ในความฝันชานส์เห็นพ่อตัวเองล้มลงต่อหน้า กระสุนฝังที่อกซ้ายตรงหัวใจเมื่อพ่อของเขาล้มลง ก็ปรากฏใบหน้าของพี่ชายกำลังเล็งปืนมาทางเขา
“ไม่ รอยได้โปรด”
เสียงปืนลั่นพร้อมกับลูกปืนที่มาทางเขา ภาพแปลกประหลาดปรากฏขึ้นในหัวไม่มีทีท่าว่าจะหมด ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือชายใบหน้าสวยคนนั้นมองเขาแล้วบางอย่างก็พุงเข้ามา
ในห้องผ่าตัด หมอและพยาบาลที่กำลังผ่าตัด เสียงดังปีปจากเครื่องวัดค่าหัวใจชานส์เป็นเส้นตรงไม่มีการเต้นของหัวใจ หมอที่ผ่าตัดสั่งทันที
“เอาแผ่นกระตุ้นหัวใจมา” แผ่นกระตุ้นหัวใจลักษณะคล้ายกับเครื่องกระตุกหัวใจ แต่เนื่องจากอัตราการที่หัวใจจะกลับมาเต้นอีกครั้งมีสูงกว่า ทางการแพทย์จึงนิยมใช้แผ่นกระตุ้นหัวใจมากกว่า
“ติดเรียบร้อยครับ”
“กดเริ่มการกระตุ้น” หมอที่ควบคุมเครื่องกระตุ้นกดเริ่ม ร่างของชานส์ยังนิ่งหมอผู้ช่วยกับพยาบาลที่เหลือช่วยกดปากแผลที่ผ่าตัด
“อยู่กับเราก่อนนะ”
ชานส์ตื่นอีกครั้งในความมืด มองไม่เห็นอะไรเลย เขาลุกขึ้นนั่งกุมขมับตัวเองเขาลุกเดินไปตามทางที่ไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดตรงไหนมันมืดเหลือเกิน เขายังคงเดินต่อไป ต่อไปและก็ต่อไป ไร้จุดมุ่งหมาย
เขาแหงนหน้ามองขึ้น “เราตายแล้วงั้นเหรอ” เขากำมือแน่น แล้วก็มีแสงกระทบที่หางตาเขาหันตาม
“ชานส์”
“นั่นใคร”
แสงนั้นปรากฏเพียงรูปร่างคนราง ๆ เท่านั้น “มาทางนี้”
“เดี๋ยวรอผมก่อน”
เงานั้นวิ่งตามเท่าไหร่ก็ไม่ทันสักที ยิ่งห่างไปมากขึ้นด้วยแต่แสงยิ่งสว่างขึ้น และ...ชานส์โพลงตาหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างกระหายพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากปาก
“เขาฟื้นแล้ว เปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจใช้ผ้าเช็ดหน้าเขาเร็ว!”
พยาบาลคนนึงหยิบผ้าขนหนูมาผู้ช่วยที่เหลือเปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจ หมออีกคนพูดขึ้น
“ความดันเลือดปกติครับ การเต้นของหัวใจคงที่ครับ”
หมอพยักหน้า “โอเค เริ่มการผ่าตัดต่อได้”
หนึ่งชั่วโมงต่อมาคุณหมอก็ออกมา
“คุณหมอ” แอนโทนี่ตรงไปหาคุณหมอ “เขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ถึงอาการจะคงที่แต่มีความเสี่ยงอยู่ที่แผลที่ปอดจะเปิด ให้อยู่ที่ห้องไอซียูรอดูอาการไปก่อนละกัน ส่วนสาเหตุอาจเป็นเพราะเครียดจากการทำงานยังไงถ้าคุณหนูฟื้นแล้วผมจะเตรียมยาให้”
"ขอบคุณครับ" แอนโทนี่รอจนหมอกับพยาบาลเดินไปจึงหันไปถามโคจิม่า "เกิดอะไรขึ้น"
“ที่บ้านพักประธานาธิบดีวันที่เกิดเรื่องลอบสังหาร สองพ่อลูกนั้นอยู่ด้วย”
"ให้ตายสิ อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้นเลยอาการของชานส์สำคัญกว่าถ้าเขาตื่นโทรตามพ่อด้วย"
“ครับ พ่อครับแล้วเรล่ะ”
“พ่อให้เพื่อนของพ่อพาน้องกลับบ้านที่เมืองซีบีช อยู่ที่นี่ลังแต่จะทำให้ไม่สบายใจ”
โคจิม่าพยักหน้าก่อนเดินจากไป แอนโทนี่หันไปมองห้องที่ชานส์เพิ่งผ่าตัดเสร็จ "ลูซิเฟอร์โปรดคุ้มครองเด็กคนนี้ด้วย"
ที่สถานบันนายท่าน...ไม่สิน่าจะเรียกว่าร่างโคลนของนายท่านมากกว่ากำลังนอนอยู่ในห้องแก้วมีหนังสือปิดหน้าอยู่ ตอนนี้เขาเป็นตัวแทนนายท่านที่พักผ่อนอยู่และเขาก็มีสิทธิในการตัดสินใจต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับเขา
“พ่อครับ”
“หืม”
“เจ้าหน้าที่จับมนุษย์กลุ่มนึงได้ครับ”
“งั้นเหรอ” บนใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งเดียวไร้ความรู้สึกแต่ภายในใจเขากำลังยิ้มอยู่ เขารู้ดีว่าถ้าแสดงออกมานายท่านอาจเห็นได้ แต่หารู้ไม่ว่านายท่านตัวจริงที่พักผ่อนอยู่ก็อ่านใจได้ เขาลุกขึ้นนั่งวางหนังสือ
“หยิบเสื้อคลุมให้พ่อที”
เขาเดินออกมาพร้อมลูกชายมีมนุษย์กลุ่มนึงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
“พวกแกมาทำอะไรที่เมืองนี้”
พวกมันไม่ตอบเจ้าหน้าที่คนนึงบ่นขึ้นมา “ท่านถามพวกแกอยู่นะ”
“เฮอะก็แค่ร่างโคลนอย่ามาทำเป็นใหญ่ไปหน่อยเลยน่า”
ภายในเงียบกริบทุกคนมองร่างโคลนของนายท่านว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เขาภายมือไปด้านข้างทันใดนั้นก็มีดาบเล่มยาวโผล่ออกมารอบตัวดาบมีคลื่นพลังงานสีม่วงดำอยู่ล้อมรอบเขายกมันขึ้นฟาดลงไปที่มนุษย์เหล่านั้น เพียงพริบตาเดียวพวกมนุษย์ก็สลายไปไม่เหลือแม้แต่กระดูก
“ฉันรู้ดีว่าพวกแกมาทำอะไรที่นี่คงเป็นเรื่องสัญญาบ้าบอนั้น ฝันไปเถอะ” ดวงตาของเขาแดงก่ำ “สัญญานั้นมันเกินกำหนดที่เขาผู้นั้นให้ไว้ตั้งสิบหกปี ถ้าไม่ยอมทำตามสัญญาที่ว่า 'ว่าเมื่อถึงกำหนดต้องยกเลิกสัญญา' พวกแกก็สมควรตายน่ะแหละดีที่สุด”
ขณะที่ในสถาบันมีปัญหากันอยู่ มีคนคนหนึ่งคอยสังเกตการณ์อยู่ข้างนอกแล้วก็หายไป อีกด้านหนึ่งของบ้านนายท่านภายในห้องใต้ดินเดินลึกเข้าไปมีประตูซ่อนอยู่ที่นั้นเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินไปที่ประตูนั้นเขาใช้มือผลักเพื่อเปิดมัน ตรงหน้าคือสถานที่ที่น่าสยดสยองสำหรับทุกคนที่เหยียบย่ำเข้ามา ภายในนี้มีเจ้าปีศาจตัวเล็กตัวใหญ่เดินป้วนเปี้ยนไปหมด ผนังทุกด้านเต็มไปด้วยของเหนียวสีเหมือนหนังที่ถูกลอกเห็นเนื้อด้านใน เมื่อผู้ใดเห็นมันชั่งน่าสะอิดสะเอียนเกินคำพูดที่จะบรรยายแต่สิ่งที่จะทำให้สะอิดสะเอียนที่สุดก็คือ ถุงเลือดที่เหมือนดักแด้ห้อยต่องแต่งอยู่ภายนอก มีเลือดไหลเยิ้มอยู่ตลอดเวลาไม่แปลกอย่างใดเพราะสีของมันก็แดงเหมือนเลือดอยู่แล้ว
“ไงเป็นยังไงบ้าง” คนที่เดินเข้ามาทัก
“ก็ดี” คนที่อยู่ข้างในตอบกลับเสียงแหบแห้งอิดโรย
“ดีนี่คือไม่โอเค...ใช่ไหม”
“ช่างเรื่องของฉันเถอะน่า ข้างนอกสถานการณ์เป็นไง”
คนที่เข้ามายักไหล่ “ตอนนี้มันยังทำตามคำสั่งอยู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก”
“ก็แค่ตอนนี้ แต่อีกไม่นานเจ้านั้นมันอยากจะหลุดพ้นจากการถูกจองจำ อยากมีความนึกคิดเป็นของตัวเองทำในสิ่งที่ต้องการโดยไม่ใช่การทำตามคำสั่ง อีกไม่นานฉันคงเก็บมันไว้ใช้งานอีกไม่ได้แล้ว”
แอนโทนี่เดินออกมาเขาเดินมาหลบอยู่มุมหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคน เสียงแลกดังปลายสายรับทันที
“ครับ”
“ผมเองนะ”
“ว่าไง”
แอนโทนี่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก่อนตอบ
“ตอนนี้ว่างไหม อยากให้มารับหน่อย”
“อืม...” ปลายสายเงียบไปพัก “ตอนนี้ฉันมีภารกิจน่ะ น่าจา... อืมเสร็จช่วงเย็นน่ะ”
“งั้นเหรอ”
“มีอะไรหรือเปล่า” ปลายสายเงียบมีเสียงคนพูดประชดเข้ามาในโทรศัพท์ “อย่ายุ่งน่า ย้ายก้นพวกนายไปเลยไป เดี๋ยวฉันตามไป” เขาตอบกลับ “งานเข้าน่ะ เดี๋ยวฉันโทรกลับหาอีกทีนะ”
“ช่างมันเถอะ แค่นี้แหละ” แอนโทนี่กดตัดสายเงยหน้ามองฟ้า เวลาใกล้เข้ามาทุกที
เรจีน่ามองออกไปนอกหน้าต่าง เธออยากอยู่กับชานส์ใจจะขาด แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง วิลเลี่ยมเสนอว่าเธอควรกลับมาอยู่บ้านแล้วให้เอฟบีไอคอยดูอยู่ห่าง ๆ ส่วนพี่เธอยังอยู่ที่โรงพยาบาลคอยดูว่าชานส์จะตื่นเมื่อไหร่ เขาโทรมาหมอบอกว่าถึงอาการจะคงที่แต่ก็ยังมีเปอร์เซ็นที่แผลจะเปิดเยอะ แน่นอนว่าต้องให้เขานอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสักระยะ เธอกำลังคิดไปสูดอากาศข้างนอกอยู่ในห้องนาน ๆ เริ่มเมื่อยหลังเพราะนั่งนาน จังหวะที่เธอจะลุกโทรศัพท์ก็เข้าพอดีดังอยู่ห้าหกวิก็ตัดเข้าโหมดฝากข้อความ
“เฮ้ เรจีน่านี่ผมเอง ถ้าเขาดีขึ้นแล้วไม่ก็ตื่นแล้วโทรมาหาด้วย อย่าลืมล่ะ”
เดวิดเป็นคนดีแต่ขี้โมโหง่ายชอบพูดแดกดันในบางเรื่อง แต่แปลกที่เขาเข้ากันได้ดีกับชานส์เวลาทำงานด้วยกัน ช่างเป็นคู่หูที่แปลก เธอยิ้มในใจฝากขอบคุณเดวิดที่คอยเป็นห่วงชานส์เสมอ แล้วเธอก็ลุกเดินออกไป เธอคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่พวกเขาทั้งคู่เจอมาด้วยกันโดยเฉพาะสำหรับตอนนี้คือเรื่องการใช่ชีวิตคู่ของพวกเขา หลายวันที่ผ่านมานี้เขาไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเธอนานซักเท่าไหร่ บางครั้งตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเขานอนอยู่แล้ว บางครั้งจะโทรหาก็ติดงาน เธอเองก็น้อยเนื้อต่ำใจที่สามีไม่ค่อยอยู่กับบ้านแต่ก็เข้าใจว่าเขาเองก็ต้องทำงาน
เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างนอกไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลย เธอเป็นห่วงชานส์สิ่งเดียวที่่เธอทำได้ตอนนี้คือดูแลสุขภาพของตัวเองเธอภาวนาขอให้เขารอดกลับมาหาเธอและเธอจะไม่ขออะไรอีกแล้ว เวลาผ่านไปเธอฟุบหลังบนเก้าอี้ไม้ทันย่าเดินออกมาเรียกเจ้าตัวพอเห็นเธอหลับไปก็ไม่กล้าปลุก แต่จะให้นอนข้างนอกก็กระไรอยู่
"คนสวยตื่นเถอะจ้ะ เข้าไปนอนในบ้านดีกว่านะ" ทันย่าเขย่าแขนเธอ เธอพยักหน้าแล้วเดินตามแรงจูงของทันย่าเข้าไปในบ้าน
หลังจากถูกส่งตัวมาอยู่ห้องไอซียูแบบส่วนตัว ชานส์ยังคงไม่ได้สติอาการป่วยรอบนี้รุนแรงกว่าที่คิดครั้งที่มันเกือบฆ่าเขา เคราะห์ดีที่ในความฝันมีใครบางคนช่วยเขาจากความมืดมิด เรื่องหลังนี้โคจิม่าจะไม่มีวันรู้เขานั่งอ่านรายงานแต่อ่านได้แปป ๆ ก็วางมันลงดื้อ ๆ เขาเอาแต่มองน้องเขยที่เกือบตายบนเตียงว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะตื่นขึ้นมาสักที
"รีบตื่นเถอะชานส์ทุกคนรอนายอยู่นะ เรจีน่ารอนายกลับไปบ้านป่านนี้เธอคงร้องไห้คิดถึงนายอยู่ อย่าทำให้ผู้หญิงเสียน้ำตาสิ" แต่แล้วเขาก็รู็สึกง่วงขึ้นมาทั้งที่เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย เขาพยายามฝืนแต่ไม่เป็นผลคอเขาพิงกับพนักเก้าอี้ ไฟในห้องไอซียูค่อย ๆ หลี่ดับที่ละดวงจนทั้งห้องมืด ใครคนหนึ่งก็เดินออกมาจากความมืด เงานั้นมองโคจิม่าที่หลับไปแล้วก่อนเดินไปหาชานส์ที่เตียงผู้ป่วย
"น่าเวทนา เธอเป็นเด็กดีแต่เสียดายที่อาการป่วยมันค่อย ๆ ฆ่าเธอทีละนิด เอาเถอะยังไงนายก็ต้องตื่นไปเจอกับเจ้านั้นก่อน ถึงน่าสงสารแต่ฉันก็ช่วยไม่ได้ เรื่องบางอย่างมันถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกเช่นเดียวกับที่นายต้องสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายไป ฉันเป็นคนนึงที่ไม่นับถือแต่ก็ไม่เคยลบหลู่ฉะนั้น ขอให้ลูซิเฟอร์จงคุ้มครอง”
แล้วโคจิม่าสะดุ้งตื่นเขามองรอบห้องเมื่อเคยมีอะไรเกิดขึ้นแต่เขานึกไม่ออก "ชานส์!" โคจิม่ารุดไปที่เตียงชานส์ ชานส์ลืมตาเขาขยับปากเหมือนจะพูดบางอย่าง "อย่าพึ่งพูดโอเคฉันจะเรียกพวกหมอมาก่อนนะ"
หมอที่เข้ามาตรวจดูชีพจรพร้อมฟังเสียงหัวใจ มันเกือบจะปกติแต่เสียงที่ปอดยังน่าเป็นห่วงถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าเป็นห่วง
"เป็นไงบ้างครับ"
"ดีขึ้นมากเลย แต่เสียงที่ปอดยังน่าห่วง" หมอยืดตัวขึ้น "น่าเหลือเชื่อ ตอนนี้ดูแลร่างกายให้แข็งแรงไว้ก็ไม่มีปัญหาอะไรหมอจะให้พักดูอาการอีกวันหนึ่งถ้าไม่มีปัญหาอะไรหมอจะเซ็นอนุญาตให้กลับบ้านได้"
"ขอบคุณครับ" หมอกับพยาบาลเดินออกไป โคจิม่าลงนั่งข้าง ๆ เตียง "เป็งไงโอเคขึ้นไหม"
ชานส์พยักหน้า ใบหน้าเขายังซีดอยู่ทั้งคู่คุยกันนิดหน่อยก่อนเขาผลอยหลับไปอีก โคจิม่าดึงผ้าห่มให้เรียบร้อย มองเขาที่ตื่นขึ้นมาแบบปฏิหาริย์โคจิม่าถูกสอนมาแต่เด็กว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปมีเหตุผลในตัวของมันเองปฏิหาริย์ไม่มีอยู่จริง นอกซะจากเราจะทำมันขึ้นมาเองครั้งนี้ความคิดนั้นปัดทิ้งไปได้เลย เพราะครั้งนี้โคจิม่าเชื่อ เชื่อว่าปฏิหาริย์มีจริง เขากดโทรศัพท์หาพ่อของเขาที่กลับไปนานแล้ววิลเลี่ยมอยากไปเยี่ยมแต่งานล้นมือเลยให้เขาโทรไปหาเรจีน่า กริ้งแรกเธอรับทันที
"บ้านโฮวินสันต์ค่ะ"
"เฮ้เรนี่พี่เอง ข่าวดี...สามีเธอฟื้นแล้ว"
"ล...แล้ว...เขา..."
"สบายดีแต่ยังต้องดูอาการอีกวันถ้าไม่มีอะไรผิดปกติพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว" โคจิม่ามองที่ชานส์ "พี่จะรีบพาเขากลับเลยโอเค้"
"ค่ะ" เรจีน่าสะอื้นตัวโยน "รีบพาเขากลับมานะ"
เรจีน่าวางโทรศัพท์ด้วยมือสั่นเทาเธอหันไปเห็นทันย่า "เขาตื่นแล้ว...เขา...พรุ่งนี้เขาอาจจะกลับมาบ้าน"
"ชู่วว์" ทันย่าเดินเข้าไปกอดเรจีน่า "เอาล่ะเลิกร้อง ๆ เดี๋ยวหน้าสวย ๆ ของน้องสาวจะเสียหมดนะถ้าพรุ่งนี้ชานส์กลับมาเห็นหน้าตาเสียโฉมของเธอได้ช็อกอีกรอบแน่"
เรจีน่าหัวเราะกับคำพูดทันย่าและรอคอยวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ