“นะครับ ช่วยผมหน่อยนะครับคุณสิงห์ ผมมองไม่เห็นใครจริงๆ ครับ”
เสียงขอร้องอ้อนวอนดังผ่านปากรณชัย ชายวัยหกสิบปี สีหน้าของผู้พูดเต็มไปด้วยความหนักใจ หากราชสีห์ไม่ช่วยเขา รับรองได้ว่าธุรกิจของตนต้องล่มจมเป็นแน่
ราชสีห์ ศิวะธำรงกุล นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแห่งปี มีธุรกิจในมือหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือสถาบันการเงินประเภทไม่ใช่ธนาคาร ภายใต้ชื่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เดอะซันกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ปู่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา หลังจากปู่เสียชีวิตชายหนุ่มก็ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติมหาศาลด้วยวัยเพียงสามสิบปี และอีกเก้าปีต่อมาราชสีห์ก็สามารถทำให้บริษัทแห่งนี้ติดอันดับหนึ่งในสามของบริษัทเงินทุนฯ ที่มีรายได้มากที่สุด มีความแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจจนยากที่ใครจะโค่นล้มได้
“เงินมันเยอะมากนะคุณชัย ถ้าผมให้ไปก็ไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือเปล่า”
ราชสีห์พูดอย่างนักธุรกิจผู้มองการณ์ไกล เขารู้ดีว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของรณชัยอยู่ในขั้นวิกฤตมากแค่ไหน ขาดเม็ดเงินในการหมุนเวียนธุรกิจ ส่งผลให้ขาดแรงงานที่พากันลาออกเนื่องจากเจ้าของบริษัทจ่ายเงินเดือนล่าช้า ซ้ำยังติดหนี้ร้านอุปกรณ์ก่อสร้างที่ให้เครดิตกับรณชัยร่วมสิบห้าล้านบาท ไม่รวมกับเงินกู้ที่กู้มาหมุนเวียนจากธนาคาร นับจำนวนหนี้สินทั้งหมดก็ไม่ต่ำกว่าสามร้อยล้านบาท เงินจำนวนมากขนาดนั้นหากเขาให้ไปก็ไม่รู้จะได้คือหรือไม่ และหากอีกฝ่ายไม่ได้เงินก้อนนี้จากเขา รับรองได้ว่ารณชัยต้องล้มละลายแน่นอน
“ได้คืนสิครับ ยอดจองคอนโดของผมเกินกว่าครึ่งแล้วนะครับ ถ้าสร้างเสร็จต้องมีคนมาซื้อเพิ่มเติมแน่ๆ ครับ ผมมั่นใจ”
รณชัยยังมีความหวังว่าคอนโดมิเนียมที่กำลังสร้างอยู่นี้จะสร้างกำไรให้เขาเหมือนคอนโดอีกหลายแห่ง เพียงแค่ว่าต้องหาเงินทุนมาหมุนเวียนในการปลูกสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งจะสมหวังหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคนตรงหน้า
“ที่คุณพูดมามันก็เป็นแค่เพียงการคาดเดาของคุณ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งพูดยากใหญ่ ผมเป็นเจ้าของเงินก็ต้องคิดหนักหน่อย จะให้ใครกู้เงินก็ต้องมองเห็นการได้เงินคืน ไม่ใช่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”
รณชัยใจร้อนรุ่มมากกว่าเดิม เขารู้ดีว่าราชสีห์เป็นนักธุรกิจที่มองการณ์ไกล คิดและทำสิ่งใดก็ต้องรอบคอบ ยิ่งจำนวนเงินที่เขาขอกู้ที่มีมูลค่าสูงถึงห้าร้อยล้านบาท ใครเป็นเจ้าของเงินก็ต้องคิดหนัก แต่เขาก็ไม่อาจละความพยายามได้ เนื่องจากราชสีห์เป็นที่พึ่งสุดท้ายหลังจากตระเวนของกู้เงินตามธนาคารและบริษัทเงินทุนหลายแห่ง ทว่าก็ไม่ธนาคารหรือบริษัทเงินทุนใดให้รณชัยกู้เงินเลยสักแห่ง
“ผมมีบ้าน มีที่ดินอยู่หลายแห่ง ถ้าหากผมนำมาค้ำประกันกับคุณได้หรือเปล่าครับ” งานนี้เขาทุ่มสุดตัวเพื่อธุรกิจและหน้าตาทางสังคม
“บ้านและที่ดินทั้งหมดของคุณมันจะพอเป็นหลักค้ำประกันได้เหรอ” ราชสีห์พูดเชิงถาม “ผมว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งของเงินที่คุณขอกู้จากผมด้วยซ้ำไป”
รณชัยได้ฟังแล้วสีหน้าเคร่งเครียดทันที เห็นทีเขาคงจะชวดเงินกู้ก้อนนี้แน่นอน หากไม่ได้เงินจำนวนนี้รับรองได้ว่า คอนโดของเขาที่ปลูกสร้างไปกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์จะต้องยุติการปลูกสร้าง ปัญหาตามมามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินจองและเงินดาวน์ที่เขาได้รับจากลูกค้าที่สั่งจองและผ่อนเงินดาวน์อยู่ ไหนจะค่าวัสดุก่อสร้างที่คั่งค้าง ค่าจ้างคนงานอีก แค่คิดชายวัยหกสิบปีก็พอจะมองเห็นอนาคตตัวเอง
“แล้วถ้าหากผมหาคนค้ำประกันได้ล่ะครับ คุณสิงห์จะยอมปล่อยเงินกู้ให้ผมหรือเปล่า”
รณชัยยังดิ้นรนต่อไป แม้ว่าเขาจะยังมองไม่เห็นว่าจะมีใครยอมมาค้ำประกันเงินกู้ให้ตน แต่เขาก็จะพยายามให้มากที่สุด เพื่อให้ได้เงินต่อชีวิตก้อนนี้
ราชสีห์กระตุกยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่รณชัยเห็นแล้วขนลุก “ใครจะกล้าค้ำประกันให้คุณครับคุณรณชัย เงินไม่ใช่แค่ล้านสองล้านนะ มันตั้งห้าร้อยล้าน ผมว่านะแค่คุณอ้าปากขอใครคนนั้นก็ปฏิเสธแล้ว”
เจ้าของเงินพูดเหมือนรู้ทาง คนที่มาขอกู้เงินหน้าเสีย หนทางที่จะไม่ได้เงินนั้นมีสูงมากเหลือเกิน ในเมื่อทางนั้นก็ไม่ได้ ทางนี้ก็ไม่ได้ แล้วจะมีทางไหนที่พอจะมองเห็นว่าเขาจะได้เงินจำนวนนี้
“คุณราชสีห์พอจะมีทางไหนเสนอให้ผมไหมครับว่า ผมจะต้องทำยังไงถึงจะได้เงินกู้ก้อนนี้”
เวลานี้คนร้อนเงินหมดสิ้นหนทางจะคิดและพูด เขาจึงเอ่ยถามเจ้าของเงินตรงๆ หากมีทางใดที่จะได้เงิน เขายินดีทำทุกทาง แล้วคำพูดของรณชัยก็เข้าทางราชสีห์แบบเหมาะเหม็ง
“ถ้าผมบอกคุณจะทำตามจริงๆ ไหมคุณรณชัย” ราชสีห์ถามกลับ แววตาประกายเจ้าเล่ห์
“ใช่ครับ ผมยอมทำทุกอย่างครับ”
ตอนนี้รณชัยต้องการเพียงเงินมากอบกู้สถานการณ์วิกฤตของตัวเอง จนเขาไม่คิดไม่ไตร่ตรองคำพูดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“ผมได้ข่าวว่าลูกสาวของคุณสวยไม่ใช่เล่น...คุณขอกู้เงินผมห้าร้อยล้านผมก็จะให้ แต่คุณต้องเอาลูกสาวของคุณมาค้ำประกันเงินกู้ คุณชดใช้หนี้ผมหมดเมื่อไหร่ ลูกสาวของคุณก็ได้รับอิสระเมื่อนั้น”
คำตอบของราชสีห์เรียกความตกใจให้กับคนร้อนเงินได้อย่างมาก หัวใจของรณชัยแทบจะหยุดเต้น ไม่คาดคิดว่าข้อเสนอของชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นเช่นนี้
“อะ อะไรนะครับ จะให้ลูกสาวของผมมาเป็นตัวค้ำประกันเหรอครับ” รณชัยถามทวนอย่างไม่แน่ใจ สมองยังรู้สึกสับสนอยู่
“ใช่ครับ” ราชสีห์ตอบเสียงหนัก ยกยิ้มมุมปากเชิดขึ้นข้างหนึ่ง “ผมจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ คุณต้องให้ลูกสาวของคุณมาเป็นเครื่องประดับบนเตียงของผม จนกว่าหนี้สินของเราจะหมดไป แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วยหรือไม่ยินยอมก็ได้นะ ผมยังไงก็ได้เพราะผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่แล้ว”
ราชสีห์เสมือนผู้กำชัย มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่คนถูกมองเห็นแล้วอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ รณชัยกำลังคิดว่าข้อเสนอของราชสีห์เปรียบเสมือนแสงสว่างนำทาง หากเขาไม่ตกปากรับคำ เงินก้อนใหญ่ที่จะไปขยายธุรกิจของตนเป็นอันต้องชวด แล้วไม่รู้ว่าจะมีโอกาศแบบนี้อีกหรือไม่
“ตกลงครับ ผมตกลง” คนจนตรอกอยากได้เงินตอบรับแบบไม่ทันคิดอ่านให้รอบคอบ ตอบไปทั้งที่ไม่รู้เลยว่าลูกสาวของตนจะยอมหรือไม่ “ผมจะพาลูกสาวมาให้คุณตามที่คุณต้องการ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ วันไหนที่คุณพาลูกสาวมาให้ผม ผมก็จะให้เงินคุณในวันนั้นครึ่งหนึ่ง แล้วจะให้อีกครึ่งหนึ่งในวันต่อมา ข้อตกลงมีเท่านี้”
เสียงทรงอำนาจของเจ้าของเงินเอ่ยบอกรณชัยที่ยิ้มอย่างมีความหวัง แม้ว่าภายในจิตใจจะกลัดกลุ้มไม่น้อย
“ครับได้ครับ ตกลงตามนี้ครับ”
“เห็นทีเราจะคุยกันเสร็จแล้วนะ เชิญคุณรณชัยกลับไปเตรียมตัวพาลูกสาวมาให้ผมได้แล้ว ผมเองก็มีงานที่จะต้องทำต่อเหมือนกัน”
เจ้าของห้องพูดเชิงไล่อย่างสุภาพ บอกตรงๆ ว่าราชสีห์ไม่อยากจะเสวนากับรณชัยมากนัก แล้วที่ยอมเสียเงินหลายร้อยล้านก็ไม่ใช่ว่า อยากจะช่วยเหลือชายสูงวัยตรงหน้า เขาเพียงแค่อยากจะแก้แค้นใครบางคนให้เจ็บๆ คันๆ ในหัวใจบ้าง
“ครับ ผมลานะครับ”
รณชัยเอ่ยลาเจ้าของห้อง เขาลุกขึ้นยืนหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงานของราชสีห์ทันที เวลานี้รณชัยพกทั้งความดีใจที่จะได้เงินไปพร้อมกับความหนักใจอันหนักอึ้งไปด้วย