ตอนที่ 7
“เจ้ามิพึงพอใจเรื่องข้ากับคุณหนูอู๋เหยาอิง”
อู๋เหยาอิง...ใครอีกล่ะ เขมกรขมวดคิ้วเข้าหากัน หากก็มิเอ่ยปากไถ่ถาม รอให้บุรุษตรงหน้าบอกกล่าวมาให้หมดดีกว่า เอารอบเดียวให้มันจบกันไปเลย
“ทั้งที่ข้าบอกว่ามิรู้เรื่อง หากเจ้าก็มิคิดฟัง ยังคงคอยหาเรื่องข้าทุกครั้งที่เจอหน้า”
“หากเป็นเช่นที่คุณชายกล่าวมาจริง ข้าก็ผิดยิ่งนักที่เข้าใจคุณชายซ่งหยวนเจ๋อผิดไป ข้าน้อยต้องขออภัยด้วย หวังว่าคุณชายจะมิถือโทษโกรธเคืองข้านะขอรับ”
เรื่องเพียงแค่นี้เองหรือ...แต่ทำไมเขมกรถึงรู้สึกว่ามิใช่ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากหากมิใช่ดวงตาของซ่งหยวนเจ๋อ เขาก็รู้แล้วว่าที่คิดอยู่นะเป็นความจริง
อา...เขมกรรู้สึกว่าตนเองเหมือนกำลังจะเป็นไข้ เดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็หนาวขึ้นมาเสียแล้วล่ะ หวังว่าเรื่องที่ซ่งหยวนเจ๋อจะกล่าวมามันคงจะมิมีเรื่องร้ายแรง...นะ!
“คุณชายเกาบอกว่า จะขัดขวางความรักของข้ากับคุณหนูอู๋เหยาอิง จะมิให้พวกเราสมหวัง ข้าก็นึกว่าท่านชื่นชอบนาง หากท่านกลับประกาศในตลาด ต่อหน้าชาวบ้านและตัวข้าว่า...”
อย่าบอกนะว่า...มิใช่ เป็นไปมิได้หรอก แต่สายตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ไหนจะแรงกดดันที่ทำให้หายใจมิค่อยจะออก จะกลืนน้ำลายลงคอก็ฝืดเคืองเสียเหลือเกิน กระทั่งพื้นที่ยืนอยู่ก็เหมือนกับว่ามันสั่นไหว มันยิ่งตอกย้ำให้เขมกรคิดว่าวาจาของเกาหยุนเหลียงที่กล่าวออกไปนั้นมันคงจะ...ร้ายแรงเป็นอย่างมาก
“ท่านจะเป็นฟูเหรินของข้า!”
ฟูเหริน?
ข้าเห็นท่านแม่ถึงกับอ้าปากค้าง...ท่านพ่อน่าจะเต็มไปด้วยโทสะอย่างที่ระงับเอาไว้มิได้ ใบหน้าถึงได้มีสีแดงแต้ม ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ ถึงกับส่ายศีรษะอย่างคาดมิถึง
พี่ใหญ่... “มิกลัวตาย”
“อยากจะเป็นฟูเหรินของคุณชายซ่ง...ช่างกล่าวออกไปอย่างคนไร้ความคิดจริง ๆ ” วาจาของอนุสาม
“ใช่ขอรับท่านแม่...ช่างเป็นพี่ชายที่โง่มาก” น้องสามก็กล่าวเสริม
“พี่รองมิกลัวสตรีทั้งเมืองเล่นงานเอาหรือ ถึงได้ประกาศตัวว่าจะเป็นฟูเหรินคุณชายซ่ง”
“ถ้ากลัวจะกล้ากล่าวเช่นนี้ออกมาหรือ...ไร้สติและมิมีความคิด”
น้องสี่กับน้องห้ากล่าวซ้ำลงมาทำให้เขมกรพอรู้ว่าฟูเหรินหมายถึงอะไร ที่มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ายืนอยู่ท่ามกลางกองระเบิด ในหัวมีแต่คำว่า...ฉิบหอง! ของแท้ ขุดหลุมฝังศพตัวเองได้เลย อย่างไรก็มิรอด
ไอ้เกาหยุนเหลียง! ไอ้เจ้าบ้า! เขมกรได้แต่กัดฟันกรอด
“ในเมื่อมิชอบหน้ากัน ข้าคงมิกล่าวออกไปเช่นนั้นหรอกขอรับ ท่านคงได้ยินผิดไป...กระมัง” หากน้ำเสียงของเขมกรก็เบาราวกับสายลม ยิ่งเมื่อได้สบสายตากับซ่งหยวนเจ๋อที่เต็มด้วยความรังเกียจทิ่มแทง เขาก็ได้แต่ยืนยิ้มแห้ง ๆ เผลอสาวเท้าไปด้านหลังอย่างมิรู้ตัว
“หากยืนอยู่ห่างไกล ก็อาจจะคิดอย่างที่เจ้ากล่าวมาได้ หากเจ้า...”
รอยยิ้มที่มุมปากหากมิใช่ดวงตาที่มองมาเหมือนกับกระบี่ที่พร้อมจะแทงทะลุอก ทำให้เขมกรถึงกับเข่าอ่อน
“ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับจ้องเข้ามาในดวงตาข้ายามที่กล่าววาจาเช่นนั้นออกมา”
“เกาหยุนเหลียง! เจ้าลูกเลว!”
ท่านพ่อเรียกเขาเสียงดัง ขณะเดียวกันก็เหมือนกับกำลังมองหาอะไรสักอย่าง
“ใจเย็น ๆ นะเจ้าคะท่านพี่ หยุนเอ๋อร์คงมิได้ตั้งใจ”
“ใช่ ๆ ใช่ขอรับท่านแม่ ข้า...คงกล่าวผิดไปนะขอรับ” เขมกรรีบเอ่ยขณะเดียวกันก็วิ่งไปหลบด้านหลังของท่านแม่ด้วยความเร็ว ด้วยว่าท่านพ่อ...คว้าเอาไม้กระบองที่ใช้ฝึกยุทธ์มาถือไว้ หากโดนตีด้วยไม้กระบองนั่นเข้า เขาคงจะต้องนอนป่วยไปอีกเป็นเดือนแน่ ทำให้เขาต้องรีบหาคำแก้ตัวจนหัวหมุนคว้าง
“ข้าคงจะกล่าวผิดไป ความจริงข้าคงอยากจะกล่าวว่าจะทำให้คุณหนูอู๋เหยาอิงมาเป็นฟูเหรินของข้ามากกว่า หากข้าคงแบบว่า...”
“มิใช่!”
“นี่เจ้า!” เขมกรเกือบจะยกมือชี้หน้าซ่งหยวนเจ๋อไปแล้ว หากมิใช่เพราะสายตาเกรี้ยวกราดของท่านพ่อ ขณะที่ท่านแม่ส่ายศีรษะห้ามมิให้เขาทำเช่นที่คิด
“ข้ารู้ว่าท่านคงจะรำคาญใจที่ข้าไปหาเรื่องก่อกวนทำให้ท่านมีโทสะอยู่บ่อยครั้ง” ที่กล่าวออกไป...คาดเดาจากนิสัยของเกาหยุนเหลียงล้วน ๆ
“ท่านจะโกรธ จะแค้น จะเคืองกัน ก็มิแปลก หากท่านก็มิควรใส่ความข้าเช่นนี้นะขอรับ” ในความคิดของเขมกร เกาหยุนเหลียงน่าจะมิได้ชื่นชอบบุรุษมากพอที่จะพาตนเองไปเป็นฮูหยินของผู้ใด หากคงคิดอยากจะเอาชนะซ่งหยวนเจ๋อมากเกินไปนั่นแหละ พอบันดาลโทสะขึ้นมาก็เลยกล่าวออกไปโดยมิทันได้คิดให้ดี กล่าวผิด ๆ ถูก ๆ ออกไป มันก็เลยกลายเป็น...
“เกาหยุนเหลียง!”
“แต่ท่านพ่อขอรับ...”
“เงียบก่อนนะหยุนเอ๋อร์”
“ขอรับท่านแม่” เขาพยักหน้ารับ พลางจับมือท่านแม่เอาไว้ ขณะเดียวกันก็รีบหันหน้าชักสีหน้าใส่พี่น้องที่หลุดเสียงหัวเราะออกมา
“อาผิดเองที่เลี้ยงดูลูกมิดี นอกจากจะไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเขาไปทั่วแล้วยังจะทำให้เจ้ากับบิดาของเจ้ามิสบายใจและเดือดร้อนไปด้วย อาขอโทษเจ้าและบิดาของเจ้าแทนเจ้าลูกมิรักดีของอาด้วยนะหยวนเจ๋อ แล้วอาจะพาเจ้าลูกมิรักดีไปขออภัยบิดาเจ้าถึงที่เรือนอีกครั้ง”
เขมกรได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่าย แม้มิปรารถนาจะไปเยือนถิ่นของซ่งหยวนเจ๋อ หากเมื่อทำผิดไปแล้วก็จำต้องยอมรับและทำตามความต้องการของท่านพ่อ
“มิเป็นอันใดขอรับท่านอา ที่ข้ามาหาท่านและบุตรชายในวันนี้ก็เพื่อจะแจ้งให้ทราบ”
เห็นใบหน้าและสายตาที่มันเย็นชาที่ตวัดมองมา...เขมกรก็รู้สึกเสียววาบที่แผ่นหลังราวกับมีใครเอาไฟมาลน ซ่งหยวนเจ๋อคงมิคิดเอาคืนอย่างให้ไปทำเรื่องแปลก ๆ หรือเรื่องอะไรที่มันยากเกินความสามารถที่มิมีอยู่แล้วของเขาหรอกนะ
“ท่านพ่อกล่าว หากคุณชายเกาคิดว่ามิมีผู้ใดคู่ควรกับข้าและตนเองก็มีดีพอ เชื่อมั่นว่าตนเองเท่านั้นที่เหมาะสมจะเป็นฮูหยินของข้า คุณชายเกาก็ควรจะต้องพิสูจน์ตนเองให้ข้าและทุกคนได้เห็น”
“ตะ...ตอนนี้ข้า...ข้าเปลี่ยนใจแล้ว...ข้ามิต้องการจะเป็นฮูหยินของท่านแล้ว” เขมกรบอกกับบุรุษตรงหน้าเสียงสั่นและขาดเป็นห้วง ๆ เขามิใช่เกาหยุนเหลียงเสียหน่อย มิได้ชื่นชอบในตัวบุรุษที่แม้จะหล่อเหลาราวกับเทพเซียนก็เถอะ หากเมื่อเจอกับรอยยิ้มเย็นยะเยือกของซ่งหยวนเจ๋อ...เขาก็รีบหันไปหาท่านแม่ด้วยสายตาเว้าวอนในทันที
‘ข้าขอ...กลับเข้าท้องท่านใหม่อีกครั้งได้ไหมขอรับ’
“อีกมินานจะมีการประลองยุทธ์”
“ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว หวังว่าคุณชายซ่งจะให้อภัย” เขมกรรีบบอกไปก่อนที่ซ่งหยวนเจ๋อจะคิดทำสิ่งใดที่ทำให้เขาเจอกับเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย แต่ดูท่าจะมิได้ผลเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของอีกฝ่าย
“ข้ารู้มาว่าคุณชายเกามีฝีมือ ต่อยตีกับผู้อื่นก็ได้ชัยชนะเสมอ คงจะดีหากคราวนี้คุณชายเกาจะแสดงฝีมือให้ข้าและทุกคนประจักษ์”
เขมกรตวัดสายตาเกรี้ยวกราดไปตามเสียงหัวเราะด้วยความสะใจดังมาจากทางที่อนุสามกับน้องสาม ในขณะที่ท่านพ่อก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ส่วนท่านแม่ก็...จะเป็นลมอยู่แล้ว