บทที่ 5 ยินยอมเป็นทาส
มู่หลันฮวารู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง นางเพียงหายเข้าไปในป่าเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น เมื่อกลับออกมา กลับพบว่าตนเองได้กลายเป็นเครื่องบูชายัญเพื่อเซ่นสังเวยให้แก่เทพเจ้าปีศาจงูไปเสียแล้ว
ต้องเป็นฝีมือของเหยาเว่ยเป็นแน่ นางจะต้องเอ่ยสิ่งใดสักอย่างแก่ผู้ดูแลหมู่บ้าน พวกเขาจึงมาจับตัวนางไปเช่นนี้
ผู้ดูแลหมู่บ้านจ้องมองมู่หลันฮวาด้วยสายตาที่นึกเสียดายไม่น้อย เขาเองเคยคิดอยากจะไปสู่ขอนางเข้ามาเป็นอนุที่ในจวนเพราะเขารู้สึกถูกตาต้องใจนางเป็นอย่างมากน่าเสียดายที่เหยาเว่ยเอ่ยปากเรื่องบางอย่างขึ้นมากับเขาเสียก่อน
นางหายเข้าไปในป่า บอกว่าจะไปตัดฟืนในป่าใหญ่ ท่านผู้ดูแลหมู่บ้านคอยจับตาดูเอาไว้เถิด หากนางสามารถกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย นั่นแสดงว่านางมีบางสิ่งบางอย่างที่เทพเจ้าปีศาจงูต้องการ ท่านคิดดูสิ ในหุบเขาแห่งนั้น มิเคยมีผู้ใดที่เข้าไปแล้วกลับออกมาปกติสักคน หากนางกลับออกมาได้ นั่นเท่ากับว่านางคือผู้ที่ถูกเลือกให้ทำหน้าที่ช่วยเหลือหมู่บ้านของพวกเรา
เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ เขาเองก็จำต้องเห็นดีด้วย จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาคนในหมู่บ้าน ทุกคนต่างความเห็นว่ารอให้นางกลับมาเสียก่อน ค่อยตรวจดูตามร่างกายของนางว่ามีคุณสมบัติดังเช่นที่เหยาเว่ยกล่าวมาหรือไม่
เหล่าสตรีวัยกลางคนพามู่หลันฮวามาอาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนจะตรวจดูตามร่างกายของนางก็พบว่ามีปานแดงที่ไหลข้างซ้ายตรงตามที่เหยาเว่ยบอก พวกเขาจึงจัดการแต่งตัวให้นางเสียใหม่ ก่อนจะพาตัวนางมาที่ลานกลางหมู่บ้าน
มู่หลันฮวาจ้องมองเหยาเว่ยด้วยสายตาอำมหิต นางผู้นี้ช่างมีจิตใจที่หยาบช้าเสียจริงเชียว คิดเล่นงานถึงตายเชียวหรือ
หากนางรอดออกมาได้ รับรองว่าเหยาเว่ยไม่ได้ตายดีแน่นอน!!!
มู่หลัวทนเห็นภาพที่บุตรสาวของตนจะต้องถูกส่งไปบูชายัญไม่ไหว เขาจึงหนีกลับเข้าไปในห้องนอน และแอบร้องไห้เพียงลำพัง แม้เขาจะเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง แต่มูหลันฮวาเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่
มู่หลัวยื่นก้มลงไปที่ใต้เตียง ก่อนจะหยิบกล่องบางอย่างออกมา ภายในของมันมีสร้อยข้อมือหยกสีเขียวนวลตา แกะสลักภาพใบพัดทั้งสี่อยู่บนเนื้อหยกนั้น นี่เป็นของตกทอดที่ท่านแม่ของเขาเคยสั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย ว่าต้องมอบให้แก่บุตรสาวที่สืบสายเลือดตระกูลมู่โดยตรงเท่านั้น เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเครื่องประดับตกทอดมาตั้งแต่รุ่นไหน แต่เขาอยากจะมอบให้มู่หลันฮวาไว้เป็นสมบัติติดตัวชิ้นสุดท้ายให้แก่นาง
เขาเดินกลับออกมาพร้อมกับสร้อยข้อมือหยกเส้นนั้น ก่อนจะเข้าไปหามู่หลันฮวาและสวมมันให้แก่นาง มู่หลันฮวาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เหยาเว่ยกลับจ้องมองสร้อยข้อมือหยกเส้นนั้นด้วยแววตาเป็นประกาย
"นำมันติดตัวเอาไว้ นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อเหลืออยู่ พ่อยกมันให้เจ้า"
"ท่านพี่ นางจะได้กลับมาหรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย"
"หุบปาก!!หากนางไม่กลับมา เจ้าก็เตรียมตายตามนางไปได้เลย!!!"
เหยาเว่ยหน้าซีดเผือด นางรีบก้มหน้างุดไม่กล้าเอ่ยวาจาใดออกมาอีก ช่างเถิด อีกสองวันให้หลังหากมู่หลันฮวายังไม่กลับออกมา นั่นก็แปลว่านางตายแล้ว หึ!!นางค่อยชวนเหยาเถียนบุตรชายไปตามหาสร้อยหยกบนหุบเขานั่นเสียก็สิ้นเรื่อง
"เอาละใกล้ได้เวลาแล้ว!!พาตัวนางขึ้นไปบนเขา!!"
"นี่พวกท่าน!เชื่อคำนางเช่นนั้นหรือ!!"
มู่หลันฮวาหันไปเอาบปากถามผู้ดูแลหมู่บ้าน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากพวกเขา นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา
เอาเถิด!!ในเมื่อไม่สามารถหนีพ้น ก็ยอมรับชะตากรรมไปเสีย
นางเคยตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ตายอีกสักคราจะเป็นไรไป!!
เหล่าชาวบ้านนำตัวนางเดินลัดเลาะขึ้นไปบนหุบเขา ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึก มันลึกกว่าที่นางขค้นไปเก็บฟืนเมื่อวานเสียอีก มู่หลันฮวาหันไปมองโดยรอบ นางคงไร้หนทางหนีแล้วจริงๆ
เหล่าชาวบ้านต่างนำผลไม้ที่พอมีอยู่สองถึงสามอย่างจัดวางเอาไว้ที่เนินดินซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก ก่อนจะจัดการจับนางมัดเอาไว้กับต้นไม้อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันนางหลบหนี พวกเขาพนมมือเอ่ยขอพรต่อเทพเจ้าปีศาจงูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจะหันมามองนางอีกคราและเดินจากไป
ยามนี้บนหุบเขาช่างเงียบงันยิ่งนัก มู่หลันฮวาหันไปมองด้านล่างหุบเขาก็พบกับทะเลสาบซีหูที่แห้งเหือด เมื่อทอดสายตามองไปที่หุบเขาอีกลูกหนึ่งก็จะพบกับวัดจิ้งฉือที่อยู่บนเขาหนานผิง และนั่น เจดีย์เหลยเฟิง ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางวัดแห่งนั้น
มันควรจะเป็นธรรมชาติที่งดงามมากกว่านี้ หากนางไม่ได้ถูกจับมาให้งูกิน
มู่หลันฮวาพยายามขยับกายให้หลุดจากการมัดที่แน่นหนา แต่ก็ไร้ผล นางเริ่มถอดทอนใจเสียแล้ว จนกระทั่งนางได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังแว่วมา
กรร!!ฟ่อ!!!
มู่หลันฮวาชะงักอยู่กับที่ ใจของนางเริ่มเต้นถี่ระรัว
เสียงนั้นเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเสียจนนางรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง
ฟ่อออ!!!
นางค่อยๆหันหน้าไปมองที่มาของเสียง ก่อนจะต้องอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
งูใหญ่ยักษ์ลำตัวขาวประกายวาววับราวกับแสงจันทร์ที่ส่องแสงสีทองในยามราตรี ดวงตาของมันเป็นสีแดงเพลิง ลำตัวสีขาวใหญ่พาดยาวไปไกลหลายลี้ มันกำลังจ้องมองนางตาไม่กะพริบ มู่หลันฮวารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แม้ว่านางจะเป็นหมอสัตว์ แต่นางก็ไม่เคยพบเจอสัตว์ชนิดใดที่ตัวใหญ่เท่าภูเขาเช่นนี้มาก่อน
เทพเจ้าปีศาจงู!!!
หลี่เย่ที่ยามนี้กลายร่างเป็นงูขาวตัวใหญ่ยักษ์ กำลังจ้องมองมู่หลันฮวาด้วยแววตาที่ครุ่นคิด
เหตุใดจึงเป็นนาง? แล้วนางมาทำอันใดตรงนี้?
เขายื่นส่วนหัวที่เป็นงูเข้าไปใกล้นางพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเป็นครั้งคราว มู่หลันฮวาที่เห็นว่างูยักษ์เริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความตื่นตระหนก นางจึงเป็นลมหมดสติไปในทันที
หลี่เย่ยังคงจ้องมองนางอย่างไม่ลดละ ดวงตาสีแดงเพลิงปรายตามองไปยังทะเลสาบซีหู ก่อนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
มนุษย์เหล่านั้นไม่มีอาหารดีดีมาบูชาเขา จึงคิดจับมนุษย์มาเซ่นสังเวย และนางก็เป็นผู้ที่โชคร้ายคนนั้น!!
จิตใจของมนุษย์ช่างต่ำช้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
"เจียวฟาง"
"ขอรับนายท่าน"
งูเขียวน้อยเจียวฟางที่กำลังกลืนขนมกุ้ยฮวาลงท้อง เอ่ยตอบรับหลี่เย่ทั้งที่ยังมีขนมอยู่เต็มปาก หลี่เย่ที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันเขาไม่น้อย
"ข้าจะพานางกลับไปที่ถ้ำ"
"นายท่าน แต่นางเป็นมนุษย์นะขอรับ"
"มนุษย์พวกนั้นมอบนางให้เป็นทาสรับใช้ข้าเพื่อแลกกับสายฝน"
"หืม?"
"ข้าจะรับตัวนางมาเป็นทาสรับใช้ข้าเพียงเจ็ดวันเท่านั้น แล้วข้าจะปล่อยนางกลับไป"
พูดจบหลี่เย่จ้องมองไปที่มู่หลันฮวา ดวงตาแดงเพลิงส่องแสงประกายเล็กน้อย เชือกที่มัดนางอยู่ก็คลายออก ร่างของมู่หลันฮวากำลังจะร่วงหล่นลงไปบนพื้นเขาจึงใช้ส่วนหางพันรัดรอบลำตัวนางเอาไว้ ก่อนจะพานางกลับไปที่ถ้ำของเขาอย่างไม่รอช้า
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม สายฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยามนี้ทะเลสาบซีหูเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาดังเดิมแล้ว ต้นไม้ที่เคยแห้งเฉาตายก็เริ่มจะผลิดอกออกใบอีกครา
เหมือนกับหลี่เย่ที่ไม่รู้ตัวเลยว่า หัวใจที่เย็นชาของเขากำลังจะกลับมาเต้นแรงอีกครา
เขาพานางกลับมาที่ถ้ำของตนเอง ก่อนจะวางนางลงบนเตียงนอนที่นุ่มสบาย เตียงนี้แต่ก่อนมู่เหลียนฮวานางเคยชอบแอบมานอนเล่นอยู่บ่อยครั้ว เมื่อนางจากไปเขาก็เก็บมันเอาไว้เป็นอย่างดี
หลี่เย่กลายร่างเป็นครึ่งคนครึ่งงูอีกครา เขาต้องเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด หากนางตื่นขึ้นมาเห็นคงจะตกใจกลัวไม่น้อย
และถ้าหากว่านางปากเปราะนำเรื่องของเขาไปเล่าให้มนุษย์ในหมู่บ้านฟัง แล้วกระทบกระเทือนถึงความสงบสุขของเขา เขาคงไม่ลังเลที่จะต้องจัดการนางทิ้งเสีย
มู่หลันฮวาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว นางค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองโดยรอบ
มันคือถ้ำ!!
ถ้ำที่เย็นสบาย มีเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา และยัง น่าอยู่มากๆอีกด้วย
เหตุใดนางจึงมาอยู่ในนี้ได้
นางยังไม่ได้ถูกงูยักษ์ตัวนั้นกินอีกหรือ?
"ฟื้นแล้วหรือ?"
มู่หลันฮวารู้สึกว่าเสียงนั้นช่างฟังดูคุ้นเคย นางจึงรีบหันไปมองทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้ามันทำให้นางรู้สึกตกตะลึงเหลือเกิน
นี่มัน!!!ยังมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ซ้อนเร้นอยู่อีกหรือ
เขาเป็นครึ่งคนครึ่งงู!!!
คนที่นางพบเมื่อคืน!!
ดวงตาสีเหลืองอำพันจ้องมองนางด้วยความเย็นชา นางรู้แล้ว เขาเองก็อยากจะรู้ว่านางจะทำเช่นไร?
มู่หลันฮวาจ้องมองหลี่เย่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตั้งสติขึ้นมา นางมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ยามนี้ดูเย็นชา ดวงตาสีเหลืองอำพันที่งดงามน่าค้นหา ช่างทำให้ใจของนางสั่นไหว แล้วนั่น!!ท่อนล่างของเขาที่เป็นหางงูสีขาวนวลตาช่างงดงามยิ่งนัก นางไม่เคยพบเห็นเกล็ดงูตัวใดจะงดงามเช่นนี้มาก่อนเลย
มันสุดยอดมาก!!มัน!!นี่มันเรื่องอัศจรรย์ใดกัน
"ท่านคือเทพเจ้าปีศาจงู?"
หลี่เย่ขมวดคิ้วมุ่น เทพเจ้าอันใดกันมนุษย์นี่ช่างเอ่ยวาจาเหลวไหลยิ่งนัก!!
"ข้าเป็นเพียงปีศาจงูไม่ได้เป็นเทพเจ้า เจ้าระวังคำพูดด้วย"
มู่หลันฮวาพยักหน้า เมื่อได้รู้ว่าเป็นเขาที่มอบเสื้อให้นางห่มกันหนาววันนั้นนางก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย อย่างน้อยนางก็พอดูออกว่าเขาไม่ใช่งูที่ใจร้าย น่าเสียดายที่เสื้อคลุมตัวนั้นนางวางมันเอาไว้ที่กิ่งไม้ในป่านั่น ไม่ได้นำมันมาคืนเขา
หลี่เย่เมื่อได้เห็นว่ามู่หลันฮวาไม่เกรงตัวตนเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
"เจ้าไม่กลัวข้า?"
"ไม่แล้วเจ้าค่ะ ข้ารู้สึกว่าข้าชอบท่านมาก"
ชอบท่านมาก!!
"หุบปากเดี๋ยวนี้!!"
ยิ่งเขานึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขาเผลอไปจิ้มหน้าอกนาง เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย
"นายท่านงูรูปงาม ข้ายินยอมเป็นทาสของท่านไปตลอดชีวิตเจ้าค่ะ"
หลี่เย่ "...."