บทที่5

1157 Words
“ใช่ ฉันไม่ชอบทำอะไรให้มันค้าง ๆ คา ๆ สู้ทำให้มันเสร็จ ๆ ไปจะได้หมดปัญหา” เสียงเข้มตอบกลับมาก่อนที่เขาจะเดินนำหน้ากันเข้าไปด้านในของร้าน โดยมีหญิงสาวเดินตามหลังเข้าไปติด ๆ เมื่อได้ยินคำตอบทั้งหมดที่สงสัยอย่างชัดเจน “ยินดีต้อนรับค่ะคุณ...ต๊าย! นี่ใช่คุณกวินภพทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัวไกรวิทย์ที่เพิ่งเสียไปหรือเปล่าคะเนี่ย” สาวประเภทสองที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านทักขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของแขกคนแรกของวันชัดเจนด้วยตาตัวเอง เธอจำเขาได้แทบจะทันทีที่เห็นก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เมื่อถามจบ “ใช่ครับ พอดีว่าผมพาว่าที่เจ้าสาวมาเลือกชุดแต่งงาน ถ้ายังไงฝากคุณช่วยเลือกชุดที่เหมาะสมกับเธอให้หน่อย งานแต่งแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวาตามสถานะของเจ้าสาว” เขาตอบและจงใจเชือดเฉือนกันด้วยการกดย้ำสถานะอันต่ำต้อยให้อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันเท่าไรได้ยิน ก่อนจะเดินไปอีกด้านเพื่อเลือกชุดเจ้าบ่าวให้กับตัวเองโดยไม่คิดที่จะหันกลับมาสนใจกับอะไรข้างหลังอีกเลย “มาเลยค่ะคุณน้อง เดี๋ยวพี่เลือกให้ รับรองว่าคุณน้องจะต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดแน่นอน แต่ว่าก็ว่าเถอะนะคะ คุณน้องนี่โชคดีจังที่ได้เป็นเจ้าสาวของทายาทพันล้าน งานนี้สาว ๆ ทั้งประเทศคงร้องไห้กันหนักมากแน่ ๆ ยังไงพี่ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยเลยนะคะ” ประโยคยินดีจากเจ้าของร้านที่มัทนาเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่าชื่อ ‘เจ๊ตาล’ ทำให้เธออยากจะบอกอีกฝ่ายกลับไปเหลือเกิน ว่าเธอพร้อมเสียสละจุดที่ยืนอยู่ให้กับหญิงสาวคนไหนก็ได้ทุกเวลา หากนั่นมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้จริงล่ะก็ มัทนาตัดสินใจเลือกชุดแต่งงานอยู่นานจนกระทั่งหญิงสาวไปถูกใจเข้ากับชุด ๆ หนึ่งซึ่งเจ๊ตาลเจ้าของร้านก็ไม่รีรอที่จะจับหญิงสาวไปลองก่อนจะช่วยแต่งหน้าทำผมให้เข้าชุดกันให้กับเธออย่างรวดเร็วอย่างคนมากประสบการณ์ ไม่นานร่างระหงในชุดเจ้าสาวเกาะอกที่ลากยาวถึงพื้นก็ปรากฏตัวตรงหน้าของกวินภพที่กำลังนั่งเลือกของชำร่วยสำหรับใช้ในวันงานด้วยท่าทีเบื่อโลกเต็มกำลัง ชายหนุ่มชะงักไปนานราวกับต้องมนต์ยามเมื่อได้เห็นว่าที่เจ้าสาวของตัวเองในชุดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไหนจะใบหน้าอ่อนหวานที่ถูกแต่งแต้มบาง ๆ ผมสีดำสนิทถูกดัดให้เป็นลอนเข้ากับรูปหน้าได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว ทุก ๆ อย่างดูสวยไปหมด จนกระทั่งเขาไล่ระดับสายตามาจนถึงหน้าอกอวบอิ่มที่โผล่ล้นออกมาจากเกาะอกเข้าโดยบังเอิญ ความใหญ่โตที่ถูกชุดเจ้าสาวดันออกมาจนแทบจะล้นทะลักเกินครึ่งทำให้คิ้วหนาขมวดเป็นปมขึ้นมาทันทีที่เห็นมันเข้า ไม่นานเขาจึงพูดบางอย่างออกมา “ไปเปลี่ยน ผมไม่ชอบชุดนี้ แล้วถ้าจะให้ดีผมขอชุดที่มันดูมิดชิดกว่านี้ด้วยนะครับ เพราะว่าผมไม่อยากให้แขกในงานเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าสาวของผมหลุดออกมาจากซ่อง” คำพูดที่ถากถางรุนแรงจนคนฟังถึงกับสะอึก มัทนาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมาต่อหน้าคนปากเสียตรงหน้า ไม่นานหญิงสาวก็หมุนตัวเดินกลับไปพร้อม ๆ กับเจ้าของร้านที่เริ่มรู้สึกว่าการแต่งงานของทั้งคู่นั้นคงไม่ได้เกิดมาจากความรักอย่างที่ตนเองเข้าใจมาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่คิดที่จะถามอะไรออกมานอกจากทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่างเงียบเชียบ และระมัดระวังคำพูดเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ “บ้าชะมัด!” ทางฝ่ายกวินภพเองก็สบถขึ้นไล่ตามหลังหญิงสาวแทบจะทันที ที่คนทั้งคู่เดินจากไป เขาไม่คิดว่าปากตัวเองจะเผลอต่อว่าเธอออกไปแรง ๆ แบบนั้น แต่สิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้ต่างหากที่มันดันทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาเสียเฉย ๆ ใครกันจะยอมให้แขกในงานได้เห็นอกอวบอิ่มของมัทนากัน เธอกำลังจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินดีที่จะมอบตำแหน่งนี้ให้กับเธอเหมือนอย่างที่ปากชอบพูดสักเท่าไร ยังไงเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาร่วมมองของที่เป็นของตัวเองอยู่ดี ยิ่งเมื่อมาได้รู้ว่าตอนนี้เวลานี้ตนเองกำลังรู้สึกอะไรแบบนั้นกับหญิงสาวที่เคยตราหน้าว่าเกลียดแสนเกลียด ความหงุดหงิดไม่พอใจก็ดูเหมือนยิ่งจะเพิ่มหนักมากขึ้นเข้าไปตามลำดับจนต้องเอื้อมมือไปคว้าเอาแก้วน้ำมาดื่มเพื่อดับอารมณ์ร้อนรุ่มภายในใจของตัวเอง เพื่อหวังว่ามันจะชำระความร้อนรุ่มภายในใจออกไปได้บ้างไม่มากก็น้อย มัทนากลับมาหาคนเจ้าเรื่องอีกครั้งในชุดแต่งงานที่คล้ายแบบเดิม จะต่างกันก็แค่ครั้งนี้หญิงสาวเลือกแบบที่เป็นแขนยาว และมีลูกไม้สีขาวสะอาดตาปิดช่วงอกเอาไว้ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้คนที่รออยู่นานพอใจได้เสียที ทั้งสองเลือกการ์ดและของชำร่วยก่อนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็ปาไปเกือบสองทุ่ม กวินภพเดินนำเธอออกมาจากร้านแต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะขึ้นรถเขาก็พูดแทรกออกมาก่อน “เธอกลับบ้านไปเองก็แล้วกัน ฉันมีนัดต้องไปต่อ” เขาพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในรถ ไม่ฟังเสียงร้องเรียกของหญิงสาวที่ตะโกนไล่ตามหลังมาเลยแม้แต่คำเดียว มัทนาพยายามที่จะแย้งบอกกับกวินภพว่าเธอต้องรีบตามเขาออกมาจากบ้านจึงไม่มีเงินติดตัวมาด้วยเลยแม้แต่บาทเดียว แต่ก็ช้าเกิน คนใจร้ายที่ออกคำสั่งเสร็จเขาก็พาตัวเองขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธอยืนเดียวดายและไม่รู้ว่าจะหาทางกลับบ้านได้อย่างไรเพียงลำพัง “คนใจร้าย!” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อม ๆ กับน้ำตาที่จู่ ๆ ก็พากันไหลออกมาอย่างหักห้ามไม่อยู่ หญิงสาวพยายามที่จะเรียกแท็กซี่แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีสักคันยอมจอดรับกันอยู่ดี สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกสองเท้าน้อย ๆ จึงเดินตรงไปเบื้องหน้า และภาวนาให้มีสักคันใจดีจอดรับเธอบ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD