เสียงเครื่องยนต์ดังมาทางด้านหลังทำให้หวันยิหวาหันขวับ รถ SUV ที่ใช้ขับในไร่จอดสนิท ชายหนุ่มลงจากรถคันนั้นแล้วตรงมาที่เธอ
“คุณทานข้าวเช้าหรือยังครับ?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าชื่นเป็นคนจัดการให้ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเช้านะคะ”
“แม่ครัวสวนอาหารเฟื่องฟ้า ทำอาหารอร่อยถูกใจมั้ยครับ?”
“อร่อยมากเลยค่ะ พ่อเลี้ยงไม่เปิดบริการนักท่องเที่ยวหรือคะ”
“ตอนนี้ปิดชั่วคราวครับ เพราะที่ไร่มีค่าเฟ่สามที่ดูแลไม่ทั่วถึงครับ”
“เสียดายจังเลยนะคะ”
“คุณเอียดค่ะ วันนี้ฉันจะได้พบกับพ่อเลี้ยงไหมคะ?”
“วันนี้พ่อเลี้ยงยังไม่กลับครับ แต่ผมว่าคุณควรไปเยี่ยมแม่คุณที่โรงพยาบาลก่อน”
“ก็ได้ค่ะ”
“ผมจะไปรอคุณที่รถนะครับ”
“เออ.! ถ้าคุณไม่สะดวก ให้ฉันขับรถไปเองก็ได้ค่ะ”
“เก็บรถของคุณไว้เถอะ คุณไปกับผมจะดีกว่า” ‘ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องหงุดหงิดด้วยเนี่ย..’
“อืม!..งั้นก็ได้ค่ะ เราไปกันเลยมั้ยคะ ฉันพร้อมแล้ว” หญิงสาวไม่เรื่องมากเมื่อเขาอาสาจะไปส่งเธอก็พร้อมทันที ไม่ต้องลีลาแต่งหน้าแต่งตัวอะไรให้มากมาย ภูดิศถึงกับงง เพราะสาว ๆ ส่วนใหญ่ที่เขาเจอมา ก่อนออกจากบ้านอย่างน้อยต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการแต่งตัว
“ได้ครับ ..เชิญ” ภูดิศผายมือให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งรถตำแหน่งผู้โดยสารด้านหน้าคู่กับเขา แต่หวันยิหวาดันเปิดประตูไปนั่งด้านหลัง
“คุณมานั่งข้างหน้าสิครับ ผมไม่ใช่คนขับรถนะครับ”
หวันยิหวาเลยก้าวลงรถไปนั่งข้างหน้าคู่กับชายหนุ่ม เธอเองก็ไม่อยากจะเรื่องมากอะไร เหนื่อยที่จะตอบโต้ และอยากไปหามารดาของเธอเร็ว ๆ ซะมากกว่าที่จะเสียเวลาตรงนี้
ดวงใจภรรยาพ่อเลี้ยงแสนคำ เธอเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ภูดิสในฐานะลูกเลี้ยงก็ดูแลให้การรักษาเธอเป็นอย่างดี อย่างน้อยเธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงของเขา เพราะก่อนที่พ่อเลี้ยงแสนคำจะเสียชีวิต ดวงใจก็ได้ดูแลพ่อของเขาไม่ห่าง
รถแล่นมาจอดตรงที่จอดรถของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มพาหญิงสาวที่นั่งมาด้วยเดินทางขึ้นลิฟต์ไป เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเขาเดินนำเธอไปยังห้องพักของแม่เธอ
ดวงใจ โกมลวิวัฒน์ ป้ายหน้าชื่อห้องผู้ป่วยใน 227 คือเบอร์ห้อง เมื่อหญิงสาวเปิดประตูเข้าไป
“อ้าว! ยิหวามาถึงแล้วหรือลูก?” ดวงใจเรียกบุตรสาว
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ทำไมแม่ไม่บอกยิหวาละค่ะว่าไม่สบาย” หญิงสาวก้าวเข้าไปกอดผู้เป็นมารดาด้วยความคิดถึง
“แล้วหนูล่ะ! มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นโทรบอกแม่บ้างเลย”
“โทรศัพท์เสียค่ะแม่ แล้วหนูก็มัวแต่หลงทางกว่าจะเจอไร่ก็ค่ำแล้วค่ะ ดีที่ได้เจอคุณเอียดพาไปพักที่ไร่เสียก่อน”
“หนูพักเรือนไหนล่ะลูก?”
“เรือนเฟื่องฟ้าค่ะแม่...สวยดีนะคะ”
“อ๋อ...แม่ก็พักที่เรือนนั่นแหละ”
ดวงใจเลยเล่าให้หวันยิหวาฟังว่าเธอพักที่เรือนนั้นกับพ่อเลี้ยงแสนคำแต่ตอนนี้พ่อเลี้ยงแสนคำสามีเธอได้เสียชีวิตไปเมื่อต้นปีที่แล้ว
“แล้วพ่อเลี้ยงเป็นอะไรเสียค่ะแม่”
“พ่อเลี้ยงแสนคำป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย”
“หนูเสียใจด้วยนะคะคุณแม่”
“จ้ะลูก”
“แล้วลูกชายของเขาละแม่” หวันยิหวาจำได้เมื่อตอนที่ยังอยู่ที่ไร่กับดวงใจ พ่อเลี้ยงแสนคำมีลูกชายอยู่หนึ่งคน ที่เธอจำได้ดีเพราะเขาจะชอบแกล้งเธอเป็นประจำและก็ล้อว่าหล่อนนั้นอ้วนเหมือนหมู
“ลูกคงหมายถึงคุณภูล่ะสิ!...ก็ทำงานแทนพ่อเขานั่นแหละ คนงานในไร่เรียกเขาเป็นพ่อเลี้ยงคนใหม่แล้วนะ เพราะอย่างน้อยก็มาบริหารไร่นี้แทนพ่อของเขาเอง คนงานก็เห็นคุณภูมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ..ว่าแต่หนูเจอพี่เขาหรือยังล่ะ?”
“ยังเลยค่ะแม่ เจอแต่ลูกน้องของพ่อเลี้ยงชื่อนายเอียดสงสัยเป็นคนสนิทของพ่อเลี้ยง”
“ไม่หรอกจ้ะ...นายเอียดเป็นหัวหน้าคนงานในไร่จ้ะลูก”
“ทำไมนายเอียด ดูไม่เหมือนหัวหน้าคนงานเลยล่ะคะ”
“อย่าเพิ่งคิดมากสิลูก...ถ้าพ่อเลี้ยงกลับมาหนูคงได้เจอเองแหละ นี่แม่ก็ตั้งใจให้หนูมาที่ไร่ก็เพื่อช่วยงานพี่เขานะ หนูเรียนจบมาทางนี้แม่ก็ไม่อยากให้หางานทำ มาช่วยกันทำไร่ดีกว่าอีกอย่างพ่อเลี้ยงแสนคำได้สั่งแม่ไว้ก่อนจะเสียอยากให้แม่ตามให้หนูกลับมาช่วยงานที่ไร่”
“หมอบอกว่าแม่ใกล้จะหายแล้วนะคะ ช่วงนี้ยิหวาจะเฝ้าแม่เอง”
“จ้ะลูก” แม่ลูกที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้วต่างโอบกอดแสดงความรักผ่านสายตาของคนที่แอบดูอยู่ แววตาดุดันของคนที่มองนั้นเปล่งประกายขึ้นทันทีเหมือนเขาคิดจะทำอะไรขึ้นมาบางอย่าง
“นายเอียดเป็นคนมาส่งหนูใช่มั้ยลูก?” คนเป็นแม่ถามขึ้น ด้วยความสงสัย
“ค่ะแม่”
ดวงใจพลางนึก นี่! ..ลูกเลี้ยงของเธอไปคั่วผู้หญิงคนไหนจนไม่กลับบ้านกลับช่องอีกแล้วหรือ สามีเธอได้สั่งไว้ก่อนตายให้คอยดูแล แต่เมื่อเธอล้มป่วยลง ดวงใจเลยไม่มีเวลาที่จะคอยห้ามปรามภูดิศตามที่ผู้เป็นสามีได้สั่งเสียไว้
“หนูเดินทางมาเหนื่อยมั้ยลูก?”
“ไม่เหนื่อยค่ะแม่ เชียงใหม่แค่นี้เอง”
“แม่หมายถึงที่บอสตันนะ”
“ก็นั่งเครื่องบินมา 13 ชั่วโมงกว่าค่ะแม่”
“แล้วเมื่อคืนหนูหลับสบายมั้ยลูก?”
“หลับสบายอากาศดีเลยค่ะแม่ เรือนเฟื่องฟ้าใหญ่โตมาก”
“พ่อเลี้ยงคงสั่งนานเอียดไว้?” ดวงใจงงมากทำไมภูดิศสั่งให้นายเอียดมาทำงานนี้แทน หรือว่าเขาจะรู้ว่ายิหวาเป็นลูกของเธอ
“ค่ะแม่ เรือนเฟื่องฟ้าเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ”
“พ่อเลี้ยงแสนคำใช้เป็นที่พักนักท่องเที่ยว แต่ตอนพ่อเลี้ยงเสียพี่ ภูเขาดูแลไม่ไหวเลยสั่งให้ปิดชั่วคราวจ้ะลูก”
“อ่าว!..แล้วทำไมนายเอียดไม่เห็นบอกหนูเลยคะ”
“เรื่องเจ้านายเขาคงไม่อยากยุ่งละมั้ง”
หวันยิหวา เพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน ดวงใจได้โทรหาเธอก่อนที่หวันยิหวาจะได้งานทำทางโน้น คนเป็นแม่ยังไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงที่ให้เธอมาที่นี่ หวันยิหวาก็อยากเจอกับแม่อยู่แล้วจึงไม่ปฏิเสธที่จะกลับมาหาดวงใจ ลงเครื่องเสร็จเธอแวะหาคุณย่าแล้วก็เอารถขับขึ้นเชียงใหม่ทันที
“แม่ตั้งใจว่าจะให้หนูทำหน้าที่แทนแม่ แล้วก็ดูแลแผนกบัญชีไปด้วยเลย หลัก ๆ ก็งานบัญชีพวกเอกสารนั่นแหละ”
“บัญชีก็พอไหวค่ะ แต่งานในไร่หนูไม่ถนัดเลยค่ะ”
“งานในไร่เป็นเรื่องของพ่อเลี้ยงเขา หนูทำแค่บัญชีก็พอจ้ะ” ดวงใจทำตามคำขอร้องของสามีที่ต้องการให้ลูกสาวเธอมาทำงานที่นี่ เพราะพ่อเลี้ยงแสนคำไม่สามารถทำให้ภูดิศลูกชายเลิกเจ้าชู้ได้ จึงอยากวางตัวลูกสาวของดวงใจเมียที่เขารักให้ช่วยดูแลลูกชายของเขา โดยสมบัติทั้งหมดจะถูกโอนเป็นชื่อของภูดิศหากเขาได้แต่งงานกับหวันยิหวา แต่ถ้าหากทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน ทรัพย์สินก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กันโดยให้ดวงใจครึ่งหนึ่ง และ ภูดิศอีกครึ่งหนึ่ง พินัยกรรมได้ถูกเปิดหลังจากที่พ่อเลี้ยงแสนคำได้เสียชีวิตไป นี่คือเหตุผลที่ดวงใจจึงอยากจะให้ลูกสาวของเธอมาที่นี่
“แต่หนูต้องรอเจ้าของไร่กลับมาก่อนนะคะ นี่ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะให้หนูทำงานนี้หรือเปล่า”
“ได้สิลูก แม่คุยกับเขาไว้แล้ว ปกติเขาก็ไม่หายไปไหนนาน ๆ นะถ้ายังไงหนูรอแม่ออกจากโรงพยาบาลก่อนนะลูก”
“ได้ค่ะแม่ ช่วงนี้ยิหวาจะเฝ้าแม่ไปก่อนนะคะ”
หลังจากวันนั้นหวันยิหวาก็เดินทางไปเฝ้าแม่ทุกวัน ภูดิศคอยรับส่งเธอตลอด ส่วนกลางคืนดวงใจไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาเฝ้า เพราะมีพยาบาลคอยดูแลอยู่แล้ว และอีกอย่างเธอหวังว่าลูกสาวจะได้เจอกับภูดิศและได้ตกหลุมรักกัน แต่ตอนนี้หวันยิหวายังไม่รู้ว่าคนที่คอยรับส่งเธอคือลูกชายของพ่อเลี้ยงแสนคำ
“ฉันถามคุณหน่อยวันนั้นฉันบอกมาหาพ่อเลี้ยงแสนคำ ทำไมคุณไม่บอกว่าพ่อเลี้ยงเสียชีวิตไปแล้ว”
“ก็ผมพาคุณไปพักเรือนเฟื่องฟ้า เรือนของพ่อเลี้ยงแสนคำนะครับ ผมคิดว่าถ้าบอกไปคุณจะกลัวไม่กล้าพัก” ภูดิศรีบแก้ตัว
“งั้นเหรอคะ?”
“สรุปคุณรู้จากใครเหรอครับ”
“แม่ฉันบอกเองค่ะ”
“ถ้าคืนนี้คุณไม่กล้านอนคนเดียวเปลี่ยนไปพักเรือนลีลาวดีก็ได้นะครับ เป็นของพ่อเลี้ยงภูครับ”
“ไม่เอาดีกว่าค่ะ เจ้าของเขายังไม่อนุญาตเลย”
“ถ้าคุณอยากพัก ผมโทรถามพ่อเลี้ยงภูให้ได้นะครับ”
“อย่าเลยค่ะ ฉันเกรงใจ อีกไม่กี่วันแม่ฉันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ยังไงฉันก็อยากพักที่เรือนคุณแม่ค่ะ”
“เห็นพ่อเลี้ยงภูบอกว่าคุณจะมาทำงานที่ไร่เหรอครับ?” ภูดิศเปลี่ยนเรื่องคุย
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงคะ? เรื่องนี้คุณแม่เพิ่งบอกฉันเอง”
“พ่อเลี้ยงสั่งผมมาเมื่อเช้านี้เองครับ” ชายหนุ่มแก้ตัวเพราะกลัวโดนจับได้เสียก่อน ซึ่งเขาเองเป็นคนคุยกับแม่ของเธอหลังจากเปิดพินัยกรรม
“ใช่ค่ะ .. ว่าที่พ่อเลี้ยงคนใหม่เขาอยากได้คนช่วยค่ะ” หญิงสาวรีบบอกกับชายหนุ่มที่ขับรถอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะ ฮึ ๆ ในลำคอเบา ๆ