บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ! (1)

1126 Words
ลั่วเหยียนเจิ้งแสร้งหายไปกับฝูงชน ในตลาดพลุกพล่าน ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาที่ล้ำลึกแอบมองตามร่างสูงในอาภรณ์สีน้ำเงินซึ่งเดินเข้าไปยังหอบุปผาด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาเห็นเพียงแผ่นหลังทว่าการก้าวเดินนั้นกลับมั่นคงสง่างามจนทำให้ผู้คนเหลียวมองตาม อีกทั้งบรรยากาศเย็นเยือกที่แผ่ออกมาทำให้ดูน่าสนใจ แต่เหตุใดกันคนผู้นั้นถึงลอบมองตามเขาเงียบๆ อีกทั้งมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน            เมื่อร่างนั้นพร้อมผู้ติดตามหายเข้าไปในหอบุปผา ลั่วเหยียนเจิ้งจึงเลิกสนใจ หากไม่ใช่ว่าตนเป็นลูกศิษย์ของเทพตกสวรรค์ปานนี้คงไม่รู้ว่าถูกลอบมอง อีกทั้งยังมีขอทานน้อยซึ่งมีวรยุทธ์แสร้งมาขโมยถุงเบี้ย ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก แต่เวลานี้ตนยังมีเรื่องต้องจัดการจึงเดินถอยกลับ มุ่งหน้าตรงไปยังจวนผู้ว่าราชการของเมืองหยางเซา            ช่วงนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้วผู้คนเริ่มบางตา ลั่วเหยียนเจิ้งมองดูกำแพงรั้วของจวนผู้ว่าอย่างครุ่นคิด หากเดินเข้าไปเฉยๆ คงมิอาจเข้าไปได้และยังจะไม่รู้ความจริงอีกด้วย            ทางเดียวคือการแอบเข้าไปเท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงทะยานข้ามกำแพงและหลบซ่อนอยู่บนต้นไม้ภายในจวน แสงไฟที่สาดส่องจากภายในห้องหนึ่งจึงพลิ้วกายขยับไปใกล้มากขึ้น แม้จะอยู่ในอาภรณ์สีขาวที่ดูโดดเด่นทว่าความรวดเร็วนั้นกลับไม่สามารถมองตามได้ทัน                     “บัดซบ! ตระกูลถังคิดจะต่อกรกับข้าเช่นนั้นรึ คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนตบมือลงบนโต๊ะด้วยความเดือดดาล ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว            “นายท่านยังไงตระกูลถังก็เคยเป็นขุนนางมาก่อน แม้คนที่นี่จะเป็นตระกูลสาขาเล็กๆ ที่แยกออกมาแต่ความร้ายกาจก็ยังอยู่ขอรับ” ข้ารับใช้ก้มหัวลงต่ำกล่าวบอกอย่างระวัง            “หึ ก็แค่ขุนนางชั้นต่ำไร้ชื่อเสียงจะจัดการให้สิ้นชื่อก็ยังได้”            “แต่ข้าน้อยเกรงว่าเรื่องนี้จะถึงคนในตระกูลสาขาใหญ่ที่อยู่เมืองหลวงขอรับ” ผู้เป็นบ่าวยังเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี ทว่ากลับต้องคุกเข่าลงด้วยความเร็วเมื่อฝ่ามือหนาฟาดเข้าเต็มหน้าซีกขวา            “ข้าน้อยผิดไปแล้วนายท่านโปรดอภัย”            น้ำเสียงร้อนรนผู้เป็นบ่าวทำให้คนมองแอบขำ ไม่ว่าจะเป็นใครที่ต่ำต้อยย่อมกลัวเจ้านาย ทว่าเหตุใดองครักษ์ทั้งสองถึงไม่ได้กลัวเขาจริงๆ เสียที ไม่กลัวแต่นอบน้อมยอมถวายชีวิตไม่หวั่นแม้ความตาย แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วเขาต้องการข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีด้วยหัวใจ หาใช่มาจากความกลัวไม่            “ฮึ โง่เง่าสิ้นดี ตระกูลต่ำต้อยและยังถูกทอดทิ้งจากตระกูลสาขาใหญ่ยังกล้ามาเหิมเกริมต่อข้าแซ่เฝิง หากข้าไม่ได้ต้องการแม่นางหยุนซี ข้าคงสังหารล้างตระกูลไปแล้ว ในเมื่อพวกมันไม่ยอมรับไมตรี ข้าก็จะไม่ปล่อยให้มาเป็นเสี้ยนหนามตำใจอีก ส่งอีกาไปจัดการอย่าให้เรื่องมาถึงข้าได้”             น้ำเสียงโกรธแค้นพร้อมคำสั่งโหดเหี้ยมดวงตาฉายแววดุดันแม้กระทั่งคนรับคำสั่งยังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว             “ขอรับ” บ่าวรับใช้รับคำก่อนจะรีบถอยไปตามคำสั่ง โดยมิอาจรู้เลยว่าความลับนี้มีใครบางคนรับรู้ไปด้วย            ดวงตาคมกริบมองผู้ว่าราชการเมืองหยางเซาด้วยแววตาเย็นเยียบ นี่แค่การเริ่มต้นเขายังพบหลักฐานเลวร้ายด้วยตาตนเอง แต่ว่าแค่นี้มันยังไม่เพียงพอต่อการเอาความผิดได้ อีกทั้งไม่แน่ใจว่าเฝิงเฉินผู้นี้มากเล่ห์เพียงใด หากไม่ระวังอาจแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่า            ลั่วเหยียนเจิ้งพลิ้วกายตามบ่าวรับใช้ไปอย่างเงียบงัน ทว่าต้องหลบพุ่มไม้ด้วยความเร็วเมื่อเห็นชายชุดดำผู้หนึ่งปรากฏขึ้น มองดูภายนอกก็รับรู้ได้เลยว่าชายผู้นี้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศยิ่งนัก ดวงตาคมจ้องมองคนเหล่านั้นอย่างเงียบงัน นับว่าการมาครั้งนี้ทำให้เจอเรื่องไม่คาดฝันหลายอย่างนัก หนึ่งปีที่ผ่านมานี้นึกว่าราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขหากไม่ได้รับฎีกาลึกลับฉบับนั้นคงโง่งมอีกนาน            แต่ว่าผู้ใดกันที่คิดก่อกบฏกับตนหรือมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอยู่ในวังหลวงเงียบๆ หากไม่มีผู้คนหนุนหลังตระกูลเฝิงคงไม่กล้าเหิมเกริมถึงเพียงนี้            “จัดการให้หมดนำตัวแม่นางถังหยุ่นซีกลับมาให้นายท่าน นี่คือเงินตอบแทนสำหรับค่าสังหาร หากได้แม่นางถังหยุ่นซีมาเจ้าจะได้อีกครึ่งหนึ่ง” น้ำเสียงเข้มงวดดวงตาดุดันจ้องมองอีกาอย่างดุดันไม่หลงเหลือความขี้ขลาดเหมือนอยู่ต่อหน้าเจ้านายแม้แต่น้อย            “อย่าคิดเหิมเกริมกับเหล่าอีกา แม้มีอำนาจล้นฟ้าเงาหัวอาจไม่มี” น้ำเสียงเย็นเฉียบกล่าวกับผู้จ้างวาน ดวงตาเรียวคมที่โผล่พ้นผ้าปิดใบหน้าจ้องมองอย่างดุดัน ทำให้คนฟังหัวใจสั่นสะท้าน แม้แต่อีกามันยังต้องยำเกรงเช่นนั้นรึ?            ลั่วเหยียนเจิ้งแอบมองเงียบๆ ถึงกลับนิ่วหน้าจ้องมองชายชุดดำที่ปกปิดตัวตนคล้ายดั่งนักฆ่า น้ำเสียงเย็นเฉียบทำให้คนฟังรู้สึกใจสั่นสะท้าน หากตนมิได้มีชีวิตที่อยู่ท่ามกลางการเข่นฆ่าแย่งชิง เย็นชา ไร้ความปราณีคงหวาดหวั่นไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้งหลบวูบเมื่อสายตาเรียวคมหันมาทางตนจึงใช้วิชาเร้นกายหายไปจากจุดที่เคยอยู่            พรึบ! เงาร่างสีดำเคลื่อนตัวมายังพุ่มไม้ซึ่งอยู่ไม่ห่างด้วยความเร็ว ทว่าพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วขมวดมุ่นลางสังหรณ์ตนมิเคยผิดพลาด หรือมีสิ่งใดที่ยังรวดเร็วและน่าหวาดหวั่นกว่าตน            “มีอะไร”            “การเจรจาสิ้นสุด”            เงาร่างนั้นไม่สนใจจะตอบคำถามพลิ้วกายหายไปจากสายตาและหลบซ่อนไปกับความมืดด้วยความเร็ว ทว่าความเร็วระดับนี้หากมิใช่ยอดฝีมือคงมิอาจตามได้ทัน            ลั่วเหยียนเจิ้งแอบอยู่หลังกำแพงลอบมองอย่างตื่นตระหนก ฝีมือร้ายกาจเพียงครู่เดียวกลับรับรู้การคงอยู่ของเขา หากช้ากว่านี้คงได้สู้รบปะมือไปแล้ว เขาไม่ได้พวกบ้าพลังที่ใช้แต่กำลังในการตัดสินทุกสิ่ง การเป็นคนอ่อนแอแบบเสแสร้งมานานทำให้เขาถนัดกับการใช้สมองมากกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD