ขอให้ทุกคนลืมโลกที่รู้จักไป โลกที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นโลกที่แผนดินไม่ได้แยกออกจากกัน แต่เป็นผืนแผ่นเดียวบวกกับมีเกาะล้อมรอบแผ่นดินอีกชั้นหนึ่ง เป็นร้อย ๆ เกาะ และโลกนี่เต็มไปด้วย ปีศาจ มนุษย์ พ่อมดแม่มด แวมไพร์ นางเงือก มนุษย์หมาป่าและอื่น ๆ บนโลกนี้ ทั้งหมดนี้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข แต่ในความสุขย่อมมีสิ่งก่อกวนใจ สงครามระหว่าง มนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์ นางเงือกกับมนุษย์ และมนุษย์กับเขาผู้นั้น สงครามเหล่านี้ไม่มีวันจบสิ้นโดยเฉพาะมนุษย์กับเขาผู้นั้น เพราะสัญญาที่เขาผู้นั้นไม่ควรทำขึ้นมา
“ให้ตายเถอะ มนุษย์พวกนี้ชักจะมากเกินไปแล้วนะ”
ชายสวมชุดดำมีผ้าคลุมใบหน้าบ่นฮึดฮัดพลางกระทืบมนุษย์คนหนึ่งที่เขาจับได้
“เออทนหน่อย อีกไม่นานสัญญานั้นก็จะหมดแล้ว”
“เฮอะ สักวันถ้าสัญญานั้นหมดพวกมันไม่รอดแน่”
ณ เมืองไลน์เม้าท์เทนต์ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มการจราจรที่ติดขัดเสียงบีบแตรชวนปวดหัวเสียงโหวกเหวกโวยวายจากข้างนอก...เซ็งจิต
“ชั่งเป็นวันที่น่าเบื่อสิ้นดี”
ท่านประธานาธิบดีแห่งเมืองไลน์เม้าท์เทนต์บ่นฮึดฮัด มองการจราจรข้างนอก ช่างน่าเบื่อ แต่ทำไงได้ก็นี่ฤดูหนาวนี่บวกกับวันนี้ต้องกล่าวแถลงการณ์ที่เขาต้องไปถึงเมืองโอเลนอีก
“ท่านครับ ได้เวลาแล้วครับ” คนสนิทของเขามาพร้อมกับเสื้อที่เขาต้องใส่ในวันนี้
“เข้าใจแล้ว” เขาหยิบนาฬิกาข้อมือมาสวม “จริงสิ ตอนนี้...” พอเขาหันไปร่างของคนสนิทของเขาก็ล้มลงไปนอนที่พื้นที่เต็มไปด้วยกองเลือด
“ขออภัย” คนแปลกหน้าที่นั่งบนเก้าอี้พูด “ที่เข้าห้องเขาท่านโดยผละการ” ชายคนนั้นพูดพร้อมควงมีดในมือเล่น “ไม่ว่ากันนะข้างนอกมันหนาว”
“คุณเป็นใคร เข้ามาได้ไง มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง!”
“เรียก...”ชายแปลกหน้าหันไปมองข้างหลังก่อนหันกลับมา "เรียกใคร...อ้อ การ์ดด้านนอกผมส่งพวกเขากลับบ้านกว่าไปหมดแล้ว"
ประธานาธิบดีตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เขาละสายตาคมกริบนั้นไม่ได้เลย พลั้นตัวเขาเหมือนถูกดันเข้าไปติดกับผนังห้อง
“อ๊าก!” เขาร้องลั่น พยายามดึงมีดออก มันติดหนึบกับกำแพงแน่นเกินกว่าที่เขาจะดึงออก ชายคนนั้นเดินเข้าไปหาช้า ๆ มองด้วยความขบขัน
"เอกสารอยู่ไหนขอรับท่าน" ประธานาธิบดีไม่ทันอ้าปากพูด "อื้ม...ไม่ต้อง ๆ คุณคงเผามันทิ้งไปแล้ว ฉลาดนี่แค่เผามันซะก็จะถือว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาคนนั้น" พริบตาเดียวชายคนนั้นไปยืนอยู่ข้างหน้าเขา “แต่โง่สิ้นดีคิดจริง ๆ เหรอว่าแค่เผาแล้วคุณจะรอดโถ ๆ มนุษย์” มีดอีกเล่มโผล่มาจากแขนเสื้อข้างขวา
“หลับอย่างสงบนะครับ”
หิมะตกหนักมากกว่าปกติ การจราจรติดขัดถึงขนาดที่ว่ารถบนถนนแถบไม่ขยับเลย
“ตกหนักจริงๆด้วยสินะ” นักสืบชานส์ โฮวินสันต์ มองออกไปนอกหน้าต่าง เขากลับมาทำงานอีกครั้งได้ตำแหน่งเดิมของตัวเอง หลังจากผ่านไปสองปีเต็มทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกังวลใจเกี่ยวกับแผลที่ปอดของเขา เขาต้องไปที่โรงพยาบาลบ่อยขึ้นค่าใช้จ่ายไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เรื่องของเรจีน่าต่างหากตอนนี้เธอตั้งครรภ์สองเดือนแล้ว เขาไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเธอนานเกินหกชั่วโมง 'อยากกลับบ้านจัง'
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
เดวิด เมอร์ริซ่า เดินเข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูอย่างดัง ชานส์สะดุ้งก่อนถอนหายใจ เดาอารมณ์ได้ไม่ยาก เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะน่า บอกว่าฟาดลงบนโต๊ะซะมากกว่าลักษณะนี้ไม่น่าวาง
“เมื่อไหร่คุณจะได้เป็นผู้กำกับซะที”
“...........” ก็นะที่เดวิดพูดแบบนี้ เพราะชานส์ได้รับการโหวดจากทุกคนว่าเมื่อผู้กำกับดีนเกษียณออกจากตำแหน่ง เขาจะได้ขึ้นเป็นผู้กำกับคนใหม่ทันที
“ผมเบื่อไอรองผู้กำกับนั้นเต็มทีแล้ว” เดวิดนั่งลง
ชานส์ถอนหายใจ “อีกแล้วล่ะสิ”
เดวิดมองเพดานพยักหน้าเบา ๆ ชานส์หยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน
“คุณลองคิดดูสิ มีแต่งานบ้า ๆ อะไรก็ไม่รู้ ทำอย่างกับว่าพวกเราเป็นเด็กอมมือทำงานใหญ่ๆไม่เป็น” เดวิดบ่นไม่หยุด ชานส์เกาหัวขณะดูเอกสาร
'นั้นสินะ คิดเหมือนกันเลย' ชานส์คิดในใจ
เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ “เชิญครับ”
คนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่นผู้กำกับดีนเดินเข้ามาปิดประตูตามหลังเงียบเฉียบทั้งสองคนยืนทำความเคารพ ผู้กำกับดีนโบกมือเขานั่งลงข้างเดวิดสายตามองที่เอกสารที่อยู่ที่มือของชานส์
“ขอผมดูหน่อย” เขายื่นมือไปรับเอกสารที่ชานส์ส่งให้เขาพลิกดูสองสามหน้า เขายิ้มแห้ง “งานนี้มัน...เฮ้อ พวกคุณเจอเรื่องหนักซะแล้ว” เขาสายหน้า
“มันเกิดขึ้นแล้วหนิ” เดวิดแหนบ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชานส์เปิดประเด็น
ผู้กำกับดีนพยักหน้า “ท่านประธานาธิบดีแห่งเมืองไลน์เม้าท์เทนต์ถูกลอบสังหาร”
“พวกก่อการร้ายเหรอครับ”
“ยังสรุปไม่ได้” ผู้กำกับดีนพยักหน้า “ทางเอฟบีไอกับซีไอเอคงไม่อยู่นิ่ง ๆ แน่ พวกเขากำลังตามหาล่องลอยของฆาตกร ตอนนี้พวกเขาคิดว่าเป็นการก่อการร้าย”
ในห้องตกอยู่ในความเงียบ เดวิดกุมขมับ
“เรื่องใหญ่เลยงานนี้”
ชานส์หรี่ตามองเอกสารแต่ในหัวคิดแต่เรื่องที่ท่านประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย
เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นดึงความสนใจอีกสองคนที่นั่งตรงหน้า
“ครับผม...เข้าใจแล้ว”
“มีอะไรเหรอ”
“สงสัยเราต้องไปเองซะแล้วล่ะ”
พวกชานส์นั่งเครื่องบินเจ็ทไปเมืองโอเลน บ้านพักของประธานาธิบดีห่างจากเขตเอไม่มากถ้านั่งรถราว ๆ สองถึงสามชั่วโมง เครื่องบินเจ็ทประมาณชั่วโมงครึ่ง
“อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงแล้ว” เดวิดนั่งเท้าคางริมหน้าต่าง เขาจิบกาแฟสองสามอึก “หวังว่าจะไม่เจอรองผู้กำกับนั่นนะ”
ชานส์มองหน้าเดวิดพลางคิดในใจ
'หวังไว้เหมือนกัน'
หนึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึง พวกเขาชูตราตำรวจให้นายตำรวจที่ยืนเฝ้าทางเข้าที่เกิดเหตุ นายตำรวจหลีกทาง พวกเขาจึงเดินเข้าไป
“ไง กว่าจะมาช้าจริง ๆ”
เสียงที่พวกเขาคิดไม่ถึงทำให้ชานส์กับเดวิดเหนื่อยใจขึ้นมาทันที
“สวัสดีครับรองผู้กำกับฯ” ชานส์เป็นฝ่ายพูดก่อน เขากระทุ้งศอกเดวิดเบา ๆ แต่เดวิดเพียงพยักหน้าให้
“พวกคุณอยากโดนไล่ออกมากเลยใช่ไหม” รองผู้กำกับฯมองพวกเขาอย่างเอาเรื่อง
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เจ้าของเสียงเดินมาหยุดอยู่ข้างเขา เขาคือ เดเมี่ยน โฮแม็กกี้ อดีตคู่หมั้นของเรจีน่า
บาลี โฮแม็กกี้ คนพ่อถอนหายใจก่อนหันไปสั่งงานต่อ เดเมี่ยนเดินมาหาชานส์พูดกระซิบเบา ๆ
“อย่าคิดว่าแย่งเรจีน่าไปแล้วเรื่องมันจะจบ อย่าคิดว่าแย่งเธอไปแล้วจะชนะฉัน ฉันจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า...คอยดู” ว่าจบเดเมี่ยนเดินไปสบทบกับคนพ่อ
“หน้าด้านหน้าทนจริง ๆ” เดวิดกระซิบขึ้นบ้าง
"ชั่งเถอะ ทำงานดีกว่า"
ผ่านไปราวสองชั่วโมง ถึงจะบอกว่างานยังไม่เสร็จก็คงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมันไม่เหลืออะไรให้ตรวจสอบแล้ว
“นั้นคุณจะไปไหน” ชานส์หันไปถามเดวิด
“สูดอากาศข้างนอก ไปไหม”
“ก็ดี” ชานส์เดินตามเดวิดไป
“นักสืบโฮวินสันต์ครับ”
“ครับผม”
“ภรรยาของคุณมาแล้วครับ เธอรออยู่ข้างนอก”
ชานส์พยักหน้า “ขอบคุณมาก” เขาเดินออกไปเห็นรถปอเช่สีน้ำเงินจอดอยู่ เขากลืนน้ำลายดังเฮือก บุคคลที่น่ากลัวมาอีกคนแล้ว
“ชานส์” เธอโบกมือให้เขา ชานส์เดินเข้าไปหาเธอ
“เอ่อ...”
“ฉันมาแล้วมีปัญหาเหรอ”
โคจิม่า คราวิ่น พี่ชายของเรจีน่าเป็นเอฟ่บีไอระดับสูง ไม่เป็นการแปลกที่เอฟบีไอมาถึงนี่ในเมื่อคนที่ถูกฆ่าคือท่านประธานาธิบดี
“สวัดดีครับ”
“ไง ชานส์” แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ชานส์ที่เหงื่อตกแม้แต่เดวิดถึงแม้จะทั้งสองจะไม่ค่อยได้คุยกันนักเดวิดก็ยังรู้สึกขนลุกตรงต้นคอ
โคจิม่ามองไปรอบ ๆ หยุดมองรถคันหนึ่งเขาหรี่ตาเดินกระทืบเท้าเข้าไปแตะไหล่เดวิด “พาเข้าไปหน่อย”
เดวิดเดินนำโคจิม่าเข้าไปข้างในบ้านพัก
“พี่โคจิม่ารู้ว่า...สองคนนั้นจะมาที่นี่เลยตามมาด้วยค่ะ”
ชานส์ยิ้มไม่ออก “หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องนะ”
เนื่องจากคดีครั้งก่อนจบลง ชานส์ได้เข้าไปส่วนหนึ่งของครอบครัว คราวิ่น เป็นเหตุทำให้ เดเมี่ยน อดีตคู่หมั้นของเรจีน่ายอมไม่ได้ หลังจากนั้นเดเมี่ยนจะมาก่อกวนชานส์อยู่ตลอดเวลา ทำให้ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันแม้ชานส์จะพยายามผูกมิตรด้วยแล้วก็ตาม
“เข้าไปนั่งรอในรถก่อนเถอะ”
“ไม่ค่ะ ขอสูดอากาศข้างนอกดีกว่า”
ชานส์นิ่งเงียบถึงเขาจะอยู่กับเธอไม่เคยนานกว่าหกชั่วโมง นี่จึงเป็นเวลาสำคัญที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกัน
“นานแล้วนะที่เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันแบบนี้”
เรจีน่ากระพริบตาปริบ ๆ ก่อนยิ้มแก้มปริ พวกเขายืนคุยกันสักพัก เดวิดเดินออกมาจากบ้านพัก เขามองไปรอบ ๆ พอมองเห็นชานส์กับเรจีน่าเขาเลยเดินเข้าไปหา
“ว่ามา”
เดวิดมองเรจีน่า “พี่ชายคุณอะลาวาดใหญ่เลย...เหมือนกับว่า...เก็บกดมานาน” เดวิดทำเป็นมองนาฬิกาข้อมือ “ผมกลับก่อนดีกว่า จะกลับเลยไหมถึงเขตเอพอดีก็เกือบเย็น ๆ”
ก่อนที่ชานส์จะพูดเดเมี่ยนก็เดินออกมาพอดี มองมาทางพวกเขา พวกเขาจ้องหน้ากันเรจีน่ากระตุกแขนชานส์
“เรารีบไปกันเถอะ...ขอร้องล่ะ”