ขอเลี้ยงข้าว

1985 Words
รวิศดีใจที่ขับรถย้อนกลับมาเอาเอกสาร เลยทำให้เจอกับสาวน้อยหน้าหวานที่เขาชอบความสวย สดใสของเธอจนอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น หัวใจหนุ่มวัยสามสิบสี่กระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่เขาเคยมากินข้าวกับสาวๆ นับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งสาวๆ เหล่านั้นจะสนใจมาที่ตัวเขา และพยายามชวนคุยต่างๆ นานาเพื่อเอาใจ แต่ว่าสำหรับครั้งนี้วันวิวาห์เอาแต่สนใจอาหารตรงหน้ามากกว่าการได้นั่งกินข้าวกับเขา “อร่อยไหมครับ ดูท่ามิ้ลค์จะหิวมาก” วันวิวาห์เงยหน้าขึ้นมาจากอาหารญี่ปุ่น ซึ่งมียำแซลมอน ซูชิหน้ารวม สลัดทูน่า และที่เธอชอบกินที่สุดคือข้าวแกงกะหรี่นั่นเอง วันวิวาห์กลืนอาหารลงคอก่อนจะตอบด้วยความสุข “ใช่ค่ะ มิ้ลค์หิวมากจริงๆ ตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้กินข้าวเลย พี่นิวไม่กินล่ะคะ” “พี่เห็นมิ้ลค์กินได้พี่ก็ดีใจ” วันวิวาห์ทำหน้าปั้นยาก มุกแบบนี้เสี่ยวชะมัด “แต่ว่าจะให้ดีพี่นิวก็กินด้วยสิคะ มิ้ลค์กินคนเดียวก็เขิน อีกอย่างวันนี้มิ้ลค์มาเลี้ยงพี่นิวนะคะ” รวิศอมยิ้มเล็กน้อย เพราะรอยยิ้มกระจ่างสดใสของคนตรงหน้าที่ยิ้มตาหยีส่งมาให้เขา แม้จะไม่หิวเท่าไร แต่มือหนาก็เอื้อมไปคีบซูชิมาชิม “พี่นิวกินเยอะๆ นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ จะสั่งอีกก็ได้” “พี่ไม่กล้าให้มิ้ลค์เลี้ยงหรอกครับ มื้อนี้พี่เลี้ยงเองดีกว่า” “ไม่ได้ค่ะ” วันวิวาห์โบกมือไปมา “ป้าดาสั่งมิ้ลค์มาแล้วให้มิ้ลค์เลี้ยงพี่นิว พี่นิวช่วยพามิ้ลค์ไปส่งโรงพยาบาล ยังไงมิ้ลค์ก็เป็นหนี้บุญคุณพี่นิว ให้มิ้ลค์เลี้ยงข้าวเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะ” รวิศยิ้มบางๆ เขาไม่ได้คิดเป็นบุญคุณเลยสักนิด แต่ถ้าหากเธอคิดว่าติดหนี้บุญคุณเขาแล้วจะทำให้เขาได้เจอเธออีก เขาก็จะยอมปล่อยให้เธอคิดแบบนั้นไปเรื่อยๆ “มิ้ลค์น่าจะยังเรียนไม่จบ เรียนอยู่มัธยมไหนแล้ว” วันวิวาห์ทำหน้าเหลอหลามองเขา “มิ้ลค์เรียนมหาวิทยาลัยค่ะ อยู่ปีสี่ จบเทอมนี้แล้ว” รวิศทำหน้าปั้นยาก ยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ เขามองพลาดไปขนาดนี้ได้ไง “เรียนมหาวิทยาลัยแล้วงั้นเหรอ” “ใช่ค่ะ มิ้ลค์หน้าเด็กขนาดนั้นเลยหรือคะ” “ก็ประมาณนั้นครับ เด็กไม่เด็กพี่คิดว่ามิ้ลค์เรียนแค่มอห้ามอหกด้วยซ้ำ แถมมิ้ลค์เรียกพี่ว่าคุณอีก” “พี่นิวไม่แก่นะคะ แต่มิ้ลค์ก็ไม่กล้าเรียกว่าพี่ เลยให้เกียรติด้วยการเรียกว่าคุณ” เอาอีกแล้ว ยิ้มตาหยีมาให้อีกแล้ว แบบนี้จะไม่ให้เขาวูบวาบได้อย่างไร เด็กมันน่ารัก น่าทะนุถนอมจริงๆ “ว่าแต่มิ้ลค์เรียนที่มหาวิทยาลัยไหนครับ” วันวิวาห์บอกชื่อมหาวิทยาลัยแล้วก็ยิ้มบางๆ ถามต่อ “แล้วพี่นิวล่ะคะ ทำงานที่ไซต์งานบีอาร์ทีหรือคะ” “ใช่ครับ พี่เป็นวิศวกรดูแลไซต์งานบีอาร์ทีสายสีแสด ดูแลงานโยธาทั้งหมด” รวิศอธิบายสั้นๆ “น้องมิ้ลค์เรียนจบสาขาไหนครับ แล้วอยากมาสมัครงานที่บริษัทพี่ไหมล่ะครับ พี่จะฝากให้” เขาชวนคุยต่อ “มิ้ลค์เรียนจบบัญชีค่ะ ส่วนเรื่องงาน มิ้ลค์มีที่ดูๆ ไว้แล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่จะช่วยมิ้ลค์” “พี่ยินดีช่วยครับ” วันวิวาห์ยิ้มหวาน แล้ววางตะเกียบลง “มิ้ลค์อิ่มแล้วละค่ะ” “จะกลับบ้านเลยหรือเปล่าครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เขาอาสา สาวน้อยก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว “มิ้ลค์ว่าจะกลับไปอ่านหนังสือสอบ แต่ขอมิ้ลค์ไปห้องน้ำสักครู่นะคะ เดี๋ยวมิ้ลค์กลับมา” วันวิวาห์เดินไปห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว ลับร่างเล็กบางของสาวสวยที่รวิศรู้สึกถูกตาต้องใจ ร่างของใครบางคนก็เดินตรงเข้ามาหาเขาทันที “พี่นิว” เสียงหวานแหลมเรียก “พี่นิวจริงๆ ด้วย ว่าแต่มากับใครคะ คงไม่ได้มาคนเดียวหรอกใช่ไหม” เสียงหวานใสถามขึ้น ใบหน้าสวยเฉี่ยวหรี่มองด้วยความอยากรู้ “ขวัญนลิน” “ขวัญเอง ตัวจริงเสียงจริง ขอบคุณที่ยังจำขวัญได้ค่ะ ว่าแต่จะไม่เชิญขวัญนั่งหน่อยหรือคะ” “นั่งสิ” เขาผายมือบอก “ขอบคุณค่ะ ว่าแต่พี่นิวยังไม่ตอบคำถามขวัญเลย ใช่แฟนพี่หรือเปล่าเอ่ย เสียดายขวัญไม่เห็นหน้า เห็นแต่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์” เมื่อกี้ขวัญนลินเห็นแต่แผ่นหลังไวๆ เสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้า จะได้ประเมินถูกว่าสวยหรือขี้เหร่กว่าเธอ เพราะเขาดูช่างเลือก และเรื่องนี้ก็ทำให้เธอเสียความมั่นใจไปพอสมควร “เขาไม่ใช่แฟนพี่แบบที่ขวัญเข้าใจ ผู้หญิงคนเมื่อกี้เขาเป็นเพื่อน ขวัญพูดจาให้เกียรติพี่กับเพื่อนด้วย” ขวัญนลินแบะปาก “ขวัญแค่ถามเท่านั้นเองค่ะ ไม่รบกวนเวลาของพี่นิวนานนักหรอก ไม่ต้องทำหน้าเหม็นเบื่อขวัญแบบนั้นก็ได้” “ถ้าขวัญไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับไปก่อนเถอะ” “กลัวว่าเพื่อนจะออกมาเห็นหรือคะ” ขวัญนลินว่าแขวะ ถ้าไม่ติดว่าเธอนัดคนสำคัญไว้ละก็ จะขอรอดูหน้าคนที่ทำให้วิศวกรหนุ่มหล่อคนนี้ต้องมานั่งรอสักหน่อยเถอะ “งั้นขวัญขอตัวก่อน แค่อยากเข้ามาทักคนคุ้นเคยกันก็เท่านั้นเอง ไว้เจอกันใหม่นะคะ” ขวัญนลินเดินจากไปแล้ว รวิศก็หันไปมองทางห้องน้ำเห็นวันวิวาห์เดินมาพอดี ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงนั่งลงแล้วเปิดฉากถามขึ้นทันที “พี่นิวรู้จักผู้หญิงที่ชื่อขวัญนลินด้วยหรือคะ” วันวิวาห์ถาม พลางมองไปทางที่ขวัญนลินเดินหายไป ราวกับจะมองให้แน่ใจว่าใช่ขวัญนลินตัวจริงหรือไม่ “มิ้ลค์รู้จักขวัญด้วยเหรอ” เขาถามกลับ เลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ วันวิวาห์ถอนใจ ถามกลับมาแบบนี้แสดงว่ารวิศต้องรู้จักกับขวัญนลินอย่างไม่ต้องสงสัย แถมเรียกชื่ออย่างคุ้นเคยอีกต่างหาก “เพื่อนมิ้ลค์หรือ” รวิศถามต่อในสิ่งที่สงสัยทันที ก่อนหน้านี้ขวัญนลินเคยบอกเขาว่าเธอเรียนที่มหาวิทยาลัยอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจจะจำ ไม่แน่ว่าสองคนนี้อาจจะบังเอิญเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน วันวิวาห์หลุบตาลง เธอกับขวัญนลินไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ทำงานให้กับพี่พิมมี่เหมือนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับขวัญนลินควรจะเรียกว่าอะไรดีนะ เธอไม่มีคำนิยามให้จริงๆ สำหรับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดคนนี้ แต่เธอก็ไม่อยากพูดให้เขาฟังเพราะยังถือว่าเป็นคนนอก “ขวัญนลินทำงานให้เจ้านายคนเดียวกับมิ้ลค์ แต่เราไม่ใช่เพื่อนกันหรอกค่ะ พี่นิวจะกลับเลยไหมคะ มิ้ลค์จะได้เรียกเขาคิดเงิน” รวิศรู้ว่าวันวิวาห์ตัดบท ไม่อยากเอ่ยถึง เขาก็ไม่อยากซักไซ้ต่อเช่นกัน “พี่เรียกเขาคิดเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้ามิ้ลค์ไม่สบายใจ ไว้วันหลังค่อยเลี้ยงกาแฟคืนก็ได้” “เลี้ยงกันไปมาแบบนี้เมื่อไรจะจบล่ะคะ มิ้ลค์ค*****นให้พี่นิวเลยดีกว่า จะได้จบกัน” วันวิวาห์บอก เธอไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณเขาอีก วันวิวาห์หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วเลิกคิ้วถามราคาค่าอาหาร รวิศเห็นว่าวันวิวาห์ตั้งใจที่จะค*****นเขาจริงๆ ทั้งที่เขาอยากเจอเธออีกมากกว่าจะจบแค่นี้ รวิศระบายลมหายใจ ยอมบอกค่าอาหารและรับเงินคืนมา “เราไม่ติดค้างกันแล้วนะคะ ส่วนบิลที่พี่นิวจ่ายไป มิ้ลค์ขอเก็บไปให้ป้าดูนะคะ จะได้เอาไปลงบัญชีครัวเรือน” รวิศยื่นให้พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เขาเห็นใบหน้าสวยหวานที่ดูสดใส ไม่ได้สนใจว่าอยากให้เขาเปย์ให้เลย ทั้งที่เขาเสนอตัวไปถึงขนาดนั้น อีกทั้งยังมีนิสัยประหยัด มัธยัสถ์อีกด้วย “นี่ก็ดึกแล้ว ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะครับ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ” วันวิวาห์โบกไม้โบกมือ ไม่อยากให้เขาไปส่งที่บ้าน เพราะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน เธอไม่กล้าไว้ใจเขามากเกินไปนัก หน้ายุ่งๆ ของคนตัวเล็กเลยทำให้รวิศพูดขึ้น “ถ้าไม่ไว้ใจ ถ้าอย่างนั้นพี่นั่งแท็กซี่ไปส่งมิ้ลค์ที่บ้านก่อน แล้วพี่ค่อยกลับมาเอารถที่นี่ก็ได้” วันวิวาห์ฟังจบก็รีบร้องห้าม “ไม่ต้องหรอกค่ะ” “แต่พี่ไม่สบายใจถ้าไม่ไปส่งถึงบ้าน นี่ก็ค่ำมากแล้วด้วย” วันวิวาห์ระบายลมหายใจ “ถ้าอย่างนั้นพี่นิวไปส่งมิ้ลค์ที่บ้านดีกว่า ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ไปส่งแล้วย้อนไปย้อนมาเสียเวลาแย่ แต่ว่าก่อนจะกลับบ้าน มิ้ลค์ขอแวะซื้อขนมสักหน่อยนะคะ” รวิศพยักหน้า เดินตามวันวิวาห์ไปเลือกซื้อขนม หญิงสาวตรงไปที่ร้านเบเกอรี แล้วเลือกขนมมาหลายอย่าง ก่อนจะหันมาหาเขาที่ยืนรออยู่ “พี่นิวรออีกครู่หนึ่งนะคะ ขอมิ้ลค์เลือกอีกสักชิ้น” “มิ้ลค์ชอบกินเบเกอรีหรือครับ” เขาถามขึ้น “ไม่ใช่หรอกค่ะ มิ้ลค์จะซื้อไปฝากเขาน่ะค่ะ” “ซื้อไปฝากเขา” “ซื้อไปฝากคุณหมออชิรวิทย์ที่โรงพยาบาลอีลิทไงคะ คุณหมอดูแลมิ้ลค์ดีมากๆ เลยอยากซื้อขนมไปฝากคุณหมอสักหน่อย” รวิศพยักหน้าเรียบๆ เขาไม่คิดเลยว่าวันวิวาห์จะมีสเปกเป็นหมอ เสื้อกาวน์ขาวสะอาด แล้วคนในเสื้อช็อปล่ะเธอจะสนใจหรือเปล่า “พี่นิวคะ พี่นิวว่าคุณหมอจะชอบกินอะไรคะ ซูครีมหรือว่าเค้กใบเตยดี” “พี่ไม่ทราบครับ” “นั่นสิคะ พี่นิวจะทราบได้ยังไง งั้นมิ้ลค์เลือกซูครีมดีกว่า” รวิศเลยถอยฉากให้วันวิวาห์เลือกขนมต่อ หญิงสาวเลือกอีกสองชิ้นก็นำไปคิดเงิน พอได้ถุงขนมมาแล้วเขาก็ต้องรู้สึกใจห่อเหี่ยวลงไปอีก เพราะใบหน้าน่ารักที่เดินเปิดยิ้มหวานมานั้นมีความสุขจากการได้ซื้อขนมไปฝากหมอก้อง หรือนายแพทย์อชิรวิทย์นั่นเอง “เสร็จแล้วค่ะ ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” “พี่ช่วยถือนะครับ” รวิศอาสา เขาเห็นแววตาลังเลของวันวิวาห์อยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะยื่นให้ รวิศรับมาแล้วก็เดินเคียงกับวันวิวาห์ไปที่รถ กระทั่งขึ้นรถมาแล้ว เตรียมจะขับออกจากลานจอดรถ “มิ้ลค์บอกทางพี่ด้วยนะครับ” วันวิวาห์พยักหน้า พร้อมกับบอกทางเขาเป็นระยะ รวิศคาดเดาว่าอีกไม่นานก็จะถึงบ้านของเธอแล้ว แต่เขายังมีเรื่องที่สงสัย ยังไม่ได้รับคำตอบ “พี่มาส่งมิ้ลค์ที่บ้านแบบนี้ มิ้ลค์จะมีปัญหาหรือเปล่า” เขาถาม พยายามซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่ให้เธอเห็น “พี่นิวหมายถึง” “พี่หมายถึง เอ่อ คนที่เป็นแฟนมิ้ลค์”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD