เธอไม่ได้บอกถึงเหตุผลที่แท้จริงเพียงว่ามาสมัครคัดเลือกเป็นนักแสดงหน้าพระที่นั่ง จะไปเยี่ยมท่านเมื่อสิ้นสุดงาน โดยไม่ต้องให้ท่านรอ เพื่อไม่ให้ท่านเป็นห่วงไปมากกว่านี้
ฟาตินดึงความคิดทุกอย่างกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง แม้จะพยายามสงบจิตใจเพียงใด บอกตัวเองว่าเธอไร้ความหวาดหวั่น เกรงกลัวในสิ่งที่ทำ แต่มีจุดเล็กๆ เกิดขึ้นในใจตระหนักให้เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ทั้งหมด มันมีหลายอย่างที่ทำให้เธอกลัว
“คุณลุงคะ มันจะจบแล้วค่ะ หนูไม่คิดว่าจะสามารถรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้ หนูขอแค่สังหารคนที่ฆ่าพ่อหนู แล้วหนูจะตามไปหาคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลุงนะคะ”
ฟาตินหลับตาลง นึกย้อนไปถึงครอบครัวอันแสนอบอุ่น บิดา มารดา ท่านสอนให้เธอเข้มแข็ง โอบกอดเธอเสมอเพื่อแสดงความรักอันเปี่ยมล้น แต่ท่านต้องมาจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ
เมื่อสิบกว่าปีก่อนเธอหวังลึกๆ ว่ามารดาจะติดตามเธอกับลุงไปอยู่ที่สหรัฐ แต่เปล่าเลย เวลาล่วงเลยไปหลายปี เธอถึงได้ทราบว่ามารดาสิ้นแล้ว และเธอไม่มีโอกาสเจอท่านอีก
ถ้อยคำของมารดายังก้องอยู่ในหูเมื่อนึกย้อนไปเมื่อสิบปีก่อน...
“ฟาไปอยู่กับลุงโนอาห์ที่สหรัฐฯ นะลูก แม่จะตามไปอีกที”
“ทำไมแม่ไม่ไปพร้อมหนูล่ะคะ”
“แม่มีธุระต้องจัดการ แต่แม่สัญญาว่าจะตามหนูไป หนูรีบไปเร็ว”
ตอนนั้นท่าทีร้อนรนของผู้เป็นลุงและมารดาทำให้เธอต้องทำตาม เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใด แต่เธอยอมเชื่อฟังทำตามที่มารดาต้องการ
ฟาตินผ่อนลมหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนจะสูดเข้าปอดอีกครั้งเพื่อเรียกกำลังใจ เธอนึกย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า เพียงแค่ได้สบตาสีสนิมเหล็กคมเข้มของสุลต่านหนุ่มแห่งโอซาเนีย เธอกลับรู้สึกหวั่นไหวอย่างประหลาด มิใช่หวั่นไหวหลงรูปงามเหมือนสาวๆ หลายคน แต่เธอกำลังกลัวการพ่ายแพ้ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหัวใจก่อนจะมุ่งมั่นมาที่นี่
“ไม่!”
ฟาตินเผยอริมฝีปากเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมา มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เธอควรมีในขณะนี้ ในเมื่อเป็นเวลากว่าสิบปีที่เธอเพียรพยายามที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
และสิ่งที่รอคอยด้วยหัวใจอันระทึกก็มาถึง เมื่อแขกคนสำคัญได้เข้ามาหาเธอในที่สุด
“คุณแองเจลิน่าครับ องค์สุลต่านต้องการเชิญคุณไปรับประทานอาหารที่ตำหนักของพระองค์”
การิมคนสนิทที่มีลักษณะสุขุมรวมถึงแววตาล้ำลึกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่มิได้อ่อนน้อมกลับเป็นที่น่าเกรงขามเสียมากกว่า
ฟาตินที่ใครๆ รู้จักเธอในนามแองเจลิน่า โจนส์ เงยหน้าเรียบสนิทสบสายตาลุ่มลึกของการิม เธอพอจะรู้ข้อมูลมาบ้างว่าชายผู้นี้ เป็นคนที่สุลต่านรอฮิมทรงไว้ใจมากที่สุด เป็นคนฉลาดหลักแหลมและเป็นที่ปรึกษาอันยอดเยี่ยม ทั้งยังเก็บอารมณ์ได้ดีจนทุกคนต่างเกรงขามในตัวของเขา เพราะมีบารมีที่สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นสุลต่านองค์ก่อน
“ค่ะ ดิฉันขอเวลาแต่งตัวสักครู่”
ฟาตินกล่าวจบแล้วก้มหน้าให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนน้อม การิมก้มหน้าให้หญิงสาวเพียงนิดแล้วเลี่ยงออกไปตามมารยาท ปล่อยให้เธอได้เตรียมตัวเตรียมใจ...
ฟาตินรู้สึกว่าอัตราการเต้นของหัวใจทำงานหนักเอาการเมื่อลับร่างของการิม เธอหมุนกายเดินเยื่องย่างไปอีกมุมของห้อง การที่จะไปหาสุลต่านผู้สูงศักดิ์เธอควรพิถีพิถันในการแต่งตัวให้มากกว่านี้
เพื่อแผนการครั้งสำคัญจะได้ไม่พลาด...
ย้อนนึกไปเมื่อหลายวันก่อน แม้โนอาห์จะสิ้นแล้ว แต่ท่านยังฝากฝังเธอกับเพื่อนของท่าน โดยฝากจดหมายของท่านมาให้เพื่อนของท่าน หากไม่เช่นนั้นเธอคงไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี เพราะผู้เป็นลุงเคยมีบุญคุณต่อกัน เขาจึงให้เธอยืมเงินจำนวนหนึ่งพอที่เธอจะเดินทางไปเยี่ยมหลุมฝังศพของบิดามารดา และเข้ามาสมัครเป็นนักแสดง
หญิงสาวเดินไปยังห้องอาบน้ำหรูหราในตำหนัก มือบอบบางค่อยๆ ปลดอาภรณ์เลื่อนลงจากกาย นางทาสในตำหนักได้เตรียมน้ำให้เธอก่อนหน้า ฟาตินยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดว่าสุลต่านรอฮิมคงดูแลแขกของพระองค์เป็นอย่างดี
ร่างอรชรเปล่งปลั่งผิวเนียนละเอียดก้าวลงในอ่างน้ำหรูหราเบื้องหน้า เธอแช่กายหลับตาพริ้ม หากเธอจะไปสายสักนิดสุลต่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอซาเนียจะตำหนิโกรธกริ้วเธอหรือไม่หนอ เพราะตอนที่เธอยังเด็กเขาชอบทำหน้าดุใส่เธอนัก…
ฟาตินอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น เตรียมตัวเตรียมใจอีกครั้ง หญิงสาวค่อยๆ สวมอาภรณ์เนื้อดีงดงามเป็นชุดยาวประจำชาติของโอซาเนีย แม้แต่ชุดยังเป็นสีเหลืองทอง มือน้อยบรรจงแต่งหน้าและสวมเครื่องประดับงดงามบนเรือนร่าง เธอขอแต่งตัวเองโดยปฏิเสธนางทาสที่สุลต่านหนุ่มส่งมารับใช้
ฟาตินใช้ผ้าคลุมศีรษะที่สุลต่านรอฮิมประทานมาให้คลุมศีรษะเป็นอันสิ้นสุดการแต่งตัว
หล่อนนำมีดสั้นเสียบเข้าที่ปลอกขา รวมทั้งปืนสั้นกระสุนไร้เสียง หญิงสาวนำอาวุธทุกชนิดที่ต้องการใช้ในการลอบสังหารซุกซ่อนเอาไว้โดยไม่มีใครสามารถเห็นได้เพราะชุดประจำชาติที่ยาวรุ่ยร่ายกรอมเท้า ตัวเสื้อยาวจนถึงข้อมือ รวมถึงผ้าคลุมผมบางเบาที่คลุมเส้นผมเอาไว้หลวมๆ อย่างงดงาม แต่มิได้รัดรึงดังเช่นหญิงสาวในโอซาเนีย
“องค์สุลต่านรอท่านอยู่”
นางทาสหน้าตำหนักยอบกายอ่อนน้อมเมื่อฟาตินเดินออกมาจากตำหนัก เธอหันไปยิ้มบางเบา เดินสำรวมตามนางทาสที่ก้าวนำไปก่อนด้วยกิริยาเชื่องช้า
การรอคอยที่ยาวนานนักสำหรับสุลต่านหนุ่มสิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวที่ต้องการพบปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าของเขา ทุกคนถวายความเคารพก่อนเลี่ยงออกไปอย่างนอบน้อม
ฟาตินถอดสายบัวถวายความเคารพแก่องค์สุลต่านผู้สูงศักดิ์ ช้อนสายตาขึ้นมองสบ
ดวงตาคมเข้มสีสนิมเหล็กกวาดสายตามองเรือนร่างอรชรเบื้องหน้าด้วยความพึงพอใจ ชุดที่เขามอบให้ขับให้เธอยิ่งดูผุดผ่องอ่อนหวานมากยิ่งขึ้น แม้หญิงสาวจะมีเครื่องหน้าตามแบบหญิงสาวชาวอเมริกันแต่เธอมีใบหน้าคมหวานดั่งสาวแขกอย่างลงตัวเหมาะเจาะ เธอเหมือนบิดาของเธอนัก เขามีเรื่องข้องใจหลายอย่างจะคุยกับเธอ แต่คงหลังจากนี้…
รอฮิมกวาดมองเรือนร่างหญิงสาวด้วยความเผลอไผล เขาไม่คิดว่าเด็กน้อยในครั้งอดีตจะเจริญวัยเป็นสาวสะพรั่งงดงามเช่นนี้ น่าแปลกที่เขาตามสืบหาเธอไม่เจอ เธออาจย้ายที่อยู่บ่อยครั้งก็เป็นได้
“นั่งก่อนสิ”
สุลต่านหนุ่มเชื้อเชิญหญิงสาวตรง ฟาตินเยี่ยงย่างเข้าไปนั่งตรงข้ามกับเขาอย่างนิ่มนวล
“ฉันชื่นชอบการแสดงของเธอในวันนี้มาก”
เขาเอ่ยชม ดวงตาคมกริบทอดมองเธอไม่วาง
“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”
ฟาตินช้อนสายตาขึ้นมองเขาตรงๆ แววตาสีสนิมดูดุกร้าวแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนเมื่อทอดสายตามองมายังเธอจนสัมผัสได้
“ฉันอยากเรียกชื่อเธอสั้นๆ แองเจลิน่ามันยาวไปหน่อย”
เขาเอ่ยบอก ยุติเรื่องสำคัญที่จะคุยเอาไว้ เขายังต้องการพิสูจน์อะไรอีกหลายอย่าง
“เรียกหม่อมฉันว่าแองจี้เพคะฝ่าบาท”
เธอตอบรับเสียงหวาน เอื้อมมือไปรินน้ำชาให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ เขาหัวเราะเบาๆ ยกน้ำชาขึ้นจิบด้วยความชอบใจ สายตาคมสีสนิมมองเธอไม่วาง
นี่เธอกำลังคิดวางยาพิษเขาอยู่หรือเปล่าหนอ แต่ช่างเถอะ การได้มองเธอแบบนี้ทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจดีแท้ ว่าที่คู่หมั้นตัวน้อยของเขาเมื่อครั้งอดีต
“เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่า”
ฟาตินช้อนสายตาขึ้นสบ ยิ้มบางเบา
“ไม่เคยเพคะ ฝ่าบาทคงจำคนผิด”
เขายังจำแววตาเมื่อครั้งยังเด็กของเธอได้ เธอมักหลบสายตาของเขาเหมือนหวาดกลัว แต่ครั้งสุดท้ายที่ได้สบตากัน เขายังนึกสงสัยว่าเหตุใดเธอจึงมองเขาอย่างเกลียดชังนัก
“เธอมีเชื้อสายอาหรับหรือไม่ ฉันมองยังไงก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้มีเชื้อสายอเมริกันเต็มตัว”