ตอน 3
ก็แค่ขู่
แรงตบจากฝ่ามือของเธอทำเอาหน้าของผมชาไปแทบจะครึ่งหน้า แต่ผมก็เข้าใจว่าเธอคงโกรธ เพราะครั้งนี้ผมทำเกินไปจริงๆ ผมเองก็ไม่คิดว่าจะให้มันเลยเถิดไปถึงขั้นนี้ทว่าความต้องการในตัวที่มันเกิดขึ้นเพราะเธอ เล่นงานผมหนักเกินไปจนไม่อาจยั้งใจไว้ได้
"ลูกแพร์ พี่..."
"เงียบไปเลย! คนฉวยโอกาสแบบนายพูดอะไรออกมามันก็แค่คำแก้ตัวทั้งนั้นแหละ ชิ! คนแรกที่ควรได้สัมผัสร่างกายสวยงามของฉันควรจะคนที่ชอบแท้ๆ เหอะ!"
ได้ยินเธอพูดแบบนั้นเล่นเอาไอ้ความรู้สึกผิดและอยากจะรับผิดชอบมันจางหายไปทันที เหลือไว้แต่ความหมั่นไส้และหงุดหงิดเพียงเท่านั้น เหอะ! คนที่ชอบเหรอ คงเป็นไอ้ผู้ชายคนนั้นสินะ
"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุแล้วกัน เราต่างคนก็ต่าง 'ทำ' ให้กันไปแล้ว เพราะฉะนั้นถือว่าหายกันนะ"
"นายจะไม่บอกใครเรื่องนี้ใช่ไหม ฉันไม่อยากให้ใครรู้"
ปลายเสียงเบาหวิวราวกับว่าเธอพูดคนเดียว แต่ผมรู้ครับต้องการสื่ออะไร คนอื่นที่ว่าก็ไอ้รุ่นพี่คนนั้นสินะ
"อืม ไม่บอกใครหรอก พี่ไม่ใช่คนปากมาก"
"..."
"ถ้าเธอยอมทำตามที่พี่บอกดีๆ "
ลูกแพร์ที่ยิ้มหวานในตอนแรกกลับมาตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกครั้ง พลางตวาดใส่ผมกลับมาด้วยท่าทีแข็งขืน
"กะแล้วเชียว ว่าไอ้คนเจ้าเล่ห์แบบนายมันต้องมีความคิดชั่วๆ ในหัวอีกแน่ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่านายไม่มีทางได้แอ้มในสิ่งที่หวังไว้แน่"
ไอ้ท่าทีเกรี้ยวกราดของเธอในตอนนี้มันดูน่ารักเกินกว่าจะน่ากลัวเสียเหลือเกิน ทำเอาผมนึกสนุกอยากปลุกปั่นมันขึ้นมามากกว่าเก่า เลยทำทีเป็นเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เธอที่กระถดหนีไปเรื่อยๆ สีหน้าอวดดีเปลี่ยนเป็นวิตกอย่างเห็นได้ชัด
"อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ นะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณพ่อคุณแม่!"
"แล้วเธอคิดว่าพี่จะทำอะไรล่ะ"
"คนหื่นแบบนายจะคิดอะไรได้นอกจากจะจับฉันกินน่ะ!"
ผมอดไม่ได้ต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินวาจาที่แสนร้ายกาจนั่น ในขณะที่แม่สาวน้อยยิ่งมองผมตาเขียวจนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
"ขำบ้าอะไร! "
"ก็ขำความมโนของเธอน่ะสิ พี่บอกสักคำแล้วรึไง ว่าจะขอเอาเธอน่ะ เอ๋! หรือว่าจริงๆ แล้วเธอ...คาดหวังอยู่"
มือคู่สวยของเธอผลักหน้าผมจนแทบหงายหลัง ใบหน้ารูปไข่แดงก่ำจากความเขินอาย หรือว่ากำลังโกรธสุดๆ กันนะ
"เอาเป็นว่าข้อเสนอของพี่คือเธอต้องตั้งใจเรียนพิเศษกับพี่ทั้งวิชาและว่ายน้ำ ห้ามคิดหนี ห้ามงอแง ไม่อย่างนั้น....เรื่องที่เธอทำเมื่อกี๊ ได้รู้ถึงหูคนอื่นแน่"
"นี่...อย่ามาขู่นะ! มันก็เรื่องปกติของคนทั่วไปไหมย่ะ! ช่วยตัวเองมันผิดนักหรือไง หรือว่านายไม่เคย!"
"เคย บ่อยด้วย แต่ที่แน่ๆ แต่เวลาทำพี่ล็อกประตูแน่นหนาก็แล้วกัน อีกอย่างถึงมันจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้านายหมอกอะไรนั่นรู้ว่าเธอ..."
"อ๊ายย ไอ้บ้า! หยุดพูดเลยนะ เรียนก็ได้! ยอมแล้ว"
เธอว่าจบแล้วสะบัดหน้าหนีแทบจะทันที แต่ผมก็ไม่สนหรอกครับ เพราะแค่ตอนนี้ปราบพยศเธอให้ยอมมาเรียนได้ก็พอ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ภาพของเด็กสาวแสนดื้อที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทบทวนบทเรียนทำผมอดยิ้มกริ่มออกมาด้วยความภูมิใจไม่ได้ ลูกแพร์ทำตามอย่างที่สัญญากับผมไว้จริงๆ เธอยอมเข้าเรียนโดยที่ไม่มีบิดพลิ้วสักนิด ก็แน่สิครับ จะกล้ามาหือกับผมเหรอ
ระหว่างที่ลูกศิษย์ของผมกำลังนั่งทบทวนวิชาเรียนอยู่นั้น เสียงมือถือก็ของเธอก็ร้องดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทีแรกเธอมองมาทางผมเหมือนไม่กล้ารับแล้วสายก็ถูกตัดไป แต่อีกประเดี๋ยวก็ดังขึ้นมาอีกหลายๆ รอบจนผมนึกรำคาญ
"ถ้าจะรัวยังกับเจ้าหนี้โทรตามแบบนี้ก็รับเถอะ แต่อย่าคุยนานก็แล้วกัน"
เธอยิ้มออกมาจนตาหยีพลางกดรับสายแล้วกรอกเสียงหวานที่ผมแทบไม่เคยได้รับลงออกไป
"ค่ะ พี่หมอก อ๋อ...แพร์ไม่ได้ไปหรอกค่ะ พอดีติดอ่านหนังสือ เอ่อ...ไม่ใช่นะคะ แพร์อยากไปเที่ยวกับพี่นะคะแต่ว่ามันไม่สะดวกจริงๆ เอาเป็นว่าวันเสาร์นี้....อุ๊ย!"
ที่เธอร้องอุทานออกมาน่ะไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ ก็แค่ผมเสียมารยาทดึงมือถือของเธอออกมาจากหูก็เท่านั้นเอง ช่วยไม่ได้นะอยากมาทำหวานขวางหูขวางตาผมทำไมล่ะ
"หมดเวลาคุยแล้ว อ่านหนังสือต่อ!"
"ทำไมนายถึงเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้!"
"ฉันต้องทำเพราะไม่อย่างนั้นเธอจะมัวแต่คุยจนไม่ได้เรียน"
"โธ่เว้ย! เอาแต่วางอำนาจอยู่นั่นแหละ น่ารำคาญชะมัด!"
คงเพราะเธออยู่ในอารมณ์โกรธที่ถูกผมบีบเลยตวาดกลับมาทั้งพยายามจะมายื้อแย่งเอามือถือคืนไป
"หึ! งั้นก็ห้ามคุย ห้ามแชท แล้วกลับไปอ่านหนังสือ"
ริมฝีปากบางบ่นอุบอิบออกมาแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย ความเงียบจึงก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ต่างจากภายในใจของผมที่ยังไม่สงบลงดีจากภาพที่เธอคุยโทรศัพท์กับคนอื่น มันรบกวนจนผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามเธอขึ้นมา
"ยัยอ้อมบอกว่าช่วงนี้เธอกับรุ่นพี่คนนั้น ขยับขั้นกันขึ้นมาอีกเหรอ หมายถึงเป็นแฟนกันแล้วหรือไง"
"อยากรู้ไปทำไม แล้วนี่ไปหลอกถามน้องตัวเองมาอีกล่ะสิ เพราะคุณเพื่อนคงไม่เผาฉันง่ายๆ แน่"
"ไม่ได้อะไรหรอก แค่ถามเฉยๆ เพราะถ้าเธอติดผู้ชายมากกว่านี้ มันจะกระทบกับการเรียน ตกลงไปถึงขั้นไหนกันแล้ว"
เธอเขิน ผมดูออก เพราะมือคู่เล็กนั่นเล่นกำหน้าหนังสือจนแทบขาดแล้วแถมยังกุมหน้างุดไม่ยอมสบตาอีก
"ถึงขึ้นไหนบ้าอะไรล่ะ ก็แค่ยังคุยๆ กันเอง"
"เหรอ งั้นก็ดี ตั้งใจอ่านหนังสือต่อเถอะ เผื่อพี่อาจจะใจดีให้เธอพักสักวัน"
คราวนี้เธอหันมายิ้มแฉ่ง แววตาเปล่งประกายฉายชัดแทนความรู้ได้เป็นอย่างดี
"งั้นถ้าแพร์ ตั้งใจเรียนวันเสาร์นี้..."
"ได้สิ เสาร์อาทิตย์ไม่ต้องติวหนังสือ"
เธอปรบมืออย่างคนดีอกดีใจแต่แล้วก็พลันกลับมาชักสีหน้าราวกับอยากจะฆ่าผมเสียอย่างนั้น โดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ก็แค่พูดว่า....
"ไม่ต้องติว แต่ไปเรียนว่ายน้ำแทน"
*****