เพล้ง!
ขวดเบียร์ถูกฟาดลงบนศีรษะของแฟนหนุ่มเต็มแรง ก่อนที่น้ำเหนียวข้นสีแดงสด จะชโลมลงมาเปรอะเปื้อนใบหน้าคมเข้ม สายตาตื่นตระหนกตกใจ ปนโกรธจ้องมองมาที่แฟนสาว หวังจะเอาคืน แต่ทว่าร่างใหญ่กลับทิ้งดิ่งลงข้างกาย ไร้สติที่จะจัดการกับแฟนสาวที่พยายามจะหนีไปจากตน
“อะ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้คนเห็นแก่ตัว!”
น้ำเสียงสั่นคลอน ด่าทอคนที่เพิ่งหมดสติ ก่อนจะรีบชันตัวลุกขึ้นจากเตียง ตรงดิ่งไปเก็บเสื้อผ้ายัดใส่ลงในกระเป๋าเป้ด้วยความเร่งรีบ ร่างอรชรในชุดนอนที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ รอยดูด จ้องมองตัวเองในกระจกทั้งน้ำตา ความโกรธผสมกับความเจ็บช้ำน้ำใจ ทำให้เธอไม่มีความคิดที่อยากจะอยู่กับผู้ชายคนนี้ คนที่เป็นรักแรก คนที่ทรยศแฟนไปนอนกับคนอื่น!
แล้วคนอื่นที่พูดถึง ก็ไม่ใช่ใคร
แต่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของ ‘เมรี'
‘เมรัย’ น้องสาวที่คลานตามกันมา และได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะนอกจากพี่สาว นังนั่นก็ไม่เหลือใครแล้ว แม่ของเราสองคนป่วยตายไปตั้งแต่ให้กำเนิดเมรัย ส่วนพ่อก็เลี้ยงดูเธอกับน้องได้เพียงหกปี ก่อนจะประสบอุบัติเหตุตอนรับจ้างทำงานก่อสร้างจนเสียชีวิต ทำให้เธอที่เป็นพี่สาว อายุมากกว่าน้องสองปี ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากสลัมที่เคยอาศัยอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือพรมเช็ดเท้า ที่นำพาให้ไปเจอกับ ‘เอก' [แฟนหนุ่ม] ตอนนั้นเธออายุสิบห้า ส่วนเขาอายุมากกว่าเธอเจ็ดปี เป็นนักศึกษาวิศวะ ที่มาเจอกันโดยบังเอิญ
แรกเจอ เป็นความรู้สึกหละหลวม เพราะเธอคิดแค่เพียงว่า ต้องหาใครสักคน ที่สามารถพาเธอกับน้องสาวออกไปจากสลัมนี้ได้ ในตอนนั้น เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องความรัก เพราะยังเด็ก แต่พอวันเวลาผ่านไปร่วมเดือน ผู้ชายคนนั้นก็ขอเธอเป็นแฟน แล้วเสนอตัวช่วยเธอกับน้องสาว โดยการให้ย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดด้วยกัน ซึ่งเขาเป็นนักศึกษาที่มีต้นทุนในชีวิต พ่อแม่ร่ำรวย ทำงานอยู่ต่างประเทศ เรียนมหาลัยอินเตอร์ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ จนสามารถให้เธอกับน้องสาวไปอาศัยอยู่ด้วยได้ ซึ่งนั่นก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ที่เราคบหากันมา
เธอไม่เคยเอะใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแฟนหนุ่มกับน้องสาว อาจจะเป็นเพราะเธอมองโลกในแง่บวก อะไรที่มันเป็นความคิดต่ำตม เธอก็จะไม่เก็บมาใส่หัวสมอง อีกอย่าง เธอต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เพราะเธอไม่อยากเกาะแฟนกิน อยากเรียนให้จบ แล้วสร้างโปรไฟล์ดีๆ ตอนที่พ่อแม่แฟนกลับมา เธอจะได้มีหน้า ไปแนะนำตัวกับพวกท่าน
ซึ่ง…อีกไม่กี่วัน พ่อแม่ของแฟนหนุ่มก็จะกลับมาจากต่างประเทศในรอบห้าปี ถึงเธอจะยังเรียนไม่จบ แต่ก็สามารถทำงานเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง พอที่จะพาพ่อแม่แฟนไปเที่ยว ไปสร้างความประทับใจแรก ให้พวกท่านยอมรับในตัวเธอ
ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เธอไม่ได้สักแต่ว่าขอเงินแฟนหนุ่มฝ่ายเดียว ถึงเขาจะมีฐานะร่ำรวย เรียนจบไปเป็นวิศวกรเต็มตัว เธอก็ไม่เคยขอเงิน มิหนำซ้ำยังช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่เราใช้ร่วมกัน แล้วยังแบ่งเงินส่งน้องสาวเรียนอีก จะมีก็แต่เมรัยที่ชอบแอบขอเงินไปเที่ยวกับเพื่อน ซึ่งเธอเคยดุไปแล้ว ว่าอย่าให้บ่อยจนเคยตัว แต่พี่เอกก็บอกว่าเต็มใจที่จะให้เมรัย
เธอไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของสองคนนี้ คือตอนไหน?
รู้เพียงแค่ว่า เธอได้เห็นภาพคนรักที่คบหากันมาห้าปี กับน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองมีเซ็กซ์กันบนเตียง เตียงที่เธอนอนกอดกับเขาทุกคืน มันเป็นอะไรที่โคตรเจ็บ โคตรจุก จุกจนพูดอะไรไม่ออก คนหนึ่งก็น้องสาว ส่วนอีกคน ก็แฟนหนุ่ม!
แม่ง...เป็นความสัมพันธ์ซ้อนทับที่เหี้ยฉิบหาย!
เพราะเธอมารู้ทีหลัง ว่าสองคนนี้แอบกินมาตั้งนานแล้ว เมรัยสารภาพว่า พี่เอกมาขอนอนด้วย ตั้งแต่ตอนที่คบกับเธอได้เพียงสามเดือน แล้วแทนที่น้องสาวเธอจะปฏิเสธ ก็ดันสมยอม เพราะพี่เอกสัญญาว่าจะส่งเสียเลี้ยงดูทุกอย่าง อยากได้เงินเท่าไรก็จะให้ ขอแค่ไม่บอกเรื่องนี้กับเธอก็พอแล้ว
ยิ่งได้ยินคำสารภาพผิด เธอก็ยิ่งเจ็บใจ ยิ่งเกลียดสองคนนี้เข้ากระดูกดำ เธอตัดสินใจทันที ว่าจะเลิกแล้วหนีไปให้พ้น ทว่าตัวต้นเรื่องก็ตามมาง้อ ตามมาเสนอให้เราอยู่กันแบบสามคน มิหนำซ้ำยังคิดจะขืนใจ โดยที่เธอไม่สมยอม ทำให้เธอต้องใช้ขวดเบียร์ หยุดการกระทำเลวทรามนั้น ให้จบลง
“รับตั๋วกี่ใบคะ?”
เสียงพนักงานขายตั๋วรถไฟ ดึงสติสาวสวยที่อยู่ในชุดนอนตัวบาง ให้หันไปมองต้นเสียง เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่ารับตั๋วเพียงใบเดียวเท่านั้น
“เรียบร้อยแล้วค่ะ รถไฟออกตอนห้าทุ่มครึ่งนะคะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินสะพายกระเป๋าเป้ไปนั่งรอที่ชานชาลา ระหว่างที่กำลังรอรถไฟ เธอก็ได้แต่ก้มหน้า กำหมัด ปล่อยหยดน้ำตาสีใสไหลรินลงพื้น หยดแล้วหยดเล่า รักแรกที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น กลับทำให้เธอเจ็บเจียนตายก็วันนี้
เมรีจมอยู่ในห้วงความรู้สึกนั้น จนกระทั่งรถไฟมาจอดอยู่ตรงหน้า ขาเรียวค่อยๆ พาร่างบอบช้ำ ทั้งกายและใจ ก้าวขึ้นไปบนรถไฟชั้นธรรมดา แล้วนั่งร้องไห้ต่อ จนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง ที่เธอจะหนีไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หนีไปจากความเจ็บปวด ความเกลียดชัง ที่เธอจะไม่มีวัน ยอมรับมันได้
ต่อให้ต้องตาย เธอก็จะไม่กลับไปหาสองคนนั้น…!