิวติดงานอะไรหรือเปล่าคะ แบบว่าต้องไปรับใครกลับบ้าน หรือว่าต้องรีบกลับไปกินข้าวกับใครหรือเปล่า” ปลายเสียงนั้นสูงพร้อมจ้องเขม็งรอคำตอบ วันวิวาห์ตกใจที่เพื่อนรักถามคนแปลกหน้าออกไปแบบนั้น ฟังดูเสียมารยาทชัดๆ เธออยากจะโพล่งออกไปเหลือเกินว่าทำไมไม่ถามเขาไปเลยล่ะว่ามีแฟนหรือยัง วันวิวาห์ทำตาเขียวใส่เพื่อน แต่นันทิตาก็ทำเป็นมองไม่เห็น ขณะที่รวิศอมยิ้มชอบในความฉลาดหลักแหลมของเพื่อนสนิทคนตัวเล็กที่ถามราวกับเปิดทางให้เขาเดินสะดวกขึ้น “พี่ไม่ต้องไปรับใครกลับบ้านและก็ไม่ต้องรีบกลับไปกินข้าวกับใครครับ พูดง่ายๆ ก็คือโสด เอ๊ยไม่ใช่ครับ ว่างต่างหาก” เขาตอบออกไปแล้วก็ยิ้มกริ่มขณะที่นันทิตายิ้มกว้าง อยากจะกระโดดขึ้นปรบมือเพราะว่าชอบในความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า จะเชียร์ให้จีบเพื่อนดีไหมนะ เพราะวันวิวาห์ก็ยังโสดอยู่ “ว่างทุกวันเลยหรือคะ” นันทิตาไม่วายถามต่อให้แน่ใจ ตอนนี้จึงถูกเพื่อนรักหยิกแขนเข้าให้หนึ่งหมับ “โอ๊ย ยายมิ้ลค์หยิกฉันทำไม” วันวิวาห์รีบนั่งลงแทนที่คนที่ลุกออกไปทีละคน เธออายแสนอายจนไม่กล้ามองหน้าใครบนรถไฟฟ้าแล้ว “ผีเจาะปากแกมาพูดหรือไง ทำไมถามเขาแบบนั้น แกคิดอะไรเนี่ย” “คิดอะไรที่ไหนเล่า แค่อยากรู้ไม่ได้หรือไง” นันทิตาต่อว่าเพื่อนแล้วหันไปยิ้มหวานให้คนที่ยังมองเพื่อนเธอไม่คลาดสายตา ไหนๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องไปให้สุดทาง “ยายมิ้ลค์แกบอกพี่นิวหรือยัง” “เรื่องอะไร” วันวิวาห์เลิกคิ้วถาม งงไปอีก เธอยังต้องมีเรื่องอะไรที่ต้องบอกกับรวิศ แต่ก็สังหรณ์ใจกลัวว่านันทิตาจะหาเรื่องอะไรมาให้อีก “เรื่องที่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดแกด้วยไง คือแบบนี้นะคะพี่นิว วันนี้นอกจากเลี้ยงฉลองเรียนจบแล้ว ยังเป็นวันเกิดของยายมิ้ลค์ด้วยค่ะ พี่นิวไปนะคะ” “แต่เจ้าของวันเกิดยังไม่เชิญพี่เลยนะครับน้องเพลิน” วันวิวาห์ทำหน้ายุ่งอีกครั้ง และครั้งนี้ก็พอดีที่สถานีต่อไปคือจุดหมายปลายทาง เธอเลยเชิญเขาแบบขอไปทีไม่ให้ดูเสียมารยาท “พี่นิวคะ ถ้าว่างก็เชิญนะคะ ร้านบีกินใกล้ๆ กับไซต์งานของพี่นิวเลยค่ะ” รวิศอมยิ้ม ในที่สุดวันวิวาห์ก็ชวน เหมือนเขาจะรอคำนี้จากเธอจนแทบกลั้นลมหายใจ “มิ้ลค์จะลงสถานีหน้าแล้ว ยังไงไว้เจอกันที่ร้านนะคะ” “แต่นี่ยังไม่ถึงบ้านมิ้ลค์” แน่ะ จำได้อีก วันวิวาห์แอบคิด “มิ้ลค์จะไปเอารถที่ซ่อมเสร็จค่ะ” นันทิตาทำตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที “พี่นิวคะ เพลินไหว้วานอะไรสักอย่างสิคะ คือเพลินเพิ่งนึกได้ว่ามีนัด ยังไงพี่นิวก็ว่างอยู่แล้ว ช่วยไปรับรถเป็นเพื่อนยายมิ้ลค์หน่อยได้ไหมคะ” “เฮ้ย ยายเพลิน ทำไมไปโยนให้พี่นิวแบบนี้ล่ะ” “ก็ฉันมีนัดนี่นา” วันวิวาห์ขึงตาดุใส่เพื่อน เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้มีนัดตามที่บอกจริงๆ แต่ว่าอยากให้เธอไปกับรวิศต่างหาก “มิ้ลค์ครับ พี่ไปเป็นเพื่อนดีกว่านะครับ” “แต่ว่า...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD