“เอ่อ แล้ว...คุณซานโดเลสเคยลองสักครั้งหรือยังคะ” ถามอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขามีคนรักแล้วหรือยัง
“บ่อยไปครับเพื่อเอาใจสาวๆ ที่ผมเคยควง แต่ไม่ได้ทำไปเพราะอยากมีความรักที่ยั่งยืนอะไรกับใครนะครับ อีกอย่างเรื่องการคิสกันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของที่นี่” เขาตอบตรงๆ ไม่คิดจะปิดบัง แต่คำว่า ‘เคยควง’ ทำให้ไลลารู้สึกดีขึ้น และเธอก็ไม่คิดอะไรหากผู้ชายหน้าตาดีๆ อย่างเขาจะเคยมีคู่ควงมาแล้วหลายคน ก็ตอนนี้เธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันนี่นา ทำไมจะต้องคิดมากด้วยล่ะ
“แต่การทำแบบนั้น หญิงไทยจะถือมากค่ะ” เอ่ยออกไปแบบก้มหน้า จู่ๆ แก้มนวลสองข้างก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องทำนองนี้
“ผมทราบครับ ผมจึงชอบผู้หญิงไทย”
ไลลาเริ่มไม่กล้าสบตาผู้ชายตรงหน้าแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยจุดประสงค์อะไร
“คืออีกอาทิตย์หนึ่ง จะมีงานเวนิสคาร์นิวัลหรืองานสวมหน้ากาก ผมอยากชวนคุณมาเที่ยวที่นี่ ผมอยากพาคุณล่องเรือเที่ยวไปรอบๆ เมืองแห่งสายน้ำที่ผมรัก”
ไลลาแอบตื่นเต้นดีใจลึกๆ นี่เขากำลังชวนเธอล่องเรือกอนโดล่าที่เธอฝันถึงมาตลอดหรือเนี่ย ที่เธอส่ายหน้าตอนที่เขาถามเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เรื่องความเชื่อนั่น แต่เธออยากได้ยินจากปากของชาวเวนิสเองมากกว่า
“คุณยิ้มแบบนี้ ผมถือว่าตกลงนะครับ” คนเจ้าเล่ห์รีบสรุปคำตอบเองทันที
สำหรับไลลา นี่เป็นความฝันของเธอ ครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากนั่งเรือกอนโดล่ากับชายในฝัน ล่องไปตามสายน้ำที่กว้างใหญ่แห่งเมืองเวนิส เมืองที่เต็มไปด้วยเกาะเล็กๆ หลายเกาะที่มีแต่ความโรแมนติก
มือบางถูกกอบกุมเมื่อไหร่ไม่ทันรู้ตัว เพราะมัวแต่คิดฝันไปไกล ทำให้ซานโดเลสมีโอกาสสำรวจความสวยน่ารักของหญิงสาวตรงหน้าอย่างละเอียดละออ
ไลลาไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยจัด ไม่ใช่ผู้หญิงหุ่นดีทรงโตและสูงโปร่งเหมือนนางแบบที่เขาเคยควง แต่เธอเป็นผู้หญิงบอบบางแต่มีสัดส่วนตัวเล็กๆ ดูน่าทะนุถนอมมากกว่า ผิวพรรณของเธอขาวนวลแต่ไม่ขาวซีด และเป็นสาวน้อยที่ค่อนข้างขี้อาย เพราะสังเกตได้ว่าแก้มนวลทั้งสองข้างของเธอจะแดงระเรื่อขึ้นมาทุกครั้งที่ถูกเขาจ้องมอง
“คุณไลลาครับ”
“คะ” เมื่อได้สติจึงรีบดึงมือกลับอย่างนุ่มนวล
“เช้าวันอาทิตย์หน้า ผมไปรับคุณนะครับ ว่าแต่คุณพักอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“ฉันพักที่อพาร์ทเม้นท์...อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนักหรอกค่ะ”
“โอเคครับ คุณตกลงรับปากกับผมแล้วนะ”
ไลลายิ้มหน้าแดงมากขึ้น นี่เธอใจง่ายถึงขนาดนี้เชียวหรือ เจอกันแค่ครั้งเดียวก็ตกลงรับปากไปเที่ยวกับเขาเสียแล้ว
“เอ่อ คุณซานโดเลสคะ คุณมีชื่อไทยสั้นๆ มั้ยคะ”
“มีครับ มัมผมเรียกผมสั้นๆ ว่าซันครับ แต่ไม่รู้ใช่ชื่อไทยหรือเปล่า”
ไลลายิ้ม “งั้นต่อไปฉันขออนุญาตเรียกคุณว่า คุณซันนะคะ”
“ได้สิครับ”
สองหนุ่มสาวนั่งดื่มกาแฟด้วยกันไปคุยกันไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็แยกย้ายกันไปทำธุระ เพราะซานโดเลสมีสายเรียกเข้า เขาจึงได้ขอตัวออกไปทำธุระทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังอยากอยู่กับเพื่อนใหม่ต่อ
ส่วนไลลา ก็เดินดูของที่ระลึกตามรายทางแถวสะพานริอัลโต้จนพอใจ แล้วจึงไปเดินเล่นตามสถานที่สวยๆ แถวนั้นต่อ กระทั่งเย็นจึงได้เดินกลับที่พัก
“อ้ายยย...พี่คิงพอแล้วค่ะ เพื่อนของรินคงกำลังเดินทางกลับแล้ว พี่คิงรีบกลับเถอะค่ะ” ดารินรีบห้ามแฟนหนุ่มเมื่อเห็นเขาตั้งท่าจะเอาเธอต่อโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ใบหน้าคมคายยังคงซุกไซ้ซอกคอขาวผ่องเหมือนยังไม่อิ่ม มือกร้านเหมือนหนวดปลาหมึกก็ลูบไล้นวดคลึงไปบนส่วนเว้าส่วนนูนของกายสาวอย่างเมามัน ไม่มีทีท่าว่าจะทำตามที่หญิงสาวบอกแม้แต่น้อย
“อูวววว..พี่คิงอย่าค่ะ รินเหนื่อยแล้วนะคะ อ้า....” ปากห้ามแต่ความรู้สึกที่ถูกปลุกปั่นกำลังก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนเสียวซ่านไปหมด
“อีกยกนะริน ไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จแล้ว” บอกชิดทรวงอกอวบ พลางงับเม็ดสีทับทิมเข้าปากอย่างหื่นกระหาย รูปร่างของดารินเย้ายวนน่าฟัดจนไม่อาจห้ามใจ และกว่าเขาจะมีเวลาว่างมาสานต่อเกมรักอีกครั้งก็คงนานหลายวัน
“อูยพี่คิง เบาๆ สิคะรินเจ็บ...” แต่ความเจ็บมีน้อยกว่าความซ่านสยิว ทำให้สาวเจ้าถึงกับครางซี๊ดออกมาไม่ขาดปากยิ่งทำให้องอาจได้ใจ ทั้งดูดแรงขึ้น ปาดเลียทั้งสองข้างไปมาอย่างถึงพริกถึงขิง พร้อมทั้งจู่โจมแอ่งสวาทกลางกายสาวอย่างรู้ใจ
“โอ้ย อูยยยส์.... พี่คิงขา รินเสียวเหลือเกิน” สะโพกกลมมนเริ่มร่อนสู้มือสากเร็วขึ้นตามจังหวะเข้าออกของปลายนิ้วใหญ่ จากหนึ่งนิ้วเพิ่มเป็นสองนิ้วจนดารินเสียวเสียดสะท้านไปทั้งร่าง
“พี่คิงขาใส่เข้ามาสิคะ เร็วๆ ค่ะ”