บทที่ 1 เป็นสาวเต็มมือแล้ว 1

1729 Words
ณ บ้านอักษรเข็มในค่ำคืนนี้มีงานเลี้ยง คุณปาริดาและคุณอภิชาติได้จัดงานเลี้ยงฉลองที่ลูกสาวคนเล็กเรียนจบ จึงได้เชิญเพื่อนข้างบ้านอย่างบ้านพงศ์เพชรมาร่วมในงานเลี้ยงด้วย เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้เชิญใครมาก จะมีเพื่อนของลูกสาวและเพื่อนข้างบ้านที่สนิทกันเท่านั้นมางานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ “คุณปาว่าหนูวิดวิ้วยิ่งโตยิ่งสวยไหมคะ” คุณเพชรพรเอ่ย ขณะมองเจ้าของงานเดินควงพี่ชายเข้ามาในงานด้วยท่าทีสง่างาม “คุณพรพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ” ปาริดารู้ความนัยในคำพูดของเพื่อนบ้านว่าต้องการสื่อถึงสิ่งใด พร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้สามีข้างกายตน ซึ่งอภิชาติเองก็รู้เหมือนกันว่าเพื่อนบ้านหมายถึงสิ่งใด จึงยิ้มให้ภรรยาและเพื่อนบ้านอย่างรู้ๆ กัน “แหม...คุณปาก็รู้ใจพรจริงๆ นะคะ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ตาใหญ่ลูกชายของดิฉันก็อายุเยอะขึ้นทุกวัน แต่ยังไม่มีใครมาสอยไปสักที ดิฉันคิดว่าเราควรให้เด็กสองคนนี้หมั้นกันดีไหมคะ” เพชรพรเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ก็นางคิดแบบนี้จริงๆ อีกอย่างวารีดาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลูกสาวของเพื่อนบ้าน แถมนางก็เห็นหญิงสาวมาตั้งแต่เด็กๆ เลยรักและเอ็นดูเป็นพิเศษจนอยากได้มาเป็นสะใภ้ “คุณพรช่างไอเดียดีจริงๆ นะครับ ผมก็อยากให้เด็กทั้งสองลงเอยกัน ว่าไหมคุณปา” อภิชาติเอ่ย พร้อมกับขอความเห็นจากภรรยาของตน “แล้วแต่เด็กเถอะค่ะ ดิฉันไม่อยากบังคับใจลูกสาว ถ้าวิดวิ้วเลือกตาใหญ่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเราที่จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันค่ะ” ปาริดาก็ไม่ขัด ถ้าเด็กทั้งสองจะลงเอยกัน แต่ดูท่าคงยากเอาการ ก็ลูกชายของเพื่อนนั้นไม่เห็นมีทีท่าอะไรเลยที่บอกว่าสนใจในตัวลูกสาวตน ไม่แปลกที่ทั้งสองครอบครัวจะคุยกันถูกปากถูกคอ ก็ทั้งสองนั้นย้ายบ้านมาอยู่ติดกันตั้งแต่สมัยคลอดลูกคนแรกได้ไม่นาน ครอบครัวอักษรเข็มและพงศ์เพชรเลยสนิทกัน ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกันมาตลอด จนกระทั่งเพื่อนบ้านอย่างเพชรพร พงศ์เพชรสูญเสียเสาหลักของบ้านไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว คุณเพชรพรเลยเข้ามาดูแลกิจการทุกอย่างที่สามีได้ทิ้งไว้ให้ ถึงแม้จะเป็นธุรกิจส่งออกผ้าไหมขนาดเล็กๆ แต่ก็พอทำให้นางเลี้ยงลูกชายจนโตและส่งเรียนจนจบทันตแพทย์และมีชีวิตที่กินดีอยู่ดีได้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนครอบครัวอักษรเข็มนั้นมีลูกชายคนโตอย่างแอบรักเข้ามาช่วยงาน ตอนนี้ผู้เป็นพ่ออย่างอภิชาติเลยได้มีเวลาให้กับภรรยามากขึ้น ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนนักที่ต้องดูแลบริษัทแปรรูปผลไม้เพียงลำพัง จะว่าตอนนี้เขาหยุดทำงานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรในบริษัทอภิชาติได้มอบหมายให้ลูกชายคนเดียวตัดสินใจหมด เพราะเชื่อว่ายังไงแอบรักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบริษัท “แต่ยังไงดิฉันก็อยากให้ตาใหญ่กับน้องแต่งงานกันนะคะ เรามาลุ้นกันไหมว่างานนี้สองคนจะเป็นพี่น้องกันหรือจะเป็นสามีภรรยากัน” เพชรพรเอ่ย ทำไมนางจะไม่รู้ว่าวารีดา ลูกสาวของเพื่อนบ้านนั้นหลงรักลูกชายตนมานานแล้ว ส่วนลูกชายตนนั้นดูไม่ออกจริงๆ ว่ามีใจไหม ก็ใหญ่นั้นช่างเงียบขรึม เดาความรู้สึกยาก ทั้งๆ ที่เลี้ยงมาเองกับมือก็ยังคาดเดาความรู้สึกชายหนุ่มไม่ออกเลย ก่อนที่ปาริดาจะได้เอ่ยอะไรอีก วารีดาก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน หญิงสาวเดินควงแขนพี่ชายยิ้มเข้ามาหาผู้ใหญ่ทั้งสามที่นั่งอยู่ วันนี้สาวเจ้าใส่ชุดเดรสรัดรูปสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งขับกับผิวขาวนวลเนียน เมื่อถูกกระทบกับแสงไฟในงานแล้วดูสวยยิ่งนัก ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง เธอแต่งหน้าเบาๆ ไม่ได้แต่งหน้าจัดเหมือนเพื่อนๆ ที่มาร่วมงาน หญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งสูงประมาณสี่นิ้วด้วยความมาดมั่น ส่วนพี่ชายนั้นสวมชุดสบายๆ ตามประสาคนเจ้าชู้ กางเกงยีนส์เสื้อยืดโปโลยี่ห้อดังเดินให้น้องสาวควงเข้ามาหาผู้เป็นแม่กับพ่อและเพื่อนบ้านที่กำลังคุยกันอยู่ “คุณป้าคะ พี่หมอใหญ่ยังไม่มาอีกเหรอคะ” เมื่อเดินมาถึงท่านทั้งสาม หญิงสาวก็เอ่ยถามถึงชายหนุ่มที่ตนแอบรักกับแม่ของเขาทันที “ถามหาไอ้ใหญ่จริงๆ นะวิดวิ้ว คิดอะไรกับมันไหมเนี่ย พี่ขอห้ามเลยนะ ห้ามคิด” แอบรักเอ่ยเสียงเข้ม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท หรือว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาจีบน้องสาวเขาทั้งนั้น “ตารักก็พูดเกินไป น้องจะรักจะชอบใครก็ปล่อยน้องไป ตัวเราเถอะ อายุก็เยอะแล้ว เมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เจ้าชู้แบบนี้แม่อยากรู้จริงๆ ผู้หญิงคนไหนจะตาบอดมาหลงรัก” นางปาริดาเอ่ยว่าลูกชายคนโต แอบรักได้ยินผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างนั้นก็ผละออกจากน้องสาวเดินไปนั่งข้างผู้เป็นแม่ด้วยท่าทางออดอ้อน จนทุกคนอดขำที่ชายหนุ่มทำเหมือนไม่รู้จักโตสักที “วิดวิ้วมานั่งข้างป้าสิจ๊ะ พี่ใหญ่ของเราติดคนไข้ที่คลินิกโทรบอกป้าว่ามาไม่ได้ พี่เขาฝากป้ามาขอโทษหนูด้วยนะ” ก็ก่อนมางานเลี้ยงลูกชายนางโทรมาบอกแล้วว่ามางานเลี้ยงฉลองที่วารีดาเรียนจบไม่ได้ เพราะวันนี้คนมาจัดฟันที่คลินิกเยอะจึงมาร่วมงานไม่ได้ วารีดาทรุดตัวนั่งลงอย่างเหงาหงอย เมื่อคิดว่าพี่ชายที่ตนแอบรักไม่มาร่วมยินดีในวันที่ตนประสบความสำเร็จ “อย่างอนพี่เขาเลยนะลูก ไปเล่นกับเพื่อนเราให้สนุกเถอะ วันนี้เป็นวันของวิดวิ้วนะลูก” เพชรพรเอ่ย เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ ของหญิงสาวนั้นเริ่มมาเยอะแล้ว “ค่ะคุณป้า คุณแม่คะ วิดวิ้วไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอตัวกับผู้ใหญ่ ก่อนจะหันไปยิ้มให้พี่ชายตัวดีของตน “พี่ไปด้วยสิ ว่าแต่วันนี้น้องหมอกไม่มาเหรอ ทำไมพี่ไม่เห็นเลย” ชายหนุ่มถามน้องสาวถึงสาวเฉิ่มผู้กระตุกใจตนให้เต้นแรงทุกครั้งที่ได้เจอ ไม่รู้ทำไมเจอกันที่ไรต้องเป็นเขินอาย และอยากแกล้งม่านหมอกนัก ทั้งๆ ที่สวยก็ไม่สวย เฉิ่มก็เฉิ่ม เชยก็เชย แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ ในใจเขาบอกแบบนั้น “หมอกบอกว่าจะมาสายค่ะพี่รัก เพราะต้องไปส่งขนมให้ที่บ้านเสร็จก่อนถึงจะมางานได้ ถามหาเขาคิดจะแกล้งเขาอีกแล้วใช่ไหมคะ” วารีดาเอ่ยตอบ พร้อมกับถามพี่ชายกลับ ก็ทุกครั้งที่ม่านหมอก เพื่อนรักกับพี่ชายเจอกัน ทางฝ่ายหญิงนั้นก็ไม่อะไร แต่พี่ชายเธอนี่สิ ชอบแกล้งเพื่อนรักเธอให้เสียใจและอับอายตลอด “รู้ได้ไง แต่ถ้ายัยเฉิ่มไม่มางานก็ไม่สนุกนะวิดวิ้ว ไปดีกว่า ไปหาเพื่อนๆ เราดีกว่า” ว่าแล้วก็รีบเดินหนีจากโต๊ะไปยังกลุ่มเพื่อนของน้องสาว โดยมีวารีดาเดินตามไปสมทบอีกคน นางปาริดาและนางเพชรพรพากันยิ้มให้กันอย่างมีความสุข เมื่อสองพี่น้องได้เดินออกไปแล้ว จึงหันมาพูดคุยเรื่องเดิมที่คุยกันค้างไว้ก่อนหน้านี้ “เรื่องลุ้นไม่ต้องห่วงคุณพร ดิฉันลุ้นสุดใจอยู่แล้ว หนักใจแต่ตาใหญ่ของคุณพรนี่สิ ไม่รู้จะรักลูกสาวดิฉันไหม ก็ยัยวิดวิ้วนั้นแสดงออกนอกหน้าเหลือเกินว่าชอบลูกชายคุณพร” ปาริดาก็อยากรู้เหมือนกัน งานนี้ต้องลุ้นชิดจอ จะได้รู้ว่าบทสรุปของสองหนุ่มสาวบ้านรั้วติดกันจะลงเอยได้ไหมก็คราวนี้แหละ “พรว่าบ้านคุณปาต้องมีงานมงคลสองงานแน่ค่ะ ก็ดูท่าพ่อคนเจ้าชู้ประตูดินอย่างตารักของคุณพรคงจะติดบ่วงสาวน้อยแสนเชยอย่างหนูหมอกแล้วค่ะ ก็ดูเอาเถอะ เอ่ยถึงหนูหมอกด้วยแววตาท่าทางยิ้มแย้ม ลูกชายคุณพี่บทจะตายก็มาตายเอาง่ายๆ นะคะ” “คิกๆ คุณพรไม่รู้อะไร ตารักน่ะ รักหนูหมอกตั้งแต่รู้จักกันเมื่อสี่ปีที่แล้วแล้วค่ะ แต่แกล้งทำเป็นวางฟอร์มไปงั้นๆ แบบว่ากลัวตัวเองถูกน้องสาวล้อค่ะ ดิฉันดูออกนานแล้วว่าหลงรักหนูหมอก เจ้าตัวปากแข็งทำเป็นแกล้งเขา ที่ไหนได้ อยากแกล้งเขาเพื่ออยากแต๊ะอั๋งเขาค่ะคุณพร ลูกชายของฉันใช่ย่อยที่ไหนกันคะ” “ทำไมตาใหญ่ของพรไม่เป็นแบบนี้บ้างนะ วันๆ เอาแต่ตีหน้านิ่งขรึม ก็เข้าใจว่าเป็นหมอต้องนิ่งขรึม แต่ยิ้มบ้างก็ได้ ขนาดพรเป็นแม่ยังยากเลยที่ลูกชายจะยิ้มให้ ไม่รู้จะกลัวหน้าย่นไปไหนลูกดิฉัน” “คิกๆ คุณพรก็พูดไปนะคะ ช่างเปรียบจริงๆ ก็ตาใหญ่ของคุณพร เขามีความเป็นผู้ใหญ่เยอะ ไม่เหมือนตารักของดิฉัน รายนั้นน่ะชอบอ้อน ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตเวลาอยู่กับแม่และน้อง แต่พอออกนอกบ้านนี้ลีลาเยอะจัด ไม่แปลกใจที่มีสาวๆ มาติดพันเยอะค่ะ” ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุก เมื่อคิดว่าลูกๆ ของตนจะลงเอยกัน ไหนจะหลานตัวเล็กๆ ที่จะตามมาอีก คิดแล้วชีวิตแม่หม้ายสามีตายอย่างนางคงมีความสุขไม่น้อยถ้าวันนั้นมาถึง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD