Lavender ลาเวนเดอร์ 2
กลายเป็นว่าตลอดค่ำคืนฉันร้องไห้จนหลับไปไม่ได้พูดคุยอะไรกับพี่ชายเลยสักคำ แต่พอตื่นเช้าขึ้นมาก็พบว่าพี่ชายปูท็อปเปอร์ที่พื้นนอนเฝ้าฉันตลอดทั้งคืน ฉันค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับอาการปวดศีรษะที่โถมเข้าใส่แทบจะทำให้ฉันล้มตัวนอนบนเตียงต่อ แต่วันนี้ดันมีเรียนช่วงสิบโมงเช้าเสียด้วยสิ ตาบวมแน่เลยร้องไห้ทั้งคืนแบบนี้
“ตื่นแล้วเหรอ?” พี่มีนที่รู้สึกตัวตื่นเอ่ยถามพร้อมกับลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีมึนงง
“...”
“มีเรียนใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ” พี่มีนบอกกับฉัน
“ปะ ไปเองได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่จะไปส่งหนูเอง คนเก่งอาบน้ำได้เลยนะ” พี่มีนบอกก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากห้องไป ส่วนคนที่ยังหลับอยู่อย่างที่มาร์ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ฉันตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวออกไปเรียน กระทั่งเดินออกจากห้องน้ำก็เห็นพี่มาร์นั่งอยู่บนพื้น
“ขึ้นไปนอนบนเตียงก็ได้ค่ะ” ฉันเอ่ยบอกพี่ชาย พี่มาร์พยักหน้ารับทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะขยับขึ้นไปทิ้งตัวนอนบนเตียง ฉันแต่งตัวและเตรียมกระเป๋าเสร็จก็เตรียมออกจากห้อง ก่อนออกมาก็ไม่ลืมรั้งผ้าห่มคลุมร่างพี่ชายไว้ ส่วนพี่มีนรอที่หน้าบ้านแล้วพร้อมกับแซนด์วิช
“กินรองท้องก่อนนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ระหว่างการเดินทางฉันไม่ได้พูดอะไรกับพี่มีนมากนัก มีบ้างที่ตอบคำถามจากพี่มีนแต่พี่ชายก็ไม่ได้เร่งรัดที่จะเอาคำตอบในทันทีเลยทำให้มีช่วงเวลาที่ฉันได้คิดอะไรอยู่คนเดียว ฉันน่ะขับรถยนต์ไม่เป็นหรอกเวลาไปเรียนหรือทำงานพิเศษก็จะเดินหรือไม่ก็ใช้รถสาธารณะ ประหยัดเงินด้วยนะแม้จะเสียเวลาไปเยอะก็ตาม แต่เงินที่กว่าจะหาได้แต่ละบาทมันก็ยากฉันเลยใช้อย่างประหยัด
“เลิกกี่โมง” พี่มีนเอ่ยถามเมื่อหยุดรถที่หน้าคณะฉันแล้วเรียบร้อย
“เที่ยงค่ะ”
“เดี๋ยวพี่มารับนะ ไปกินข้าวด้วยกัน” ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ทำไมล่ะ?” พี่มีนทวนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไปทำงานค่ะ”
“แค่เรียนก็หนักแล้วนะ เงินพวกพี่โอนให้ทุกเดือนเลยนะครับหนูไม่ยอมใช้เลย” ฉันไม่กล้าใช้เงินของพวกเขาหรอก เดี๋ยวพอคนพวกนั้นรู้ก็จะหาเรื่องมาว่าฉันอีก
“แต่ถ้าไม่ไหวหนูยังมีพวกพี่นะรู้ใช่ไหม?” พี่มีนผมถามพร้อมกับมองมาอย่างเป็นห่วง
“ค่ะ”
“เด็กดีเก่งมากครับ งั้นเลิกงานพี่จะไปรับแล้วเราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม”
“...”
“จะได้คุยกันนะครับ”
“ค่ะ”
“เจอกันตอนเย็นครับ” พี่มีนส่งยิ้มให้อย่างมีความสุข แต่เมื่อฉันลงรถมาได้ก็ต้องรีบเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร เพราะอีกไม่ถึงสามสิบนาทีจะถึงเวลาที่ต้องเรียนแล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อนฉันมาถึงหรือยัง แต่คิดว่าน่าจะถึงแล้วล่ะปกติเพื่อนก็มาเช้าตลอดเลยเหมือนกัน ฉันน่ะมีเพื่อนสนิทสองคนชื่อหนุงหนิงและนานะ เรารู้จักกันตอนมัธยมปลาย และมาเรียนที่คณะเดียวกันดีมาก ๆ เลยล่ะ และที่ฉันได้ทำงานที่ร้านดอกไม้ก็เพราะหนุงหนิงเห็นร้านเปิดรับสมัครนั่นแหละเลยมาบอกฉัน
ตอนนี้ฉันทำงานที่ร้านดอกไม้สามปีแล้ว นานมากแต่ยังเป็นพนักงานพาร์ทไทม์อยู่เพราะยังมีเรียนเลยทำได้ไม่เต็มวัน พี่เจ้าของร้านก็ใจดีกับฉันมาก ๆ รวมถึงพี่พนักงานที่ร้าน
“เหมยทางนี้ ๆ” เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องเรียนก็ได้ยินเสียงเรียกดังจากมุมหนึ่ง เป็นเพื่อน ๆ ของฉันเองที่มาถึงก่อนแล้วและจองที่เผื่อฉันด้วยอย่างน่ารัก
“มาแล้ว ฉันตื่นสาย” บอกเพื่อนทั้งยังหัวเราะเบาๆ อย่างเขินอาย
“ฮา ๆ ๆ เอาน่า ยังทัน กินอะไรมาหรือยังพวกฉันแวะซื้อขนมมา นี่กินรองท้องไปก่อน” นานะส่งขนมมาให้หนึ่งชิ้นอย่างใจดี
“ขอบใจนะ” ฉันรับมาแต่ยังไม่ได้กินในทันที เพราะเมื่อเปิดกระเป๋าแล้วหยิบชีทเรียนออกมาก็เจอกับแซนด์วิชที่พี่มีนเตรียมไว้ให้ ฉันเก็บขนมที่ได้จากเพื่อนลงในกระเป๋าก่อนจะหยิบแซนด์วิชที่ได้จากพี่ชายขึ้นมากินแทน
ขอบคุณสำหรับมื้อเช้านะคะพี่มีน...