Lavender ลาเวนเดอร์ 9

1373 Words
Lavender ลาเวนเดอร์ 9 “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มองเห็น เล่าให้พี่ฟังได้ไหมครับ?” “คือ หนู...” “แต่ถ้าไม่สบายใจพี่จะไม่บังคับ เหมยรู้ใช่ไหม?” พี่ความสุขรีบเอ่ยบอกยามได้เห็นว่าฉันเริ่มมีท่าทีอึกอักอยู่ไม่น้อย “ค่ะ หนูเคยฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ พอตื่นขึ้นมาหนูก็มองเห็นสิ่งพวกนี้แล้ว...” เมื่อฉันอายุสิบหกปี ก่อนที่พี่ชายจะพาย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ฉันทนแรงกดดันและอดทนที่จะเจอคนพวกนั้นไม่ไหวจึงคิดที่จะทิ้งทุกอย่างบนโลกนี้ไป แม้จะไม่ถึงขั้นรุนแรงแต่พี่ ๆ เองก็บอกว่าฉันสลบไปนานเกือบสามวัน และพอตื่นขึ้นมาฉันก็มักจะมองเห็นดวงวิญญาณเหล่านั้นไปเสียแล้ว “คนเก่ง หนูไม่ทำแบบนั้นแล้วได้ไหมครับ ไม่ทำร้ายตัวเองแล้วได้ไหม” ฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งยื่นมาประคองที่แก้มอย่างอ่อนโยน แววตาเจ็บปวดของพี่ความสุขทำให้ฉันถึงกับขอบตาร้อนผ่าว “อย่าเจ็บอีกเลยนะครับ มีอะไรหนูมาคุยกับพี่นะ” พี่ความสุขยังเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ค่ะ” ยามอีกฝ่ายแสดงท่าทีเจ็บปวดแบบนี้ฉันเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากเขาเลยสักนิด “เหมย อาการที่เคยเป็นดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” “ค่ะ คงจะดีมั้งพอไม่เจอพวกเขาหนูก็ไม่ได้รับคำพูดไม่ดีแล้วค่ะ แต่ก็กลัวที่จะเข้าใกล้พี่ ๆ เพราะเมื่อก่อนเวลาที่อยู่ใกล้พี่ ๆ คนพวกนั้นก็จะว่าแล้วก็ดุหนูน่ะ” “คนเก่ง เก่งมากเลยนะ ส่วนเรื่องพี่ชายหนูลองเปิดใจดูนะครับ ตอนนี้นอกจากพี่มีน พี่มาร์จะคอยปกป้องหนูแล้ว ต่อไปจะมีพี่ด้วยนะรู้ไหม พี่จะเป็นความสุขให้หนูเอง...” ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอีกฝ่ายกลับไปยังไง และนับว่าเป็นเรื่องดีเมื่ออาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟราวกับล่วงรู้จังหวะ นั่นจึงเป็นเวลาที่เราทั้งสองนั่งกินข้าวด้วยกัน และยังคงเป็นพี่ความสุขที่ชวนฉันคุยในหลาย ๆ เรื่องและไม่ใช่เรื่องที่ฉันเป็นกังวลอยู่ “ปิดเทอมยังต้องไปทำงานที่ร้านดอกไม้อยู่ไหม?” พี่ความสุขเอ่ยถามมือก็ยื่นไปตักกับข้าวมาใส่จานให้ฉันอย่างใส่ใจ “ไปค่ะ แต่ทำสัปดาห์ละสี่วันเหมือนเดิม” “งั้น ช่วงที่ว่างมาทำกับพี่ไหม?” “คะ?” “มาเป็นผู้ช่วยพี่ได้ไหม สามวันที่เหลือน่ะ” “...” “นะครับ พี่อยากให้เหมยมาดูแลพี่นะ” “ไปกับเขามาอีกแล้วเหรอ?” ยามเย็นกลับมาถึงบ้านก็เจอพี่มาร์ยืนรอที่หน้าประตูรั้วบ้าน ถึงแม้จะถามด้วยน้ำเสียงติดดุ ๆ แต่มือก็ช่วยเปิดประตูรั้วให้อย่างใจดี “ไปกินข้าวตอนเที่ยงค่ะ เสร็จก็ไปทำงาน” ฉันเล่าให้ฟังอย่างไม่คิดปิดบังทั้งยังช่วยปิดรั้วบ้านอีกด้วย พี่มาร์ยื่นมือมาช่วยถือกระเป๋าจากนั้นก็ชวนฉันเดินเข้าบ้าน “ทำไมเขาติดต่อบ่อยจัง” “เขาแค่มีงานมาเสนอค่ะ ให้ช่วยดูแลเขาในช่วงปิดเทอม” “ตอบไปหรือยัง?” พี่มาร์รีบถามต่อทันที “ยังค่ะ” “อื้อ ค่อย ๆ คิดแล้วกัน เย็นนี้สั่งข้าวมาจากข้างนอกนะ พี่มีนกำลังกลับเดี๋ยวแวะเอามื้อเย็นเข้ามาด้วย อยากอาบน้ำก่อนไหม?” “ไม่ค่ะ เดี๋ยวรออาบครั้งเดียว” “ได้ครับ งั้นมานั่งเล่นก่อน” พี่มาร์บอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูใจเย็นลงมากกว่าก่อนหน้านี้ ระหว่างที่นั่งรอฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นไปเรื่อยไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษกระทั่ง จู่ ๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาเป็นการส่งคำขอติดตามเข้ามาในอินสตราแกรมและชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั้นทำให้หัวใจฉันเต้นรัวแรงอย่างไร้สาเหตุ Happy.KS เมื่อกดเข้าไปดูรูปนั้นก็พบว่าเป็นพี่ความสุขที่ส่งคำขอเข้ามา ปลายนิ้วค่อย ๆ เลื่อนไปยังปุ่มอนุมัติจากนั้นอีกฝ่ายก็สามารถเห็นรูปถ่ายที่ฉันเคยอัปโหลดลง แอคเคาน์ฉันนั้นตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ ต่างจากอีกฝ่ายที่เปิดเป็นสาธารณะ ฉันกดติดตามอีกฝ่ายกลับไปจากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ไม่ได้เล่นอะไรต่อ “พี่จะมีช่วงหยุดยาว อยากไปเที่ยวไหนไหม?” พี่มาร์นอนตามความยาวของโซฟาฝั่งตรงข้ามฉันเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเรานั้นต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปสักพักใหญ่ “ไม่มีค่ะ อีกอย่างหนูต้องทำงานด้วย” “ทำงานหนักจัง พี่เลี้ยงเราได้จริง ๆ นะเหมย ให้พวกพี่ได้มีโอกาสดูแลเราบ้างเถอะ” พี่มาร์วางโทรศัพท์ในมือลงและพลิกร่างตะแคงหันมามองทางฉันอย่างมีความหมาย “หนูรู้ค่ะ และขอบคุณพี่ ๆ มากที่พาหนูออกมาจากที่นั่น” “เหมย พี่กับพี่มีนรักหนูมากเลยนะ เรามีกันอยู่แค่นี้นะครับ พึ่งพาพวกพี่บ้างก็ได้ พวกพี่พร้อมที่จะดูแลหนูแล้วเหมย” พี่มาร์ค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเพื่อมองหน้าฉันด้วยความจริงจัง “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” “หนูไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวแล้วนะ พวกพี่โตพอพี่จะปกป้องหนูแล้ว” เสียงที่ดังจากทางด้านหลังเป็นเสียงของพี่มีน พี่ชายคนโตวางถุงข้าวของมากมายลงบนโต๊ะก่อนจะขยับเข้ามาสวมกอดฉันไว้เพื่อมอบความอบอุ่นที่ฉันไม่เคยได้รับให้แก่ฉัน “ขอโทษที่ตอนนั้นพี่ปกป้องหนูได้ไม่ดี พวกพี่ขอโทษนะเหมย” “หนูเข้าใจ” ฉันปล่อยให้พี่ชายนั่งกอดอยู่แบบนั้น เมื่อขยับออกห่างพี่มีนถึงกับขอบตาแดงก่ำราวกับกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้อยู่เสียอย่างนั้น “ต่อไปไม่ว่าใครพี่จะไม่ให้เขามาทำให้หนูเสียใจอีกแล้ว ถึงแม้คนพวกนั้นจะเป็นพ่อหรือปู่กับย่า” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจังของพี่ชายทำให้ฉันเชื่อมั่นว่าพี่จะทำอย่างที่ได้เอ่ยบอกกับฉัน “ไม่เอาแล้ว ไม่คุยเรื่องเครียดแล้ว หนูหิวข้าว” รีบชวนพี่ชายทั้งสองเปลี่ยนเรื่องทันที “ครับ งั้นไปกินข้าวกันเถอะ” พี่มาร์ชวน พร้อมกับหิ้วถุงอาหารที่พี่มีนเพิ่งจะวางลงบนโต๊ะเดินเข้าไปที่ห้องครัว ฉันรีบเดินตามไปช่วยพี่ชายจัดอาหารใส่จานทันทีเช่นเดียวกัน อย่างน้อยตอนนี้ฉันและพี่ชายกำลังก้าวผ่านความหวาดกลัวภายในใจของฉันด้วยเช่นเดียวกัน ฉันอาจจะไม่กล้าเปิดใจในทันทีแต่ขอเวลาให้ฉันหน่อยเถอะนะ ฉันเองก็อยากจะหลุดพ้นกับความรู้สึกพวกนี้แล้วเหมือนกัน ฉันอยากจะยิ้ม อยากจะมีความสุขอย่างที่คนคนหนึ่งจะได้รับแล้วเหมือนกัน ตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์เราติวกันจนครบทุกวิชาก่อนจะแยกย้ายกันไปทบทวนก่อนวันสอบจริงในวันมะรืน ฉันขลุกอยู่แต่ในห้องเพื่อทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนมา แต่เหมือนพี่ชายทั้งสองคนจะไม่เข้าใจมากนัก เพราะทั้งคู่ขยันเดินเข้าออกห้องเอานม เอาน้ำ เอาผลไม้มาให้ตลอดทั้งวัน จนฉันต้องเขียนป้ายห้ามเข้าห้องติดไว้หน้าประตู นั่นแหละถึงได้พอมีเวลานั่งอ่านหนังสืออย่างสงบบ้าง ห้ามรบกวน!! จะอ่านหนังสือสอบ!! ห้ามพี่มีน พี่มาร์เข้าห้อง!! นั่นคือสิ่งที่ฉันเขียนแล้วติดไว้ที่หน้าประตูห้องนอน และต้องขอบคุณที่พี่ชายทั้งสองคนไม่ได้ดื้อรั้นที่จะเข้าห้องฉัน และนั่นฉันถึงได้มีสมาธิอ่านหนังสือเตรียมสอบอย่างจริงจังสักที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD