เช้า
พลอยมุกรีบตื่นขึ้นมาในช่วงเช้า เธอสลัดผ้าห่มผืนหนาออกจากลำตัว ปลดเปลื้องชุดนอนเนื้อบางห่อหุ้มผิวกายด้วยผ้าขนหนูผืนนุ่มแทน ขาสวยก้าวตรงไปยังห้องน้ำ ชำระร่างกายด้วยสายน้ำใส สบู่ฟองนุ่มสีขาวลูบไล้ไปทั่วลำตัวที่ขาวนวลเนียนกลิ่นหอมของสบู่กระจายฟุ้งไปจนทั่วห้องน้ำ
“อ้าวลงมาแล้วหรอลูก” คุณหญิงโฉมฉายที่กำลังเตรียมตัวออกไปทำงาน เหลียวมองลูกสาววัยสดใสที่ตอนนี้เธอกำลังเป็นสาวอย่างเต็มตัวพร้อมเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอเดินลงจากห้องนอน ตั้งแต่คุณระพีสามีของเธอเสียไปด้วยเรื่องของผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกันจนถูกลอบทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิต ทำให้เธอต้องเลี้ยงดูพลอยมุกเพียงลำพัง เด็กสาวตัวเล็กมักจะมองหาความอบอุ่นอ้อมกอดจากผู้เป็นพ่อเสมอ คุณหญิงพยายามทุกวิถีทางเพื่อแทนที่ความอบอุ่นที่ลูกโหยหาแต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งบางเรื่องบางอย่างมันแทนที่กันไม่ได้จริงๆ
“รถสปอร์ต Lamborghini คันหรูสีดำเงาวับในราคา128ล้าน จอดเทียบหน้ามุขของตัวบ้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ลมเหนือเปิดประตูก้าวเดินเข้าไปกล่าวทักทายคุณหญิงโฉมฉายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับคุณป้า”
“มาแล้วหรอลูก ไปค่ะรีบไปเดี๋ยวรถติดจะสายกันพอดี” คุณหญิงลบเล้าให้หนุ่มสาวทั้งสองรีบไปขึ้นรถ ส่วนตัวคุณหญิงเองก็ต้องรีบไปทำงานเช่นกัน
ภายในรถถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ลมเหนือใช้สายตาจดจ่อไปยังท้องถนนส่วนอีกคนใช้หัวใจและสายตาจดจ่อไปยังคนข้างๆ “เอ่อ! พะ พี่เหนือทานข้าวมารึยังค่ะ” เธอตัดสินใจรวบรวมความกล้าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พลางหยิบแซนวิชออกมาจากถุงผ้าแล้วยื่นให้คนพี่ในช่วงที่ติดไฟแดง
“อย่าทำตัวน่ารำคาญ แค่ฉันต้องอยู่ใกล้เธอคอยไปรับไปส่งคอยพาไปทำธุระแค่นี้ก็รู้สึกอึดอัดจะแย่” คำพูดที่แสนร้ายกาจ ถ้าเปรียบเสมือนพิษร้ายของงูเห่ามันคงแล่นผ่านเข้าสู่กระเลือดตรงดิ่งไปยังหัวใจให้เธอตายได้เฉียบพลัน พลอยมุกได้แต่ก้มหน้าเก็บพับความห่วงใยใส่ถุงผ้าไว้ตามเดิม
มหาวิทยาลัย
ลมเหนือขึ้นลิฟต์ไปยังห้องอธิการบดีที่มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ของเค้าและมีสาวน้อยในชุดสีชมพูอ่อนผ้าชีฟองวิ่งตามอย่างหอบเหนื่อย ขาเรียวเล็กที่วิ่งอย่างอ่อนแรงแทบจะเกี่ยวพันกันล้มคะมำแต่ลมเหนือไม่ได้ใส่ใจหันหลังกลับมามองอย่างที่ควรจะเป็นกลับเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างไม่แยแส
ท่านอธิการบดี หรือลุงพจน์นั่งรออยู่ที่ห้องขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าม่านสีขาวสะอาดตา ประตูที่ถูกเปิดออกทำให้คนที่นั่งเซ็นเอกสารเงยหน้าขึ้นมามองเปื้อนด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“มาลูกมา” ลุงพจน์ลุกขึ้นเต็มความสูงก้าวขาออกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่ พลางกวักมือเรียกให้คนทั้งสองมานั่งที่โซฟารับแขกภายในห้องทำงาน
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไรลูกหนูพลอย”
“หนูพลอยกลับมาได้สองอาทิตย์แล้วค่ะคุณลุง” พลางขยับก้นเล็กนั่งเก็บขาซ้อนกันอย่างเรียบร้อย ลุงพจน์พอที่จะมองออกว่าสาวน้อยตรงหน้าหลงรักหลานชายตัวเองตั้งแต่ก่อนไปเรียนที่ High school แต่หลายชายตัวดีกลับไม่สนใจตีหน้าบึ้งตึงทำตัวเฉยชาใส่เธอทุกครั้ง ลุงพจน์ได้แต่หวังและเอาใจช่วยสาวน้อยตรงหน้าอย่างนึกเห็นใจ
หลังจากที่สมัครเข้าเรียนเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองจึงออกมาจากห้องของลุงพจน์เพื่อเดินตรงไปยังลานจอดรถ “ไอ้เหนือ มาทำไรวะ! ไอ้สัสเข้ามาแต่ละทีสาวๆ ในมหาลัยยอมพรีกายให้เลยนะมึง” ก็จริงอย่างที่เพื่อนเค้าพูดนั้นแหละ แค่ลมเหนือก้าวลงจากรถสายตาสาวๆ ในมหาลัยจดจ้องจนตาเป็นมัน ลุคเท่ห์ๆ ใบหน้าหล่อเหล่าออร่าความรวยดึงดูดสาวๆ ได้ไม่ยาก
“มึงกลับมาจากเมืองน้ำหอมตั้งแต่เมื่อไรวะ!” ลมเหนือเอ่ยถามพรางยกแขนกอดคอเพื่อนสมัยเรียนมัธยมอย่างสนิทสนมก่อนที่จะชวนกันไป Night Club คืนนี้ตามภาษาคนโสด
“กูกลับมาได้สักพักละ ว่าแต่สาวน้อยน่าตาน่ารักใครวะ? อย่ากเป็นอมตะใช่ไหมมึงเลยริอยากกินเด็ก” พลที่เหลือบไปเห็นสาวน้อยข้างๆ ที่น่าตาน่ารักยืนทำตาปริบๆ ระหว่างที่เค้ากับลมเหนือคุยกันเลยอดใจที่จะถามเพื่อนไม่ได้
“ไม่ได้สำคัญอะไรไม่มีความจำเป็นอะไรที่กูต้องแนะนำ อย่าอยากรู้ในสิ่งที่กูไม่อยากตอบ”
“อ้าวไอ้สัส ถามแค่นี้เองโมโหเหมือนควายป่าบ้าเลือดไปได้” พลสบถด่าเพื่อนสุดหล่ออย่างเอือมระอาพร้อมโบกมือลาขอตัวไปทำธุระก่อน
“ไปขึ้นรถจะยืนตากแดดท้าลมอีกนานไหม เดี๋ยวไหมสบายขึ้นมาใครๆ จะโยนความผิดคิดว่าฉันไม่ดูแลอีก ยิ่งกระหม่อมบางไม่เหมือนชาวบ้านเค้าอยู่ด้วย” คำพูดประชดชันเสียดสีเย้ยหยันไม่เคยทำให้เธอชินได้เลยสักครั้ง นี้หรอผู้ชายที่เธอหลงรัก ผู้ชายที่ใครหลายๆ คนมองเห็นแค่เปลือกนอก เปลือกนอกที่ใครหลายๆ คนคิดว่าเค้าสุภาพอ่อนโยน เปลือกนอกที่ใครหลายๆ คนอยากครอบครองทั้งร่ายกายและหัวใจ แต่เปลือกข้างในกลับเป็นซาตานใจร้ายดีๆ นี้เอง
“คิดจะด่าฉันในใจฉันไม่ว่า แต่อย่าเผลอพูดออกมาให้ฉันได้ยินไม่งั้นเธอโดนดีแน่” คำขู่พร้อมกับคำคาดโทษ ทำให้พลอยมุกรีบก้มหน้ามองพื้นเหมือนคนหนีความผิด เท้าเล็กๆ รีบเดินไปยังตัวรถจังหวะที่มือเล็กกดเปิดประตู มวลลมเพลมพัดก่อตัวปะทะเข้ากับผิวบางจนทำให้ชุดเดรตเปิดโป้ขึ้นตามแรงลม จนเผยให้เห็นผ้าข้างในตัวบางลายลูกไม้สีขาวที่ปกปิดดอกไม้แรกแย้มอย่างชวนมอง แขนทั้งสองข้างยกขึ้นประกบปิดกระโปรงด้วยความเร็วของมือเล็ก แต่มือเล็กที่ว่าเร็วรึจะเท่าความเร็วของสายตาที่คมกริบที่นั่งประจำที่คนขับที่เห็นมันเปิดขึ้นอย่างล่อตาล่อใจ
“หึ! อย่าทำตัวไร้เดียงสาใช้สกิลการอ่อยขั้นพื้นฐานมาใช้กับฉัน เพราะมันไม่ได้ผลเธอก็รู้” ประตูรถที่เปิดอ้าออกก่อนหน้านี้ ถูกปิดดังปังจนประตูแทบพังด้วยฝีมือของคนตัวเล็ก ใบหน้าที่ชวนพิศก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆ แห่งความเสียใจ ฮึก~ฮึก~ฮื่อ เท้าเล็กก้าวเหยียบตามพื้นฟุตบาทที่หยาบด้วยความเร็ว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพลอยมุก ฉันบอกให้หยุดเดินไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้” เสียงตะโกนจนลั้น
ออกคำสั่งบังคับอย่างเอาแต่ใจ เมื่อไม่เป็นดังที่ใจบังคับจึงทำให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนที่เป็นสารแห่งความโกรธ ทำให้ลมเหนือปรี่เข้าไปกระชากต้นแขนเล็กอย่างไม่ปราณี
“อ๊ะ~อร้าย พี่เหนือหนูพลอยเจ็บปล่อยนะคะ ฮือ~ฮื่อ” พลอยมุกพยายามขืนตัวไม่ไปตามแรงที่คนร่างยักษ์ฉุดกระชากลากถูเธอ แต่เปล่าประโยชน์ กวางตัวน้อยรึจะสู้นายพรานใจยักษ์อย่างลมเหนือได้ เค้าจับเธอเหวี่ยงเข้ากับเบาะด้านหน้าอย่างแรงจนก้นและสะโพกแทบหัก “จะเจ็บ” มือเล็กลูบก้นน้อยป้อยๆ อย่างน่าสงสาร
“ชอบให้ใช้กำลังฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงห๊ะ เพราะเป็นแบบนี้ไง ดื้อแบบนี้ไงคุณลุงระพีถึงหนีตายไปจากเธอ” ดวงตากลมโตไล่มองคนตรงหน้าอย่างนึกเสียใจ สายตาที่ตัดพ้อเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสลาดเลอะแก้มนวล ไหลหยดแหมะจนเปียกชุ่มเต็มตัวชุด
“หนูพลอยเกลียดพี่เหนือ เกลียดพี่เหนือ เกลียดทุกอย่างที่เป็นพี่เหนือได้ยินรึเปล่า!ฮื่อ~ฮื้อ!”