วันวิวาห์แทบจะหลุดขำออกมา รู้แหละเขาหลอกถาม “มีปัญหาแน่ค่ะ ต้องทะเลาะกันบ้านแตก เขาไม่ชอบให้มิ้ลค์กลับบ้านช้า เขาจะส่ายหน้าระอาทุกครั้งที่กลับไม่ตรงเวลา”
รวิศใจดิ่งลงไปอีก วันวิวาห์มีแฟนแล้วงั้นเหรอ
“ให้พี่ช่วยเคลียร์ไหม พี่ไม่อยากให้มิ้ลค์มีปัญหากับแฟน”
“พี่นิวจะคุยกับแฟนมิ้ลค์ได้หรือคะ แฟนมิ้ลค์เอาแต่ส่ายหน้าไปมา ไม่พูดกับใคร มิ้ลค์พูดด้วยเขายังไม่พูดด้วยเลยค่ะ”
“อย่าบอกนะครับว่าแฟน พัดลม”
วันวิวาห์หัวเราะขำออกมาทันที ขณะที่รวิศขับรถผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง เพราะไม่คิดว่าวันวิวาห์จะเล่นมุกนี้ มุกห้าบาทสิบบาทก็เล่นได้ ดีนะที่น่ารักจนเขามองข้ามไปได้
“พี่นิวคะ”
รวิศเลิกคิ้วหันไปหาคนที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง “มีอะไรครับ”
“คือ...” วันวิวาห์ชะงักปากที่จะถามรวิศเอาไว้ทัน เธออยากรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับขวัญนลิน แต่ก็คิดได้ว่าไม่ใช่เรื่องสมควรถาม เธอจะไปถามเรื่องส่วนตัวของเขาได้อย่างไร ถ้าหากเขาสนิทสนมกันก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน ไม่เกี่ยวกับเธอ
“ไม่มีอะไรค่ะ” วันวิวาห์ตัดใจไม่ถาม “พี่นิวคะ จอดบ้านข้างหน้าที่รั้วสีเขียวค่ะ” วันวิวาห์ชี้มือบอกสารถีจำเป็น
รวิศมองทางเบื้องหน้า แม้จะสงสัยว่าจู่ๆ ทำไมวันวิวาห์ถึงเปลี่ยนใจไม่พูด แต่ว่าเขาก็ไม่ชอบซักไซ้ ในเมื่อเธอไม่พร้อมคุยแสดงว่าเธอต้องมีเหตุผล
รวิศชะลอรถแล้วจอดสนิทลงที่หน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง สภาพบ้านกลางเก่ากลางใหม่ แต่ดูร่มรื่นน่าอยู่ เขามองเข้าไปด้านใน เห็นมีไฟเปิดสว่างอยู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง บอกให้รู้ว่าสมาชิกในบ้านอยู่กันหลายคน
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” วันวิวาห์สบตากับคนที่เหมือนอยากจะพูดอะไรกับเธอ
รวิศอยากจะขอลงไปแต่วันวิวาห์ก็ไม่ได้ชวน มันเป็นช่วงที่ยาก กระทั่งทุกอย่างจบลงเมื่อวันวิวาห์ละสายตาแล้วหันไปเปิดประตูรถลงไป รวิศได้แต่มองตามหลังด้วยความรู้สึกหลากหลายบอกไม่ถูก เพราะอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าวันวิวาห์จะไม่คิดแบบเดียวกับเขา ดวงตาคมเข้มหลุบลง เธอหอบถุงขนมไว้แนบอก ราวกับของสำคัญ รอยยิ้มสุดท้ายที่เธอส่งให้ก่อนจะหมุนตัวเข้าบ้านไปทำให้ใจหนุ่มที่เบิกบานกลายเป็นห่อเหี่ยว
ระหว่างเขากับสาวน้อยคนนี้คงไม่ได้เจอกันอีก รวิศคิดอย่างเสียดาย
.................................................................................................................
เช้าวันต่อมา วันวิวาห์มาถึงห้องสอบแบบฉิวเฉียดเพราะตื่นสาย ต้องโทษตัวเองที่เมื่อคืนนอนดึกจนนาฬิกาปลุกแล้วก็ยังไม่ยอมตื่น ร่างบางสวยวิ่งมาถึงหน้าห้องสอบก็ยืนหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด
“ยายมิ้ลค์ทำไมแกมาสาย จะไม่ทันเข้าห้องสอบแล้วเนี่ย” นันทิตาพอเห็นหน้าเพื่อนก็รีบรัวคำพูดใส่เป็นชุด เธอนั่งรอวันวิวาห์มาเกือบครึ่งชั่วโมง ลุ้นแทบแย่ว่าเพื่อนรักจะมาทันไหม สอบวันแรกก็มาถึงเอาเส้นยาแดงผ่าแปดเสียแล้ว
“แต่ก็มาทันนะ ยังไม่สายสักหน่อย”
“มาถึงก่อนนาทีเดียวเนี่ยนะ”
“อย่าบ่นเยอะ” วันวิวาห์อ้าปากบอกเพื่อน “ฉันเหนื่อย ฟังไม่ทัน ไปเถอะ เข้าห้องสอบกัน คนอื่นเข้าไปหมดแล้ว”
วันวิวาห์ลากมือเพื่อนสนิทเข้าห้องสอบไปพร้อมกัน เพราะไม่อยากฟังอีกฝ่ายบ่นต่อ วันนี้เธอเตรียมตัวมาอย่างดี หลังจากนั่งลง ได้กระดาษข้อสอบก็หันไปยิ้มให้กำลังใจกันระหว่างสองสาว
การทำข้อสอบในวันนี้ผ่านไปอย่างฉลุยเพราะวันวิวาห์ทบทวนมาอย่างดี กระทั่งสอบเสร็จในเวลาเที่ยง ร่างบอบบางก็เดินออกมาจากห้องสอบด้วยใบหน้าสดชื่น
“ข้อสอบยากชะมัด ยายมิ้ลค์แกทำได้ไหม” นันทิตาบ่นกระปอดกระแปด ทำหน้ายุ่งจนวันวิวาห์เห็นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ก็พอได้”
“ฉันหวังแค่ไม่ติดเอฟก็พอใจแล้ว ส่วนแกเอาเอไปนอนกอดอีกตามเคย”
“แกก็พูดไปยายเพลิน ทุกทีก็พูดว่าทำไม่ได้ เห็นเกรดออกมาก็เอตลอด”
“ก็วิชานั้นแกติวให้ แต่วิชาของวันนี้แกไม่ว่างติวให้ฉันนี่ ฉันเลยไม่มั่นใจ”
“ขอโทษนะ ก็ฉันติดงานจริงๆ ไม่งั้นก็ต้องไปติวให้แกแล้วปะ” วันวิวาห์บอกเสียงประจบ ทำหน้าอ้อนเพื่อน เพราะทุกครั้งเธอต้องไปติวหนังสือที่บ้านของนันทิตา แต่รอบนี้เธอติดงานเดินแบบเลยไปติวให้ไม่ได้
“ถ้าฉันไม่ผ่านแกต้องมาติวให้ฉันเลยนะ”
“ผ่านสิ แกก็อย่าแช่งตัวเอง เอางี้ มื้อกลางวันนี้ฉันเลี้ยงข้าวแกนะ แต่ว่าแกต้องไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉัน”
“ไอ้มิ้ลค์แกเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” นันทิตาร้องถาม มองสำรวจเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่ว่าฉันจะไปหาหมอ” วันวิวาห์พูดแล้วก็อมยิ้ม “ฉันปิ๊งหมอที่โรงพยาลอีลิทน่ะแก เขาหล่อ น่ารัก หวานละมุนมาก หน้าใส ปากงี้แดงเชียว”
“มิ้ลค์” นันทิตาหรี่ตามอง “เขาเป็นเกย์หรือเปล่า เบ้าหน้าที่แกพูดมาฉันว่าไม่น่ารอด”
“เพลิน แกตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะ หมอเขาแค่น่ารักดูแลตัวเองดี ไม่เป็นสายเหลืองสักหน่อย”
นันทิตาแบะปาก “แล้วนี่อย่าบอกนะว่าถุงพวกนี้เป็นถุงขนมที่แกเอาไปฝากหมอ”
วันวิวาห์พยักหน้าอายๆ ขณะที่นันทิตาส่ายหน้าระอากับท่าทางเคลิ้มฝันของเพื่อน วันวิวาห์เป็นคนสวยสะดุดตา ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งมาก็ได้เป็นดาวคณะ มีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบไม่เว้นวัน แต่เพื่อนของเธอก็ไม่เคยคบใครเป็นแฟนจริงๆ จนไม่มีใครเข้ามาอีก เพราะต่างคิดว่าดาวคณะสาวสวยคนนี้คงมีแฟนตัวจริงที่ไม่เปิดเผยไปแล้ว
แต่ความจริงไม่มีใครรู้ว่าวันวิวาห์ยังโสดสนิท มีแต่หนุ่มในฝันที่บ่นให้ฟังว่าอยากได้หมอเป็นแฟน และครั้งนี้เหมือนว่าเพื่อนเธอจะจริงจังกับหมอที่เล่ามาเอามากๆ
.................................................................................................................
‘ป้องกันก่อนเกิดเหตุ สังเกตก่อนเตือนภัย ตรวจสอบก่อนการใช้ มั่นใจลงมือทำ’
‘อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์ OK!’
‘อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์ OK!’
‘อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์ OK!’
คำขวัญที่คนงานรวมถึงหัวหน้าคนงานในไซต์งานบีอาร์ทีต้องท่องก่อนเริ่มงานทุกวัน บ่งบอกถึงความห่วงใยที่องค์กรมีต่อพนักงานทุกคน เพราะความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงาน ไม่ใช่แค่ต้องการให้งานเสร็จเรียบร้อยทันกำหนด แต่ทุกชีวิตที่ทำงานต้องไม่บาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตจากการทำงาน นั่นจึงถือว่าการทำงานประสบความสำเร็จสูงสุด
หลังจากเทคานรถไฟฟ้าเสร็จแล้วก็ต้องรอสามวันถึงจะแกะไม้แบบออกมาดูความเรียบร้อย จากนั้นจึงเรียกให้ทีมตรวจสอบเข้ามารับรองว่าคานที่เทนั้นถูกต้องตรงตามแบบ จากนั้นทีมวิศวกรโยธาถึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้
“นิว สถานีต่อไปฉันว่าเราต้องเพิ่มโอทีให้พนักงานแล้วละ เพราะเดือนหน้าวันหยุดเยอะ จู่ๆ ก็ประกาศให้มีวันหยุดเพิ่ม งานอาจจะเสร็จไม่ทันกำหนด อีกอย่างหน้าฝนแบบนี้การทำงานเลยล่าช้าไปอีก”
รวิศพยักหน้าเรียบๆ การทำงานมักจะมีปัจจัยอื่นที่เราควบคุมไม่ได้เพิ่มเข้ามาเสมอ “เพิ่มโอทีได้ แต่ฉันขอดูความคืบหน้าเป็นระยะก่อนว่ามันจำเป็นจริงไหม ฉันไม่อยากให้งบบานปลายไปอีก”
“งั้นเดี๋ยวฉันจะรายงานนายอีกทีว่ายังจำเป็นต้องเปิดโอทีไหม”
รวิศพยักหน้า “งั้นก็ตามนั้น นายไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ฉันจะเข้าออฟฟิศที่สาทรหน่อย”
“เดี๋ยวก่อนสิวะ” สุภาพรีบเรียกไว้ “เมื่อวานนี้มีคนงานมาเล่าให้ฟังว่านายพาสาวสวยที่ไหนไม่รู้ขึ้นรถไปด้วย ตกลงเป็นสาวที่ไหนวะ เดี๋ยวนี้นายหาหิ้วสาวเอาหน้าไซต์งานเลยหรือวะ” สุภาพถามและได้รับสายตาระอาจากคนฟังทันที
เพื่อนของเขาคนนี้ชื่อสุภาพ แต่นิสัยตรงกันข้ามกับชื่อคือไม่มีความสุภาพสักนิด
“สายข่าวนายมันเยอะทั่วไซต์งานจริงๆ นะไอ้ภาพ สาวที่ไหน ไม่มีสักหน่อย น้องเขาชื่อมิ้ลค์ คนที่รถเสียมาหลบแดดเมื่อวานตอนบ่ายไง คนเดียวกันนั่นแหละ น้องเขามาตามหาโทรศัพท์ที่ทำหล่นไว้ พอดีฉันเก็บไว้ให้”
“นึกได้แล้ว โทรศัพท์ที่คุณมึงหวงนักหนานี่เอง ไม่ยอมฝากไว้ที่ออฟฟิศ แต่มึงอยากให้น้องเขามาติดต่อที่มึงเองใช่ไหม” สุภาพพูดพร้อมกับตบบ่าเพื่อนเบาๆ “เจ้าเล่ห์นักนะมึง”
รวิศเบี่ยงตัวออกแล้วส่ายหน้า “มโนแล้ว กูไม่ได้คิดให้น้องเขามาติดต่อกู”
“กูไม่เชื่อ”
“เรื่องของมึง มึงมีอะไรอีกไหม กูจะไปออฟฟิศ เดี๋ยวสาย”
“เดี๋ยวก่อนสิวะ ตกลงมึงได้เบอร์เขาหรือยัง แล้วพาเขาไปส่งถึงไหนวะ”
“กูไม่ได้ขอเบอร์เขา แต่กูไปส่งเขาที่บ้าน จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก มึงพอใจยัง แล้วไม่ต้องถามต่อนะว่าทำไมกูไม่ขอเบอร์เขา เพราะกูไม่อยากรบเร้าเขา”
“กูไม่อยากเชื่อว่ามึงจะไม่ชอบเขา มึงยิ่งชอบคนสวยๆ อยู่ด้วย”
รวิศส่ายหน้าไม่อยากตอบคำถามเพื่อนอีก วันวิวาห์สวยมากจนเขาอยากจีบ แต่ดูแล้วเหมือนเธอไม่สนใจเขาเลย ตอนซื้อขนมก็ซื้อไปฝากหมอก้อง ไม่ถงไม่ถามเขาสักคำว่าอยากได้บ้างไหม
“กูไปละ” รวิศตัดบทไม่ต่อบทสนทนาอีก
ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ สวมคู่กับรองเท้าเซฟตี้เดินกลับไปที่รถ จังหวะเดียวกับที่วิศวกรหนุ่มหล่อล่ำอีกคนเดินเร็วๆ เข้ามาหา
“นิว มึงไปไหน กูติดรถไปลงที่โรงพยาบาลอีลิทหน่อยสิวะ”
“รถมึงไปไหนไอ้วิน”