หลังจากที่ออกมาจากร้านสุกี้ เอมมี่เข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ร้านที่เธอเข้านานที่สุดคงจะเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่เธอใช้เป็นประจำ เธอจึงสั่งซื้อหลายอย่างเล่นเอาแทบจะหมดทั้งเคาน์เตอร์ รวมทั้งน้ำหอมทั้งหญิงและชาย พนักงานขายก็ใจดีไม่แม้แต่จะถามว่านางร้ายอย่างเธอซื้อไปทำไมเยอะแยะ ยังมีร้านเครื่องประดับและร้านทอง ร้านทองนั้นเธอแทบจะเหมาทุกร้านเลย
เมื่อจัดการซื้อของทุกอย่างครบแล้ว ร้านสุดท้ายที่เธอจะซื้อคือร้านหนังสือเธอเลือกหนังสือหาความรู้หลายอย่างแม้แต่หนังสือเรียนเธอก็ซื้อ ต่อให้คนละยุคก็คงจะคล้ายๆ กัน มากที่สุดที่เธอเลือกมาคงเป็นหนังสือนิยาย และหนังสือทำอาหารหนังสือปลูกผัก แม้แต่หนังสือทำปุ๋ยหมักเธอก็ซื้อไป เมื่อได้ของครบทุกอย่างแล้วจริงๆ เอมมี่ก็รีบกลับบ้าน
หลังจากนั้นแต่ละวันเธอจะไปคอยอยู่ที่โกดังเพราะของแต่ละอย่างมาทยอยส่ง มีบางอย่างที่นัดไว้ยี่สิบวัน เธอค่อยกลับมาเอาอีกที วันนี้เธอผ่านร้านหมูหันเจ้าดังเธอก็ลงไปสั่งอีกห้าร้อยตัว เธอเอาไว้กินเองและสำหรับคนในครอบครัวที่เธอกำลังจะไป ยังมีร้านขายซาลาเปาและร้านรายทางอื่นๆที่เธอเห็นว่าน่ากินก็จะลงมาสั่งก่อนจะให้ไปส่งที่โกดัง มีร้านไหนบ้างไม่ชอบเธอสั่งแต่ละร้านนั่นคือยอดขายทั้งเดือนเลย
หลายวันก่อนเอมมี่ได้เขียนพินัยกรรมไว้หมดแล้วว่าอะไรยกให้ใครบ้าง เธอได้มอบคอนโดและเงินก้อนหนึ่งให้กับลูกตาลสาวน้อยที่ดีกับเธอตลอดมา ส่วนคฤหาสน์ที่เอมมี่อยู่นั้นเธอได้ให้ป้าแม่บ้านและครอบครัวอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือได้มอบบ้านและเงินให้อีกจำนวนหนึ่งเพิ่มให้ แม้แต่พงษ์หรือซูซี่เพื่อนสนิทอีกคนเธอก็มอบคอนโดให้ แต่สำหรับลูกตาลนั้นเธอขอให้สาวน้อยคนนี้ช่วยดูแลคุณลุงคุณป้าต่อจากเธอด้วย
ตอนนี้ของทุกอย่างนั้นมาส่งเรียบร้อยแล้วและพื้นที่ในมิติก็ยังใส่ของได้อีกมากมาย เธอเลยไปดูบ้านน๊อกดาวน์มาห้าหลังพร้อมกับวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้านทั้งหลายมาใส่เพิ่มเข้าไป แม้แต่อุปกรณ์การเกษตรและต้นอ่อนของผลไม้รวมถึงเมล็ดผักต่างไปอีกมากมาย ต้นอ่อนผลไม้ที่เธอซื้อมานั้นหากว่าจะปลูกคงจะปลูกได้หลายร้อยไร่เลยทีเดียว แต่พื้นที่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเต็ม ในใจของเธอนั้นคิดเพียงว่าหากคฤหาสน์หลังนี้ตามเธอไปด้วยก็คงจะดี
เมื่อใกล้เวลาที่เธอจะไปแล้ว เธอใช้เวลาที่เหลืออยู่กับคุณลุงคุณป้าและพี่พี เธออยากเก็บภาพนี้ในความทรงจำไว้ทั้งหมด เธอรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เปิดพินัยกรรมของเธอขึ้นมา ญาติทั้งหลายก็คงจะมีการเข้ามาวุ่นวายกับพวกท่านแน่ๆ เพราะเธอไม่ได้เขียนอะไรให้กับญาติเลย
เอมมี่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ และแต่ละคืนเธอยังฝันเห็นสาวน้อยที่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอแซ่หลี่ ชื่ออิงอิง หลายวันที่ผ่านมานี้เธอเห็นว่าสาวน้อยคนนี้เหมือนจะป่วย เพราะว่าญาติผู้พี่และป้าสะใภ้ใช้งานเธอไม่หยุดหย่อนไหนจะงานในคอมมูนอีก เอมมี่ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าทำยังไงถึงจะช่วยสาวน้อยหลี่อิงอิงคนนี้ได้ อยากจะรู้เหลือเกินว่าสถานที่แห่งนี้มีใครบ้างที่ดีกับหลี่อิงอิง
และคืนนั้นเองที่เอมมี่นอนหลับเป็นปกติ จากนั้นนางร้ายคนนี้ก็ไม่ตื่ขึ้นมาอีกเลย
“โอ๊ย! ทำไมปวดตัวแบบนี้ล่ะ เหมือนกับโดนใครทุบตีมาอย่างนั้นแหละ”
เอมมี่ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองได้ทะลุมิติมาแล้วพูดขึ้น แต่แล้วเธอกลับปวดหัวแทบจะระเบิด ภาพและความทรงจำต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอทำให้เอมมี่รู้ได้ว่าเธอเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยหลี่อิงอิงคนนี้แล้วนี่เอง
ร่างนี้ชื่อว่าหลี่อิงอิงอายุเพียงสิบหกปี เธอเรียนอยู่มัธยมต้นแต่เรียนยังไม่ทันจบ เมื่อพ่อแม่จากไปก็ไม่มีโอกาสได้เรียนอีกเพราะว่าลุงคนที่สองของพ่อนั้นได้บอกกับคนเป็นปู่และย่า ว่าต้องการจะมาดูแลหลานสาวที่เหลือตัวคนเดียวอย่างหลี่อิงอิง
โดยที่คนเป็นปู่และย่านั้นก็ไม่ห้าม เพราะคิดว่าลูกชายคนรองคนนี้ขอแยกบ้านมาเพื่อดูแลหลานสาวจริงๆ ต่อให้รักและเป็นห่วงหลานสาวยังไง ก็ยังมีใจเอนเอียงไปยังลูกชายคนรองมากกว่า ไม่ใช่คนเป็นปู่และย่าจะไม่รู้เรื่องว่าหลานสาวคนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกท่านทำได้เพียงแต่หลับตาไม่รับรู้เรื่องของบ้านหลังนี้
“ฉิบหายแล้วไงยายเอมมี่ ดันเข้าทะลุมิติเข้ามาในครอบครัวนี้ บรรลัยละทีนี้”
“เอาไงต่อไปดีหว่า ตอนนี้แกต้องเรียกตัวเองว่าหลี่อิงอิงก่อนจะได้ไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร แล้วนี่มันที่นอนคนเหรอวะ ตายๆ แต่ไม่เป็นไรสาวน้อย พี่ขอให้เธอจากไปยังภพภูมิที่ดี และขอให้เจอกับพ่อและแม่ที่อยู่บนสวรรค์นะ พี่สัญญาว่าจะใช้ร่างของเธอให้ดีที่สุดและจะทำความฝันเรื่องเรียนของเธอเอง”
ในความทรงจำของเอมมี่เธอรู้เลยว่าสาวน้อยคนนี้รักการเรียนและเรียนเก่งแค่ไหน เมื่อเอมมี่พูดจบสายลมวูบหนึ่งก็พัดผ่านเข้ามาทำให้รู้ได้ว่าวิญญาณของหลี่อิงอิงนั้นรับรู้แล้ว
“ส่วนเรื่องบ้านและคนที่นี่พี่ขอเป็นคนจัดการคนที่ทำร้ายเธอจนต้องตายจากไปให้เอง พี่สัญญา รวมถึงจะเรียกคืนบ้านหลังนี้ของพ่อแม่กลับมาด้วย”
เอมมี่คิดว่าวันนี้เธอต้องพักผ่อนเอาแรงก่อน จากนั้นก็หยิบยาแก้ปวดและแก้อักเสบออกมากิน แต่แล้วสิ่งที่เธอเห็นในมิตินั้นกลับมีคฤหาสน์หลังงามของเธอรวมถึงรถยนต์ที่จอดเรียงรายมาด้วย เอมมี่ได้แต่ตกตะลึงและดีใจอย่างน้อยก็ให้เธอมีที่ซุกหัวนอนแล้วละคืนนี้ หลังจากกินข้าวกินยา เอมมี่นอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย
เช้าวันถัดมา เธอรู้ดีว่าหลี่อิงอิงนั้นจะต้องตื่นทำอาหารเช้าไว้ให้ทุกคนและต้องให้อาหารไก่ รวมไปถึงทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะไปทำงานในคอมมูน แต่ว่าหลี่อิงอิงคนใหม่นี้ไหนเลยจะสนใจเหรอ ฝันไปเถอะ เอมมี่อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดผ้าสีเรียบที่เธอซื้อมาไว้ในมิติ พอจะเข้ากับยุคนี้ได้บ้าง
เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เดินออกมาเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปบ้านสหายที่สนิทของร่างนี้ แต่ยังไม่ทันออกมาพ้นประตูห้องที่ใช้ซุกหัวนอนก็มีเสียงอันแหลมปรี้ดส่งเข้ามาในโสตประสาทของเธอ
“นังอิงอิง นี่ทำไมแกยังไม่ทำอาหารเช้าอีก แล้วเสื้อผ้าใหม่พวกนี้แกเอามาจากไหน”
หลี่เหยาลูกสาวคนโตของบ้านรองหลี่ส่งเสียงมาแต่ไกลจนเธอมายืนอยู่ตรงหน้าของหลี่อิงอิง
หลี่อิงอิงนั้นใช้สายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะนึกได้ว่านี่คือลุกพี่ลูกน้องของเธอ ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“มีมือมีเท้าเหมือนกัน ไม่ใช่คนพิการเสียหน่อย ทำเองไม่เป็นหรือยังไง ถ้าทำไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่ทำอะไรให้เธอและครอบครัวของเธออีกแล้ว”
“แก แกนังอิงอิง ฉันจะฟ้องพ่อ แม่ ว่าแกกล้าเถียงฉัน” หลี่เหยาไม่คิดว่าหลี่อิงอิงที่สุดแสนจะขี้ขลาดจกล้าย้อนเธอแบบนี้
“เชิญรีบไปฟ้องเลย แต่ฉันไม่รอนะเสียเวลา เพราะฉันมีธุระ ส่วนงานบ้านอย่างอื่นก็ทำเองด้วยล่ะ สบายมานานแล้วนี่”
หลี่อิงอิงพูดจบก็ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องที่ตามหลังมา เพราะเธอต้องการที่จะไปพบกับสหายเพื่อที่จะถามเรื่องเรียนต่อ เธอตั้งใจว่าจะเข้าในเมืองเพื่อที่จะสอบถามอีกที และสหายคนนี้ก็เรียนไม่จบเหมือนกันเพราะต้องแยกบ้านออกมาจากครอบครัวใหญ่พ่อแม่จึงไม่มีเงินพอที่จะส่งเสีย
วันนี้หลี่อิงอิงแต่งหน้าแบบบางเบาถึงแม้ว่าร่างนี้จะเป็นคนสวยมากแล้วก็ตาม แต่สำหรับเอมมี่ที่เข้ามาอยู่นั้นเธอกลับมองว่ามันซีดจนเกินไปคงต้องบำรุงอีกเยอะ จึงได้แต่งหน้าแบบนี้ เมื่อมาถึงก็เจอกับพ่อของสหายอย่าง ลุงคังเทียน และป้าเหมย พ่อแม่ของเสี่ยวหลินสหายของเธอ