ตอนที่ 4
——————————
ปัจจุบัน…
ฐานทัพของเฮย์เดนตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของรัสเซีย สถานที่ที่เขาได้เตรียมความพร้อมรวบรวมอำนาจและประสบการณ์มาตลอดระยะเวลา 7 ปี ภายใต้บริษัทผลิตเครื่องบินรบ มีโรงเรือน มีโรงอาหารและโรงพยาบาลแบบครบครัน
ชายหนุ่มยืนอยู่บนระเบียงบ้านขนาดใหญ่สีขาวกลืนกับสีของหิมะ ร่างสูงใหญ่กำยำสวมเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงยีนขายาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หลังจากคนที่ปรากฏบนแท็บเล็ตจอใหญ่นั้นหลับไปแล้ว มือใหญ่คีบบุหรี่พื้นเมืองขึ้นมาสูบแล้วพ่นควันสีขาวเพื่อระบายความรู้สึกในใจ
ไอความร้อนออกจากตัวชายหนุ่ม บ่งบอกอุณหภูมิร่างกายและด้านนอกนั้นต่างกันมาก หิมะขาวโพลนปกคลุมภูเขาทั้งลูก น้ำในทะเลสาบจับตัวกันเป็นน้ำแข็งผืนใหญ่ ท้องฟ้าและพื้นดินแทบจะเป็นสีเดียวกัน
"ใกล้แล้วสินะ"
สายตาคมเข้มทอดมองกลุ่มลูกน้องนับพันคนที่กำลังฝึกฝนการต่อสู้ทุกรูปแบบอยู่กลางทะเลสาบ ก่อนที่ตัวเขาจะลงไปฝึกฝนกับลูกน้อง ทุกครั้งก็จะได้บาดแผลหรือรอยช้ำระบมกลับมา เพราะเขาสั่งคนที่เป็นคู่ฝึกกับเขาห้ามออมมือให้เด็ดขาด
...
ร่างอรชรอวบอิ่มในชุดเดรสสั้นรัดรูป เว้าหลังสุดเซ็กซี่เรียกเชิญชวนสายตามองจากคนที่เดินผ่าน กลิ่นหอมเย้ายวนใจชวนหลงใหล ใบหน้าสวยมั่นใจแค่กระดิกนิ้วผู้ชายก็เข้าหาอย่างแอลลี่ เอโลอีส แอนดิสัน น้องสาวสุดรักของเคลย์ตัน วินซ์ คาสเซียส ก้าวออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวของโรงแรมหรู บอดี้การ์ด 2 คนที่เฝ้าติดตามก้มเคารพ ก่อนจะเดินตามหลังเจ้านายสาวออกไป
"สวัสดีค่ะคุณแอล วันนี้มีประชุมตอนบ่ายโมงนะคะ" เลขาสาวเดินเข้ามาประกบด้านข้างรายงานตารางงานแรกของวัน
"โอเคค่ะ แต่อาจจะสายนิดหน่อย ฝากบอกพี่เคลย์ด้วยแล้วกันนะคะคุณฮารุ" เธอส่งยิ้มให้เลขาคนสวยก่อนจะขึ้นรถคันหรูสีแดงสดคู่ใจของตัวเอง
"อ้อ แอลไปกับคามิล ไม่ต้องตามไปนะ" เธอลดกระจกเอ่ยบอกลูกน้องของพี่ชาย ยกมือบ้ายบายเล็กน้อย ขยิบตาให้เลขาส่วนตัวก่อนจะออกรถ
บิลกับจากัวร์แยกกันรายงานเจ้านายตัวเองแล้วตามเจ้านายสาวไปห่างๆ
รถสีแดงคันหรูแล่นเข้ามาในสุสานอันเงียบสงบ มือบางถือดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าที่เก็บกระดูกของพ่อกับแม่
"แอลมาหาพ่อกับแม่อีกแล้วค่ะ คิดถึงจัง..."
คิดถึง ที่รวมถึงเขาคนนั้นด้วย...
ในเวลาที่เหนื่อย เครียด หรือมีเรื่องไม่สบายใจเธอชอบมานั่งอยู่ที่นี่จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น เหมือนกับว่าท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ใกล้ๆ คอยส่งกำลังใจตลอด สายลมเย็นกลิ่นอายทะเลทำให้ผ่อนคลายขึ้นมาก
"ไม่รออีกแล้ว" คามิลวางดอกไม้สีขาว ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่ตอนเด็ก
"นายก็ช้าแบบนี้ตลอด"
"เธอนั่นแหละ นัด 10 โมง นี่มัน 9 โมงครึ่งเอง" ชายหนุ่มวัย 26 ปี โชว์นาฬิกาข้อมือดูเวลา
แอลลี่ถอนหายใจก่อนจะยิ้มบางๆ มองออกไปด้านหน้า ฟังเสียงคลื่นน้ำทะเลซัดเข้าชายฝั่ง
"คามิล"
"อืม" เสียงตอบรับในลำคอ มองแว๊บเดียวเขาก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ใกล้จะถึงวันครบรอบวันตายของเฮย์เดนเธอก็มักมีอาการซึมๆ แบบนี้ทุกปี
"ฉัน...จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่อยากเชื่อ ว่าเขาไม่อยู่แล้ว..."
เขาหายไปโดยไร้ร่องรอย ไม่พบอะไรที่เกี่ยวกับเขาหรือเป็นของเขาเลย ทางตำรวจจึงสัณนิษฐานว่าร่างของเขาโดนระเบิดและถูกไฟไหม้จนไม่เหลือเศษซากอะไรแล้ว
แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี...
"อืม แล้วถ้าจู่ๆ เฮียกลับมาล่ะ"
คามิลถามทีเล่นทีจริง แต่คนโดนถามนั้นหัวใจเต้นโครมครามขึ้นทุกครั้งถึงคามิลจะถามเธอซ้ำๆ แบบนี้ทุกปีก็เถอะ
"ฉันจะโกรธ จะเกลียดเขา..." ซึ่งเธอเองก็ตอบเหมือนเดิมทุกๆ ปี ถึงแม้ในใจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ตาม
"หึหึ เจ้าคิดเจ้าแค้นนะ"
"ก็ช่วยไม่ได้ แต่ช่างเถอะ สรุปวันเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าของฉันนายจะว่างมามั้ย พอจะมีเวลาให้เพื่อนคนนี้ไหมคะ"
แอลลี่จ้องตาเขม็ง บังคับกลายๆ ให้เขาตอบตกลง
"เออๆ ว่างครับว่าง"
จริงๆ เขาต้องมีเวลาให้อยู่แล้ว กับแอลลี่ถือว่าเป็นงานอย่างหนึ่งเพราะต้องคอยเป็นหูเป็นตาให้เฮย์เดนอีกที แล้วก็คอยกันบริกซ์ตันออกจากเพื่อนเขาด้วย
ครืด ครืด...
คามิลกดตัดสายอย่างไม่ลังเลเมื่อรู้ว่าใครโทรมา
"นายนี่มันใจร้ายชะมัด"
"เธอยังเด็ก"
ใช่ เธอเด็กมากเกินไปที่ต้องเข้ามาพัวพันกับคนอย่างเขา กับอันตรายอีกไม่รู้เท่าไหร่ที่เขาต้องเตรียมรับมืออยู่ตลอดเวลา
"รอโตก่อนว่างั้น"
"น้องเว้ย น้องสาวเท่านั้น"
"เหรอ เอาเป็นว่าฉันจะเชื่อไว้ก่อนแล้วกัน" แอลลี่เอ่ยยิ้มๆ พลางนึกถึงเมื่อตอนเด็กที่เด็กชายคามิลตอนอายุ 15 ปีนั้นเป็นคนสารภาพรักน้องเขาก่อน
ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆ จางลงเมื่อหัวสมองของเธอดันคิดไปถึงตอนที่เจอเขาครั้งแรก
'เฮียเฮย์เดน พี่ชายฉันเอง'
เด็กหญิงวัย 15 ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มคนที่พึ่งเห็นหน้า และเธอก็มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายเธอเหมือนกัน
ใบหน้าหล่อเข้ม แววตาดุดันคอยมองเธอตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร แต่ในบางครั้งเธอก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในความแข็งกระด้างนั้น ความใจดีที่เขามีให้มากกว่าคนอื่นๆ และทะนุถนอมเธอในตอนที่อยู่ด้วยกัน
"วันนี้ฉันมีแข่งรถนะ ไปด้วยมั้ย" เห็นเพื่อนเงียบๆ ไปจึงเอ่ยชวนไปสนุกบ้าง
"ขอบใจที่ชวน แต่ฉันมีประชุมตอนบ่าย จะแวะไปห้องเสื้อด้วย"
"อืม เดี๋ยวฉันไปส่ง"
แอลลี่ยักไหล่ไม่ปฏิเสธ เพราะเธอเคยปฏิเสธไปแล้วหลายครั้งแต่นายนี่ก็ดึงดันไปส่งจนได้
...
หลายวันต่อมา…
หญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นหลังจากได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในตอนเช้า ก่อนจะกดดูแจ้งเตือนมือถือที่เธอได้ตั้งเอาไว้ทุกปี และปีนี้เข้าปีที่ 7 แล้ว
'พี่คะ กลับมาก่อน'
'พี่เฮย์เดน'
'บอกแอลมาเถอะนะ ว่าครอบครัวพี่ไม่ได้ทำ บอกมา...' ข้อความที่เธอคิดว่าจะเป็นข้อความสุดท้ายที่ส่งไปหาเขา แต่กลับไม่ใช่...
'ได้โปรดกลับมาหาแอล' ข้อความนี้ต่างหากที่เป็นข้อความสุดท้ายที่เธอกดส่งไปหาเขาเมื่อ 5 ปีก่อน
แต่ถึงจะส่งไปนานแล้วแต่ในใจเธอก็รู้ดีว่าตัวเธอนั้นกำลังเฝ้ารอเขาอยู่ ต่อให้ใครต่อใครบอกเธอหรือเธอบอกและย้ำเตือนกับตัวเองว่าเขาไม่มีวันกลับมา แต่ลึกๆ ในใจเธอกลับยังรอเขา ในความรู้สึกของเธอผู้ชายคนนั้นไม่เคยหายไปไหนเลย
ความเจ็บปวดบอบช้ำในอดีตเป็นเครื่องหล่อหลอมให้เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้นในทุกๆ วัน และส่วนหนึ่งที่เธอเข้มแข็งมาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะพี่ชายที่คอยปกป้องดูแลเธอเปรียบดั่งครอบครัว
หญิงสาวไล่ความคิดเดิมๆ ออกจากหัว ในตอนเช้า หัวสมองควรจะปรอดโปร่งสดใสให้มากที่สุดสิ วันนั้นถึงจะออกมาดี ทำงานก็ราบรื่นอีกต่างหาก