ไลน์
Rachan : ผมถึงที่ทำงานแล้วนะครับที่รัก
Care : ตั้งใจทำงานนะคะ เย็นนี้แคร์จะทำของโปรดคุณให้ทาน อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ
Rachan : อะไรที่แคร์ทำชินกินได้หมดครับ กินแคร์แทนข้าวยังได้เลย อยากให้ถึงเย็นนี้เร็วๆจังเลยครับ เมื่อไหร่จะมืดนะ...
Care : อย่าเวอร์...พึ่งจะห่างไม่ถึง ชม. เลยด้วยซ้ำ
Rachan : ก็มันจริงหนิ ชินอยากกลับไปนอนกอดเมียจะแย่แล้ว (ส่งสติกเกอร์จุ๊บ)
Care : (ส่งสติกเกอร์กอด) งั้นก็รีบเลิกงานเร็วๆนะคะ เดี๋ยวเย็นนี้มีรางวัลเด็กดีค่ะ
Rachan : ว๊าว...แค่คิดก็คอแห้งรอแล้วที่รัก (ส่งสติกเกอร์ยั่วอารมณ์)
Care : เดี๋ยวเหอะ...แคร์ไม่คุยกับชินแล้ว ทำงานดีกว่า
Rachan : อย่าลืมกินข้าวตอนเที่ยงด้วยนะ อย่ามัวแต่ทำงาน ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ไม่ได้เป็นหมอแต่เป็นห่วงนะ...
Care : หลงแล้วค่ะ แค่นี้ก็หลงหนักมากแล้วค่ะ หาทางออกไม่เจอแล้ว หยุดหยอดคำหวานๆได้แล้วค่าาา (ส่งสติกเกอร์บ๊ายบาย)
ชิน
หลังจากที่ผมไลน์รายงานคนตัวเล็กเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้แต่นั่งยิ้มให้กับโทรศัพท์เหมือนคนบ้า นี่สินะอาการของคนคลั่งรักที่แท้ทรู แต่อาการของผมตอนนี้น่าจะหนักกว่านั้นไปไกลแล้วล่ะ
แคร์
หลังจากที่วางสายจากชินแล้ว ฉันก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวไปสักพักใหญ่ ขนาดอยู่ด้วยกันมานานแล้ว ฉันก็ยังเขินเขาไม่หายสักทีก็เขาเล่นทำตัวน่ารักตลอดเวลาจะหายเขินได้ยังไงอยู่ด้วยกันก็เหมือนคบกันใหม่ๆไม่มีผิด หยอดคำหวานทุกวันทุกเวลา แล้วจะไม่ให้รักไม่ให้หวั่นไหวยังไงไหว
ในขณะที่ฉันทำงานไปเรื่อยๆ จนตอนนี้กำลังใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว ทุกคนต่างเก็บของเตรียมตัวที่จะกลับบ้านฉันก็เช่นกัน วันนี้ว่าจะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อที่จะซื้อของสดเข้าไปทำอาหารรอชินกับห้อง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมาซะก่อน แล้วคนปลายสายที่โทรมาก็คือคุณแม่ของฉันเอง
" สวัสดีค่ะคุณแม่ โทรมาเวลานี้มีอะไรหรือเปล่าคะ "
แคร์ทำหน้าสงสัยเล็กน้อยเพราะปกติแม่ของเธอจะโทรมาหาในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของเธอ แม่ของเธอจะไม่ค่อยโทรมาในเวลาที่เธอทำงานสักเท่าไหร่เพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนเวลางานของลูก
" แม่คิดถึงลูกน่ะก็เลยโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบน่ะลูก "
คุณหญิงอุมายังคงไม่กล้าที่จะเล่าความจริงให้กับลูกได้ฟัง เกี่ยวกับปัญหาครอบครัวที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
" ปกติคุณแม่ไม่เคยโทรมาเวลานี้เลยนะคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ บอกแค่ได้ไหม เผื่อว่าแคร์จะช่วยอะไรได้บ้าง "
คนตัวเล็กพูดออกไปอย่างรู้ทัน เพราะแม่ของเธอถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็จะไม่เล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้ฟัง
" คือตอนนี้ครอบครัวของเรากำลังเกิดปัญหาที่ยังหาทางแก้ไม่ออกน่ะลูก ตอนนี้มองเห็นทางเดียวที่จะแก้ได้คือแคร์ต้องเป็นคนช่วยครอบครัวของเรา "
คุณหญิงอุมายังคงอ้อมค้อมไม่กล้าพูด
" นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะ ครอบครัวของเราเกิดปัญหาอะไร แล้วแคร์จะช่วยอะไรได้บ้างคะ "
เธอถามออกไปอย่างร้อนใจ ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกของเธอเหมือนมีลางบอกเหตุว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้
" คือตอนนี้ธุรกิจที่บริษัทของเรากำลังจะล้มละลาย เพราะคุณพ่อบริหารงานผิดพลาดหุ้นส่วนที่เคยไว้ใจกันก็พาลถอนหุ้นจนจะหมดแล้ว แล้วเลขาของคุณพ่อที่คุณพ่อไว้ใจมากๆก็มาโกงเงินของคุณพ่อไปจนเกือบจะหมดตัวเลยลูก ที่สำคัญเราก็ไม่มีหลักฐานไปเอาผิดเขาด้วย เพราะพวกเขาได้ทำลายมันไปหมดแล้ว "
คุณหญิงอุมาตัดสินใจเล่าปัญหานี้ให้กับลูกสาวได้ฟัง
" ห๊ะ!!! ล้มละลายหรอคะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมคุณแม่ถึงพึ่งมาบอกแคร์ล่ะคะ "
เธอตัดพ้อออกไปอย่างน้อยใจและนึกถึงทางครอบครัวว่าเกิดปัญหามาขนาดนี้แล้วยังกลัวว่าเธอจะไม่สบายใจอยู่อีก กลับกันเธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขโดยไม่ได้รับรู้ถึงปัญหาของครอบครัวเลย
" ตอนที่ทางบ้านเราเกิดปัญหาใหม่ๆแคร์ก็กำลังจะเรียนจบ ป.โทที่นั่นพอดี แม่ไม่อยากเอาปัญหาไปให้ลูกต้องหนักใจเพิ่มอีก แต่ตอนนี้ลูกเรียนจบแล้วแม่อยากให้ลูกกลับมาบ้านเรา "
คุณหญิงอุมาบอกความต้องการออกไป เธอก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยเพราะสิ่งเดียวที่จะทำให้ครอบครัวอยู่ต่อไปได้ก็คือลูกสาวของเธอต้องแต่งงานเพื่อพยุงกิจการเท่านั้น เพราะตอนนี้ที่บ้านถังแตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
" แล้วแม่อยากให้แคร์ทำอะไรคะ "
" เพื่อนของคุณพ่อชื่อคุณลุงนิติลูกยังจำได้อยู่ใช่ไหม "
" จำได้ค่ะ "
" คุณลุงนิติเขาจะยื่นมือมาช่วยเรา เขารู้สถานการณ์ทางการเงินของบ้านเราดี แล้วเขาเต็มใจที่จะช่วยแต่ต้องแลกกับการที่แคร์หมั้นหมายและแต่งงานกับลูกชายบ้านเขา "
" หมั้น!!! "
แคร์ตกใจจนแทบสติหลุด นี่แม่จะให้เธอหมั้นกับผู้ชายที่เธอไม่ได้เจอหน้ามาเป็นสิบปีเนี่ยนะ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้จักเขาแต่นั่นมันก็นานมากแล้วตั้งแต่เด็กๆหลังจากที่พี่ธามย้ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
" ใช่ลูก ตาธามก็จะกลับไทยในอาทิตย์หน้า คุณลุงนิติเลยอยากให้เราทั้งสองครอบครัวได้มารู้จักกันและให้ลูกทั้งสองคนได้ทำความรู้จักกันก่อนที่จะแต่งงานกันนะลูก "
แคร์เมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็แทบช็อคไปเลย ไม่รู้ว่าจะตกใจอะไรก่อนดีทั้งครอบครัวกำลังจะล้มละลาย ธุรกิจมีปัญหาโดนโกง ที่บ้านถังแตกหรือแม้กระทั่งเธอจะต้องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจและเพื่อล้างหนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดจะทำเลยแต่ด้วยสถานการณ์ทางบ้านตอนนี้เธอจำเป็นที่จะต้องกลืนน้ำลายตัวเองและช่วยเหลือทุกคนก่อนเพราะไม่ใช่แค่พ่อกับแม่ของเธอที่รอการช่วยเหลือแต่หมายถึงทุกคนในบ้านซึ่งรวมถึงสาวใช้และพนักงานในบริษัททุกคนที่ยังต้องกินต้องใช้แต่ละคนก็มีภาระด้วยกันทั้งนั้นแล้วเธอจะมาเห็นแก่ตัวเห็นแก่ความสุขส่วนตัวแบบนี้ได้ยังไง เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นจึงตอบกับผู้เป็นมารดาไปทันที
" ก็ได้ค่ะแล้วแคร์จะรีบกลับไป เราค่อยไปคิดหาทางออกกันทีหลังนะคะเดี๋ยวอีกสักสามวันแคร์จะรีบกลับไปเลยค่ะ ขอเวลาให้แคร์ได้เคลียร์ปัญหาที่นี่สักหน่อยนะคะ "
เคลียร์เรื่องราวที่นี่ของแคร์ที่ว่าหมายถึงเธออยากตักตวงช่วงเวลาแห่งความสุขกับราชันย์ให้ได้มากที่สุดก่อนที่เธอจะต้องไปตอบแทนบุญคุณของบิดาและมารดา
" แม่ขอบใจลูกมากเลยนะที่ลูกเห็นแก่ความสุขของคนที่อยู่ข้างหลังมากกว่าความสุขของตัวเอง แม่รู้นะลูกว่าลูกจะต้องฝืนใจแต่งงานกับคนที่ลูกไม่ได้รัก แต่การแต่งงานของลูกจะเกิดประโยชน์กับคนอีกเป็นร้อยเป็นพัน พนักงานทุกคนที่อยู่ในความดูแลของเรา เรารักเขาเหมือนครอบครัวลูกเข้าใจใช่ไหม "
คุณหญิงอุมากดดันลูกสาวทุกทาง จริงอยู่ที่บริษัทของครอบครัวเธอดูแลพนักงานเหมือนเป็นคนในครอบครัว แต่เหตุผลที่แท้จริงของคุณหญิงอุมาก็คือเธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นไฮโซตกอับ เพราะเธอชินชากับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาทั้งชีวิตจะให้ไปลำบากก็คงจะทำไม่ได้ แล้วคุณหญิงอุมาก็มีความคิดที่ว่าหากลูกสาวได้แต่งงานกับคนรวยๆสักคน จะทำให้ลูกสาวไม่ลำบากในอนาคต คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดีว่าถ้าอยู่กับความจนจากคนที่เคยมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือมาก่อนมักจะอยู่ไม่ค่อยได้ ไม่ว่าใครจะมองเธอยังไงก็ตามแต่เธอก็รักลูกสาวมากและไม่อยากให้ลูกสาวจะต้องมาลำบากในอนาคต
" หนูเข้าใจค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะเพราะหนูกลับไปแล้วบางทีเราอาจจะมีวิธีที่จะพยุงธุรกิจของเราโดยที่ไม่ต้องพึ่งคุณลุงนิติเลยก็ได้ค่ะ "
" จากสถานการณ์ตอนนี้บ้านเราถังแตกแล้วคงไม่มีเงินทุนมากพอที่จะไปกู้วิกฤตในบริษัทได้หรอกลูก มีทางเดียวคือเราต้องมีเงินก้อนเพื่อที่จะให้ลูกมาเริ่มบริหารงานอย่างเต็มตัว ซึ่งเงินก้อนนั้นก็มาจากทางลุงนิติได้เพียงทางเดียว "
" แคร์ไม่มีทางเลือกอื่นเลยใช่ไหมคะคุณแม่ "
" แม่ขอโทษลูกแม่ขอโทษ พ่อกับแม่บริหารงานผิดพลาดทำให้ลูกต้องมาพลอยลำบากไปด้วยแบบนี้ แม่เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ "
คุณหญิงอุมาบีบน้ำตาแล้วทำท่าทางเศร้าสุดกำลังเพื่อให้ลูกสาวได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
" คุณแม่อย่าเป็นกังวลเลยนะคะ ยังไงซะแคร์ก็ต้องช่วยเหลือครอบครัวของเราอยู่แล้วค่ะแคร์ขอเวลาแค่สามวันเท่านั้นค่ะ แล้วแคร์จะรีบกลับไปแค่นี้ก่อนนะคะคุณแม่ "
หลังจากนั้นคนตัวเล็กก็วางสายจากผู้เป็นมารดาแล้วนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองสักพักใหญ่ ในขณะที่ตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกงานแล้ว แล้วทุกคนก็ออกไปจากบริษัทแล้วเช่นกัน เธอนั่งอยู่แบบนั้นโดยไม่รู้ว่าจะหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไงถ้าหากเอาเรื่องนี้ไปบอกกับชิน เขาก็คงจะช่วยเธอไม่ได้อยู่แล้วเพราะชินไม่ใช่คนร่ำรวยมาจากไหน ถ้าบอกว่าเธอจะต้องไปแต่งงานกับคนอื่นเพื่อล้างหนี้ เขาคงไม่ให้เธอไปแน่ๆและอาจจะมองเธอเปลี่ยนไปเลยก็ได้ และทางออกที่เธอพอจะนึกออกในตอนนี้และเป็นวิธีเดียวที่จะทำได้เลยก็คือการออกมาจากชีวิตของเขาเงียบๆ แต่ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่เธอขอตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุดก่อนได้ไหม เธอยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าหากจะต้องเลิกกันไปจริงๆแล้วเธอจะเสียใจแค่ไหนเธอจะอยู่ได้หรือเปล่า เพราะว่าเธอเองก็รักชินไปไม่น้อยกว่าที่ชินรักเธอเลยเช่นกัน
" แคร์จะทำยังไงดีคะชิน แคร์ไม่รู้ว่าแคร์จะต้องแก้ปัญหานี้ยังไงดี ถ้าชินเป็นผู้ชายที่แคร์จะต้องแต่งงานด้วยคนนั้นก็คงดี ถ้าชินเกิดมามีฐานะร่ำรวยทุกอย่างก็คงจะดูง่ายกว่านี้สินะ "
แคร์ได้แต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่แบบนั้นจนเวลาล่วงเลยตอนนี้ก็หกโมงเย็นกว่าแล้วเธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นและเดินออกจากบริษัทเพื่อไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตไปซื้อของสดแล้วมาทำอาหารอร่อยๆให้เขาทานก่อนที่เธอจะไม่ได้มีโอกาสทำแบบนี้กับเขาอีกแล้ว