“แล้วมาทำหน้าโหดใส่ตัวเล็กทำไม!” ฉันเบะปากใส่
“พี่แค่คิดว่า...” พี่จุนหลุบตามองริมฝีปากฉัน “ถ้ารอยมันถูกทำด้วยปาก ก็ต้องลบด้วยปาก”
“อ๊ะ” จบคำพูดได้ไม่ทันไรท่อนแขนแข็งแรงของพี่จุนก็โอบรอบเอวฉันทันที แม้จะไม่รุนแรง แต่ระดับพละกำลังของเราสองคนต่างกันมาก เป็นผลให้ฉันถลาเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเกือบแตะโดนลำคอของเขา
พี่จุนทำตัวน่ากลัวอีกแล้ว!
“ตัวเล็กอยากลองไหม บางทีพี่อาจจะหายเจ็บ” พี่จุนเปลี่ยนมากระซิบด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์ พลันที่อุณหภูมิรอบกายเย็นเฉียบจนรู้สึกขนลุกเกรียว
ฉันส่ายหน้าไปมาอย่างรุนแรง พยายามเอาตัวเองออกจากวงแขนกว้าง แต่ก็ไร้ผล
หลายวันที่ผ่านมาพี่จุนทำแบบนี้ตลอดเลย ฉันหมายถึง... เขาชอบทำตัวเหมือนกำลังเรียกร้องความสนใจ หรืออาจจะสร้างความสนิทสนมกับฉันในแบบของตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ! พิลึกกึกกือสิ้นดีเลย
ฉันพยายามไม่ได้คิดอะไรแต่ลมหายใจกลับสั่นระริกไปหมด คล้ายว่ากำลังถูกเขาฆ่าทางอ้อมยังไงยังงั้น
ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นบุรุษเพศอย่างชัดเจน และมันอดคิดในใจไม่ได้ว่า... กลิ่นตัวพี่จุนหอมมาก!
ขนาดมีกลิ่นบุหรี่จางๆ เจือปนก็ยังรู้สึกว่ามันน่าหลงใหล โห... ไหนบอกว่าไม่ได้คิดอะไรไงไอ้ตัวเล็ก ไม่ได้การแล้วเนี่ย
“ตัวเล็กจะโกรธพี่จุนแล้ว!” ฉันขึ้นเสียงเมื่อได้ยินสัญญาณเตือนภัยจากข้างใน
“พี่ทำอะไรผิด” พี่จุนเลิกคิ้ว แรงกอดถูกคลายเล็กน้อยแต่ก็มากพอจะทำให้ฉันดิ้นแล้ววิ่งไปอยู่อีกฟากหนึ่งของโซฟา รู้สึกโล่งอกขึ้นเยอะเลย เมื่อกี้เกือบตายแน่ะ
“พี่จุนพูดจาแปลกๆ!” ฉันจ้องหน้าเขาและเห็นรอยยิ้มจางๆ บริเวณมุมปากปรากฏออกมา ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปสนใจทีวีต่อราวกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
“ไม่เห็นจะแปลกเลย” เขายักไหล่และไม่ได้มองหน้าฉัน
“แปลกสิคะ ก็พี่จุนน่ะ...”
“พี่ทำไม?” อีกครั้งที่เขาเลื่อนสายตากลับมา เพราะแบบนั้นฉันจึงส่ายหน้าแทนคำตอบ ขืนพูดถึงมันอีกครั้งฉันจะต้องรู้สึกตุ้มๆ ต่อมๆ ที่อกแน่เลย ขนาดไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่ก็เถอะ
“ตัวเล็กจะไปเปลี่ยนชุด”
ฉันตัดสินใจวิ่งเข้าไปในห้อง พยายามจะไม่คิดอะไร แต่แล้วภาพในวันนั้นก็ลอยวาบเข้ามาในหัวเหมือนต้องการตอกย้ำอะไรบางอย่างในความทรงจำของฉัน
ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่จุนดูอันตรายไม่จากตอนนี้ แถมวันนั้นเขายังสร้างรอยแปลกๆ บนตัวฉันด้วย
รอยพวกนั้นน่ะ คล้ายๆ กับที่อยู่บนคอพี่จุนเลย มันไม่เจ็บ แต่กลับร้อนวูบวาบ ยังดีที่แม่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านและมัวแต่วุ่นเรื่องงานจนไม่ได้สังเกตรอยบนตัวฉัน และฉันเองก็เซฟตัวเองอย่างดี เอายามาทาทุกวัน ใส่เสื้อแขนยาวด้วย
ฉันคิดในแง่ดีเพราะตอนนั้นเราไม่รู้จักกัน แต่เอาจริงๆ ยังสงสัยไม่หายเหมือนกันว่าทำไมถึงถูกส่งตัวไปหาพี่จุน ฉันจำได้ว่าออกมาซื้อขนมหน้าปากซอย แต่มีกลุ่มคนน่ากลัวเข้ามารวบตัวฉัน ทำให้ฉันสลบและหมดสติ ไม่สามารถรับรู้อะไรได้จนกระทั่งได้พบกับพี่จุนในเช้าถัดมา
ยังดีหน่อยที่วันนั้นฉันถือตังค์ไปแค่ร้อยเดียว ของมีค่าต่างๆ รวมถึงโทรศัพท์มือถือไม่ได้เอาออกมา จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ที่ฉันเจอพี่จุน แต่ก็ไม่มั่นใจหรอกว่ามันดีจริงๆ หรือเปล่า
ฉันแค่หวังว่าเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้น
หลายวันผ่านไป
พี่จุนเพิ่งออกไปทำงาน ตอนแรกน่ะฉันขอติดสอยห้อยตามเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว แต่เขากลับทำเสียงดุใส่ ห้ามไม่ให้ฉันไปที่นั่นเพราะมันอันตราย
ถ้าอันตรายแล้วพี่จุนไปทำงานที่นั่นทำไมเล่า!
“เชอะ ดูหนังดีกว่า” เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่มีเรียนและวันนี้สามารถนอนดึกได้ บวกกับความที่ยังไม่ค่อยง่วงด้วยอะไรด้วยฉันจึงออกไปยังห้องนั่งเล่น คุ้ยๆ แผ่นหนังมากมายในลิ้นชักเพราะอยากหาอะไรทำระหว่างนี้
ใช้เวลาคุ้ยๆ อยู่นานสองนานก็ยังไม่เจอแนวที่ใช่สักที สุดท้ายเลยตัดสินใจคลำๆ เอา ได้แผ่นไหนเอาแผ่นนั้น
และฉันได้หนังผี!
“โฮก” ฉันแทบจะปล่อยโฮ เป็นคนชอบดูหนังผีเหมือนกันนะ แต่ในขณะเดียวก็เป็นคนกลัวผีมากๆ จนบางครั้งเก็บเอาไปฝัน ร้ายกว่านั้นคือนอนไม่หลับเลยตลอดคืน
แต่เอาเถอะ ดูจากหน้าปกหนังแล้ว คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอกมั้ง ถ้ามันหลอนมากๆ ค่อยปิดแล้วรีบเข้านอนก็จบ!
และสุดท้ายฉันก็ขนผาห่มจากในห้องมาข้างนอก เอาพันตัวเองให้เหลือแค่ลูกกะตา...
ฉากแรกไม่มีอะไรมาก แต่ดนตรีและบรรยากาศมันขมุกขมัวชวนขนลุกเอาเรื่อง เพราะแบบนั้นฉันจึงหรี่เสียงลง เเต่...
แฮ่!!!!
“แม่จ๋าาา~! ฮืออ!” ฉันแหกปากร้องเหมือนคนสติหลุดเพราะในช่วงที่กำลังจะกดปุ่มเบาเสียง ไอ้ผีหน้าเละที่ไร้ทีท่าจะปรากฏก็โผล่มาให้เห็นในระยะประชิด ซ้ำร้ายกว่านั้นคืออาการตกใจทำให้ฉันพลาดกดปุ่มเพิ่มเสียง! แน่นอนว่านั่นทำให้ฉันแทบเป็นบ้า ลนลานกดปิดแทบไม่ทัน
ไม่ดูแล้ว!
ฉันนั่งหอบหายใจ ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะเข้านอน แต่ภาพหลอนๆ เมื่อสักครู่นี้ยังคงติดตา เหลือบซ้าย แลขวา เอี้ยวตัวไปด้านหลังซ้ำๆ หลายรอบ อาการแบบนี้มันมาอีกแล้ว... งือ
“เมื่อไหร่พี่จุนจะกลับมาอ่ะ” ฉันเริ่มบ่น มองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว ถ้ามีคนอยู่ด้วยคงจะดี
ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นก็ตัดสินใจส่งไลน์ไปหาพี่จุน...
ที่ SL Club
[บทบรรยาย: จุน]
“มึงดูผู้หญิงคนนั้นดิ นมเป็นนม ตูดเป็นตูด”
ไอ้โฮปสะกิดให้ผมดูผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านหน้าเราไป แต่ผมแค่ชำเลืองแบบไม่ใส่ใจ
“มึงมองไปคนเดียวเหอะ” ผมตอบเสียงเนือย
ตอนนี้คลับใกล้ปิดแล้ว ลูกค้าบางส่วนเริ่มทยอยกลับ และแน่นอนว่าผมต้องอยู่จนวินาทีสุดท้ายเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย เช็คเงิน เช็คพวกอาหารเครื่องดื่ม ถึงจะมีพนักงานภายในร้านอยู่จำนวนหนึ่ง แต่หลายครั้งผมมักลงมือด้วยตัวเอง
เรียกง่ายๆ ว่าเป็นทั้งเจ้าของและพนักงานนั่นล่ะ
“เอาอีกละ พ่อคนเย็นชา~” ไอ้โฮปแซว “นี่ๆ กูรู้นะว่ามึงปิดบังอะไรไว้”
“อะไรมึง” ผมหันกลับไปมองอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยฉายบนใบหน้ากวนประสาทก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“ไอ้เกรย์มันมาบอกกูเว้ยว่าเห็นรูปเด็กผู้หญิงในโทรศัพท์มึง หน้าตางี้น่ารักน่าฟัดมากๆ”
“...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างเชื่องช้า แต่สีหน้ายังเป็นปกติ ลึกๆ แอบเคืองอยู่เหมือนกัน
ไม่ได้โกรธที่มันรู้ เพราะผมขี้เกียจพูด ไม่มีเจตนาจะปิด ไอ้ที่ทำให้รู้สึกคุกรุ่นน่ะคือคำพูดของมันต่างหาก หน้าตาน่ารักน่าฟัดเหรอ เหอะ
มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ยังไม่วายโชว์หื่นไปทั่ว
“น้องเค้าชื่ออะไรวะ” มันเซ้าซี้ ผมเลยทำท่าจะเดินหนี แต่ไอ้เกรย์ที่ไม่รู้ว่าเดินมาตั้งแต่ตอนไหนดักไว้ซะก่อน
เออดี สวมหัวกันเก่งฉิบหายไอ้พวกนี้
“ผมก็อยากรู้ฮะ” ไอ้เกรย์อายุน้อยกว่าผมหลายปี เห็นทำตัวเป็นเด็กหนุ่มแบบนั้นแต่ร้ายเอาเรื่อง
“ยุ่งน่า”
ครืดๆ
ผมกำลังจะฝ่าพวกมันออกไป แต่แล้วแรงสั่นเตือนของวัตถุในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องล้วงมันขึ้นมาดู ตอนแรกกะจะเพิกเฉยไม่สนใจ แต่ในครั้งที่เห็นว่าใครเป็นคนส่งไลน์มาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดดู
Tualek: พี่จุนขา ตัวเล็กคิดถึง รีบๆ กลับมาน้า~
Tualek: ตัวเล็กจะรอฮับผม!
ผมไม่รู้ว่ายัยนั่นกำลังคิดอะไร แต่ทันทีที่อ่านจบผมก็ไม่ลังเลที่จะหันกลับไปหาไอ้โฮป
“มึง กูฝากปิดร้านด้วย”