เธอกินอะไรก็ได้ อาหารข้างทาง ก๋วยเตี๋ยว หรือข้าวราดแกง ไม่มีปกอยู่ด้วย เธอไม่ต้องพิถีพิถันอะไร
ถ้าปกอยู่ด้วย เขาจะสั่งอาหารหรูจากโรงแรมมากินกับเธอที่ห้อง แต่ถ้าเธออยู่ตัวคนเดียวก็ทำอาหารกินเองง่าย ๆ แล้วก็กินข้าวราดแกงหรืออาหารตามสั่งร้านที่ดูสะอาดราคาย่อมเยาแทน
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น คนที่โทร. มาหาเธอก็คือปานวาด เพื่อนวัยเด็กที่อยู่บ้านใกล้กัน ตอนนี้อีกฝ่ายก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เหมือนกัน
“ว่าไงอร” ปานวาดเอ่ยถามเพื่อนสาว
“ฉันไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนก่อนดี” อรอินพูดก่อนที่จะสะอื้นออกมา
“เฮ้ย! แกใจเย็น ๆ ก่อน เดี๋ยวฉันไปหา” ปานวาดรีบไปหาเพื่อนวัยเยาว์ในทันที ไปถึงก็เจออรอินยืนร้องไห้อยู่หน้าคอนโดฯ หรูที่ตัวเองอาศัยอยู่
“วาด” อรอินโผเข้ากอดเพื่อนแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
“ใจเย็นก่อน แล้วนี่กำลังจะไปไหน”
“จะไปหาอะไรกินหน่อย แต่ตอนนี้กินไม่ลงไม่รู้สึกหิวแล้ว”
“งั้นขึ้นห้องก่อน”
“ไม่อยากกลับห้อง”
“งั้นไปหาอะไรกินกัน ฉันหิว” ปานวาดคิดว่าถ้าขึ้นห้องจะสั่งอาหารมากิน แต่เพื่อนไม่อยากขึ้นห้องงั้นไปหาอะไรกินที่ร้านแทน
“อืม...” อรอินพยักหน้าให้เพื่อน ยอมขึ้นรถไปกับเพื่อนอย่างไม่เกี่ยงงอน
ปานวาดพาอรอินมารับประทานอาหารร้านหรู ด้วยว่าฐานะของปานวาดนั้นไม่ธรรมดา
ครอบครัวของปานวาดทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทเหมือนครอบครัวของเธอ บ้านอยู่ใกล้กัน เป็นเพื่อนรักกันแต่เด็ก หลังจากครอบครัวของเธอประสบปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจ ครอบครัวของปานวาดก็ประสบปัญหาเช่นกัน บิดามารดาของปานวาดจึงขายธุรกิจทิ้ง เพื่อไม่ให้เจ็บตัวมากนัก อีกทั้งยังมีมรดกอีกมากมายของสองตระกูลคือปู่ย่าตายาย ดังนั้นถึงล้มก็ล้มบนฟูก
แตกต่างจากครอบครัวของเธอที่บิดามารดาเสียชีวิตไปก่อน ปล่อยให้เธอดูแลรีสอร์ทเพียงลำพัง และก็เจ็บหนักเป็นหนี้สิน เจ๊ง บิดามารดาของปกเข้ามาช่วยเหลือเอาไว้ คือช่วยเคลียร์ทุกอย่างแล้วพาเธอไปอยู่ด้วย เธอจึงมีแต่ตัวเปล่า ๆ ไม่มีบิดามารดาคอยอุ้มชู แต่ก็ดีที่ไม่มีหนี้สินด้วย
หลังเรียนจบมัธยม’หก ปานวาดก็ถูกส่งไปเรียนต่อเมืองนอก เธอกับปานวาดได้กลับมาเจอกันอีกครั้งก็เมื่อครึ่งปีก่อน
เธอกับปานวาดติดต่อกันมาตลอด พูดคุยกันอยู่เสมอ เพราะตอนเด็กๆ เธอเคยมีบุญคุณช่วยเหลือปานวาดเอาไว้ตอนอีกฝ่ายจมน้ำ หลังจากนั้นมาปานวาดจึงนับเธอเป็นเพื่อนตาย หากรู้ว่าเธอมีปัญหาอะไรก็จะคอยช่วยเหลือในทันที
ตอนที่เธอมีปัญหาเรื่องรีสอร์ท ปานวาดก็หาทางช่วยแก้ไข โดยไปคุยกับบิดามารดาของตัวเอง แต่ตอนนั้นบิดามารดาของปกยื่นมือเข้ามาช่วยเสียก่อน
เดินเข้าไปในร้าน คนมองเป็นตาเดียวกัน เพราะการแต่งตัวที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ทุกคนคงคิดว่าเธอเป็นสาวใช้เดินตามเจ้านายสาวเข้ามาในร้านอาหารหรูแบบนี้แน่ ๆ
“แกโอเคไหม” ปานวาดเอ่ยถาม
“ไม่โอเคเลย”
“ไหนเล่ามาเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนั้น” ปานวาดเลือกโต๊ะที่เป็นส่วนตัวเพื่อจะได้คุยเรื่องส่วนตัวกับเพื่อน เธอหิวจริงๆ ไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ใจอยากให้เพื่อนมากินข้าวด้วยกัน กลัวว่าเพื่อนจะเป็นทุกข์จนไม่ยอมกินข้าวกินปลา
อรอินตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนก็รู้เรื่องราวของเธออีก เพราะเธอคอยปรึกษาเพื่อนมาตลอด คนในความลับอยากเปิดเผยตัวเองมาสักระยะแล้ว เธอไม่อยากอยู่เป็นเมียลับ ๆ คงสถานะคู่หมั้นไร้ราคาแบบนี้ของปกไปจนวันตาย ผู้หญิงทุกคนก็อยากมีคุณค่า ถูกยกย่องเชิดชูจากผู้ชายที่รัก ไม่ใช่คอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ ยิ่งถ้าเขาแต่งงาน เธอก็จะกลายเป็นเมียน้อยทันที ทั้ง ๆ ที่เธอมาก่อน แต่คนมาทีหลังกลับเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถูกยกย่องเชิดชู เป็นที่รู้จัก ในขณะที่เธอไม่มีใครรู้จัก ขนาดตำแหน่งคู่หมั้นยังไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่าเคยหมั้นกับปก
“เลวจริง ขนาดรู้ว่าแกท้อง เขาก็ไม่ดีใจไม่แสดงความรับผิดชอบเลยเหรอ แบบนี้จะทนทำไม” ปานวาดรู้สึกโกรธแทนเพื่อน
“แต่พี่ปกอยากให้คุมไว้ก่อน ยังไม่พร้อมมีลูก พอฉันบอกเขาว่าท้อง แม้จะเป็นแค่เรื่องโกหก เขาก็คงโกรธ”
“ถ้าเขารักแก เขาจะไม่โกรธ แต่เขาจะดีใจเสียด้วยซ้ำ ดีไม่ดีจะยืนหยัดปกป้องแกกับลูก พาแกไปหาปู่ของเขาบอกทุกคนให้รู้ว่าแกคือเมียที่เขารัก แต่นี่เขาไม่ทำ” ปานวาดคิดว่าหากเป็นตัวเองเธอจะไม่ทนแน่นอน ถ้าผู้ชายคิดว่าเราเป็นของตาย เราก็ควรพาตัวเองออกมาจากคนคนนั้น จะยอมให้เขาย่ำยีหัวใจอยู่ทำไม
“พี่ปกต้องทำตามคุณปู่ ถ้าเขาไม่ทำตาม คุณปู่จะยกทรัพย์สมบัติให้คนอื่น หลายปีมานี้หลังจากที่พ่อแม่ของพี่ปกตาย เขาก็พยายามพิสูจน์ตัวเองให้คุณปู่เห็นมาตลอด เพื่อที่จะได้ยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้โดยไม่มีข้อกังขาจากใคร”
“เหตุผลควายๆ ขอโทษนะที่ฉันอินไปหน่อย” ปานวาดเห็นเพื่อนหน้าเศร้าก็รีบเอ่ยขอโทษในทันที