“โอ๊ย! ไม่ต้องห่วงก็ได้มั้ง” เสียงเข้มของผู้ชายเอ่ยขัดขึ้นคล้ายกับไม่พออกพอใจ ต่อให้ไม่ต้องมอง ฉันก็รู้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร “กับผู้ชงพูดเสียงอ่อน กับชะนีด้วยกันดันหยิ่งไม่ตอบ!”
“ไม่กัดหนูสักวันคงไม่ตายมั้งคะ!” ซึ่งมันก็เหมือนทุกครั้งที่ฉันไม่สามารถระงับปากตัวเอไม่ให้ต่อปากต่อคำกับเขาได้เลย
พี่อาร์มที่โอบกอดฉันอยู่ เมื่อเห็นว่าฉันมีแรงที่จะต่อปากต่อคำกับพี่โซ่แล้ว เขาจึงผละอ้อมกอดอันมีค่าออกไป พร้อมทั้งพูดขึ้น
“พอดีไอ้โซ่มันมาหาซินอ่ะ บอกว่ามีธุระพี่ก็เลยพามา” อย่างที่รู้กันคำพูด น้ำเสียง และกลิ่นของพี่อาร์มสำคัญกับฉันยิ่งกว่าสิ่งใด มันเลยไม่แปลกอะไร ถ้าหากเสียงนุ่มๆ ของเขากำลังดึงดูดให้ฉันมองและตั้งใจฟัง “แล้วสรุปเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องตบกันขนาดนั้น?” แต่ในคำถามสุดท้ายเสียงของพี่อาร์มดูจะดุขึ้น
“คือหนูผิดเองค่ะ พี่คนนั้นเขามาเพื่อ…”
“ตบหนู” ฉันพูดขัดเสียงสั่นๆ อย่างคนรู้สึกผิดของใบหม่อน จนเธอเงียบไป ฉันไม่สนหรอกนะว่าใบหม่อนจะเป็นอย่างที่พี่เอ็มอะไรนั่นพูดหรือเปล่า แต่เพราะเธอคือเพื่อนฉัน และสิ่งเดียวที่ฉันรู้คือต้องปกป้องเธอ “ พี่เขาตบหนู เพราะหนูไปตบน้องสาวเขาเมื่อวันก่อน ”
“ร้ายกาจ!” เสียงต่อว่าอย่างมีจริตทำฉันตวัดหางตามองเจ้าของเสียงตาขวางแบบไม่ชอบใจนัก ก่อนพบว่าพี่โซ่กำลังทำเป็นลอยหน้าลอยตา แต่ไม่ใช่กับเพื่อนผู้ชายที่ทำท่าเหมือนกำลังแอบลอบขำอยู่ใกล้ๆ
“คุณน้าลำดวนให้พี่มารับหล่อนไปกินข้าวกลางวัน จะไปไม่ไป?” อีกครั้งที่พี่โซ่พูดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะตอบ พี่อาร์มก็พูดขึ้นมา
“จริงด้วยสิ พี่ได้ยินเรื่องที่ซินกับไอ้โซ่จะแต่งงานกัน ยินดีด้วยนะ” หน้าฉันเหมือนถูกทุบให้แตกละเอียดในวินาทีที่ได้ยินคำพูดแสดงความยินดีจากปากพี่อาร์ม เขาดูไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าเลยสักนิดที่คู่จิ้นแบบฉันกำลังถูกบังคับให้แต่งงากับเก้งกวางแฟนเก่าของตัวเอง
แต่จะว่าไปการที่เขาพูดแบบนี้ได้ มันก็แปลว่าพี่อาร์มเองก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่โซ่แล้วเหมือนกัน!
“อาร์มอ่ะ ไม่เอาไม่พูดแบบนี้สิครับคนดี โซ่ไม่ได้อยากแต่งงานกับชะนีหน้าวอกนั่นเลยนะ” เหมือนพี่โซ่จะรู้ตัว เขาถึงได้รีบทิ้งเพื่อนชายที่มาด้วยกันปรี่เข้าหาพี่อาร์มกอดรัดฟัดแขนได้แบบไม่สนใจสายตาใคร
“แล้วพี่คิดว่าหนูอยากแต่งกับพี่นักหรือไง!” เพราะงั้นฉันจึงทนไม่ได้ ต้องโวยวายเพื่อให้เขารู้ตัวขึ้นมาบ้าง พลางดึงตัวเขาให้ออกจากห่างจากพี่อาร์มซะ แต่ เขาดันสะบัดแขนออก แล้วกลับมา
“ใครจะไปรู้กับหล่อนล่ะ เผื่อหล่อนติดใจอะไรๆ ในตัวพี่ขึ้นมาจะทำไง”
“พี่โซ่!” ฉันอยากจะกรี๊ดอัดหน้าเขาเป็นภาษาโปรตุเกสนัก คนบ้าอะไรหลงตัวเองได้ หลงตัวเองดี!
พี่อาร์มที่ยืนอยู่ระหว่างสงครามประสาทระหว่างเรา คงจะเอือมกับสถานการณ์ดังกล่าว หรือไม่ก็คงเพราะเขาอยากเลี่ยงที่จะเป็นตัวช่วยตัดสินใจว่าใครผิดใครถูกล่ะมั้ง จึงปลีกตัวออกจากวงจรการปะทะฝีปากออกไปโดยไม่ลืมที่จะดึงตัวใบหม่อนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราวออกไปด้วย
ดี! ไปกันให้หมด เวลาด่าอะไร ฉันจะได้ไม่ต้องเกรงใจหน้าพี่อาร์ม!
พอสบโอกาส พี่โซ่ก็เริ่มพูดจาจิกกัดใส่ฉันทันที
“ไม่รู้ตัวเหรอ ว่าถ้าหล่อนแต่งงานแล้ว คราวนี้หล่อนจะยุ่งกับอาร์มของพี่ไม่ได้อีก” แถมยังเหยียดยิ้มอย่างคนเหนือกว่า
“อย่าคิดว่าตัวเองแน่ไปหน่อยเลย เมื่อกี้พี่อาร์มก็อวยพรแบบไม่ใส่ความรู้สึกพี่เหมือนกันนี่คะ” ฉันแค่นเสียงถามในระดับที่มีแค่ฉันกับพี่โซ่เท่านั้นที่จะได้ยิน จ้องสู้ตาใส่เขากลับไปแบบไม่ยอม
“No! No!” เขาจงใจกรีดนิ้วชี้กระดิกไปมา โดยยังคงสีหน้าน่าหมั่นไส้เอาไว้ “พี่ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นครับชะนี ที่พี่สนใจก็คือการที่หล่อนจะแอ๊วผู้ชายออกสื่อไม่ได้ต่างหาก หล่อนทำไม่ได้ แต่ว่าพี่ทำได้อ่าโน๊ะเก็ทมะ?”
“…” อะ ไอ้ผู้ชายคนนี้นี่มัน!
พี่โซ่กรีดยิ้มแสดงความพึงพอใจคำพูดตัวเอง สายตากวาดสำรวจไปทั่วดวงหน้าฉันที่ไม่สามารถ หาคำพูดโต้เถียงใดๆ ตอบกลับไปได้ แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละ ก่อนที่เขาจะสะบัดเชิดหน้าไปยังหน้าทางเข้าตึกคณะที่ตอนนี้ทุกคนเมื่อจะกำลังยืนรอเราทั้งคู่ พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นแบบไม่มอง
“แต่จะว่าไป การที่หล่อนแต่งงานกับพี่มันก็ดีอย่างนะ…” พี่โซ่เว้นช่วงพูดเล็กน้อยพร้อมทั้งเคลื่อนไหวกายหันออกไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ “พี่จะได้ไม่ต้องหวง…”
และถ้าให้เดาไอ้ที่ว่าไม่ต้องหวงอะไรนั่นก็คงไม่พ้นเรื่องพี่อาร์มอีกแน่เพราะงั้น ฉันก็เลยตอกกลับไป
“ไม่ต้องทำเป็นหวงพี่อาร์มหรอกค่ะ ดูทรงแล้วพี่โซ่ก็น่าจะนกเหมือนกัน!” เมื่อรู้สึกว่าได้เอาคืนพอหอมปากหอมคอแล้ว ฉันก็ไม่รีบสะบัดหน้าเดินทิ้งส้นนำหน้าเขาออกไปที่หน้าตึกคณะทันที ทว่า
ฟึ่บ!
พี่โซ่กลับไม่ยอมให้ฉันทำตามดั่งใจคิด เขาคว้าแขนฉันเอาไว้หลวมๆ แต่มันก็พอจะหยุดเท้าสองข้างของฉันลงได้โดยชะงัก การกระทำดังกล่าวทำฉันรีบหันขวับมองหน้าเขาแบบไม่พอใจ เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายนิสัยร้ายกาจคนนี้จะมาไม้ไหนอีก
แต่รู้ไหม เขาไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ฉันเลย สายตาของพี่โซ่มองตรงไปยังกลุ่มพี่อาร์ม มือแกร่งที่เขาจับกุมฉันไว้ ค่อยๆ คลายออก ขณะสองเท้าก้าวของเขาเริ่มก้าวเดินห่างเดินผ่านหน้าฉันไป
วูบหนึ่งที่พี่โซ่เหลือบหางตามองฉัน พร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บริเวณมุมปาก และในตอนที่เขาเริ่มเดินห่างออกไปทุกที หูของฉันเหมือนได้คำพูดพึมพำของเขา มันดังไม่ชัดมากนักหรอก แต่มันก็พอทำให้ฉันที่บังเอิญได้ยินถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก
“ใครบอกพี่หวงอาร์ม... พี่หวงซินต่างหาก…”