EP.01

1219 Words
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน ‘พงศกร’ ควักเอาผ้าเช็ดหน้าที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงเดินป่าแบบลวกๆ ขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลต่างน้ำ            กว่า 2 ชั่วโมงแล้วที่เขาเดินหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้และยังมองไม่เห็นทางออก นึกโทษตัวเองที่มัวแต่ส่องนกเพลินจนพลัดหลงกับเพื่อนและพรานป่านำทาง แต่ประสบการณ์เข้าป่าที่พอมีอยู่บ้างก็สอนให้เขาต้องเงี่ยหูฟังเสียงรอบด้าน เขาต้องฟังเสียงน้ำ เสียงสัตว์ และเสียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นรอบตัว เพราะนั่นจะทำให้เขาได้เจอกับเพื่อนๆ และพรานป่าที่กำลังออกตามหาเขาอยู่ก็ได้            แต่ยิ่งเดินเข้ามาลึกเขาก็ยิ่งถอดใจและคิดว่าไม่น่าเลย เพราะเขาควรจะหยุดรออยู่ตรงจุดที่หลง เพื่อรอให้คนอื่นเดินมาพบ ไม่ควรตัดสินใจเดินตามร่องรอยที่เพื่อนทิ้งไว้เลย แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว เพราะความอึมครึมที่คืบคลานเด่นชัดคือสัญญาณบ่งบอกว่าเวลานี้ใกล้ค่ำเต็มทน            หากเป็นในเมืองกรุง เวลานี้ผีเสื้อราตรีคงเพิ่งตื่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโผบินในยามค่ำคืน แต่สำหรับป่า สัตว์หากินยามค่ำคืนก็คงเพิ่งตื่นเช่นเดียวกัน และอาหารของพวกมันก็คงไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างเคยแน่ เพราะร่างกายสูงใหญ่ของเขาคงกินได้อิ่มไปหลายมื้อทีเดียว ทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิตในป่านี้ได้ก็คือ เดินต่อไปและสังเกตเสียงรอบด้านไปด้วย            แต่แล้วสีหน้าของพงศกรก็ดีขึ้นเมื่อเสียงหนึ่งดังอยู่ไม่ไกล เขาแน่ใจว่าเป็นเสียงของน้ำตก น้ำเป็นสัญญาณของการกำเนิดชีวิต เมื่อมีน้ำก็ต้องมีคน และเขาอาจเจอเพื่อนกับนายพรานที่นั่นก็ได้ คิดแล้วก็ไม่รอช้าพงศกรรีบก้าวเดินไปยังจุดนั้นในทันที แม้ร่างกายจะอ่อนล้ามากแค่ไหน แต่เสียงน้ำที่ดังชัดมากขึ้นก็เร่งเร้าให้เขาไปให้ถึงโดยเร็ว            ลำธารขนาดเล็กที่มีฝายชะลอน้ำขวางกั้นทำให้พงศกรยิ้มกว้าง เพราะมีฝายก็แปลว่าใกล้แหล่งชุมชน เขาอาจเดินหลงจนย้อนกลับเข้ามาในเขตหมู่บ้าน หรือไม่ที่นี่ก็อาจเป็นหมู่บ้านของพวกพรานป่าก็ได้ สองเท้ารีบก้าวเร็วไว ทั้งดีใจและอ่อนล้าเสียจนอยากพัก หิวจนเสียงโครกครากในท้องเร่งเร้าว่าเลยเวลาอาหารมาจวนเจียนจะ 2 มื้อ            ทว่าเสียงหวานที่ดังแว่วมาจากธารน้ำข้างหน้ากลับทำให้ความโหยหิวจางหาย ก่อนหัวคิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากัน            “ลา... ล้า... ลาล่าลาล้า...”            “เสียงผู้หญิงร้องเพลง” พึมพำกับตัวเองพร้อมรอยยิ้มอย่างอิดโรยปรากฏขึ้นบนใบหน้า เพราะเขารอดตายแล้วจริงๆ มีเสียงคน แปลว่ามีหมู่บ้าน            ทว่าสิ่งที่พงศกรเห็นกลับทำให้เนื้อกายของเขาเย็นวาบไปทั้งร่างตั้งแต่ปลายเท้าจดศีรษะ ก่อนจะร้อนวูบวาบจนเขาแทบอยากจะสลัดไล่เสื้อผ้าที่ขวางกั้นเกะกะเนื้อกายไปเสียให้พ้น เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือ เรือนร่างด้านหลังของหญิงสาวที่งดงามและสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เธอยืนอยู่กลางลำธารที่มีน้ำสูงแค่สะโพก กำลังฮัมเพลงและซักเสื้อผ้าไปด้วย            “ลา... ล้า... ลาล่าลาล้า...”            พงศกรเหมือนถูกตรึงร่างกายด้วยผิวละเอียดขาวนวลเนียนนั้น เพราะผิวเนื้อที่ดูมีเลือดฝาดช่างขาวกระจ่างชัดเจนอยู่ท่ามกลางลำธารสีเข้มตามแสงอาทิตย์ที่เริ่มจะหมดไป เธอยังคงยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะการขยี้ผ้า แต่ที่พงศกรรู้สึกนั้นคือเธอกำลังขยี้เนื้อกายของเขาจนร้อนฉ่า            ยามเส้นผมดำขลับยาวสยายละบั้นเอวคอดกิ่วสะบัดพลิ้วไปมา นั่นไม่ต่างจากเธอกำลังยั่วเย้าร่ำร้องให้เขาก้าวเข้าไปหา เธอที่เขาเห็นแต่เพียงด้านหลังยังคงฮัมเพลงด้วยน้ำเสียงไพเราะอย่างไม่สนใจสักนิดว่า ณ ที่แห่งนี้จะมีใครนอกจากเธออีกหรือไม่            พงศกรมองความสวยงามตรงหน้า เกิดอาการอยากจะเข่าอ่อนอยู่เพียงแทบเท้าของเธอ แม้ยังมองไม่เห็นใบหน้าแต่เขาก็มั่นใจว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากอย่างที่สุด เพราะผู้หญิงที่มั่นใจในความงดงามของตัวเองเท่านั้นที่จะกล้าเปลื้องผ้าท้าธรรมชาติเยี่ยงนี้ โดยเฉพาะขนาดหน้าอกที่เอ่อล้นจนมองเห็นได้ชัดจากทางด้านข้าง นั่นก็ทำให้เขาต้องกางมือออกเพื่อกะขนาดของความยิ่งใหญ่            พงศกรสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคมเข้มฉายความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าอย่างกะทันหัน จ้องมองสำรวจทั่วด้านหลังของร่างเปล่าเปลือย            หญิงสาวยังคงฮัมเพลงส่ายสะโพกใบไม้ไหวไปมาตามจังหวะจะโคน เรือนผมยาวสยายสีดำมันขลับเปียกลู่แนบไปกับเรือนร่างละอยู่ตามสะโพกผาย ทว่ากลับไม่สามารถปกปิดความงามที่สวรรค์สรรค์สร้างได้เลยสักนิด ก่อนสายตาจะไล่ต่ำลงไปด้านล่างเพราะแม้บั้นท้ายกลมกลึงนั้นจะจมอยู่ปริ่มน้ำจนมองเห็นได้แค่เนินร่องที่ดำดิ่งลงไป แต่ความใสของผิวน้ำก็ทำให้มองเห็นอะไรๆ ใต้น้ำได้โดยไม่ยาก            พงศกรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นที่สุด เมื่อเธอบิดกายเพื่อโยนผ้าที่ซักเสร็จแล้วขึ้นไปไว้ในตะกร้าสานจากหวายอย่างลวกๆ ก่อนจะยื้อเอาผ้าที่อยู่ใกล้มือลงมาขยี้ในน้ำอีกตัว หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นเพราะจังหวะการเอี้ยวตัวของเธอนั้นทำให้เขามองเห็นปลายยอดสีชมพูสดเต็มตา ไม่น่าเชื่อว่าปลายลิ้นของเขายื่นออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังลงลิ้นเลียไล้ที่ปลายถันสีหวานนั้นอย่างมันลิ้น            ดวงตาคมเข้มมองจับแต่เพียงเรือนร่างงดงามที่สะกดสายตาเขาจนไม่อาจหลีกหนีไปทางไหนได้ และสายน้ำเย็นจัดก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจเพราะทั่วทั้งกายเนื้อในขณะนี้มันร้อนรุ่มรุมเร้าราวคนมีไข้ และมันคงจะไข้หนักถึงตายหากไม่ได้ความงดงามตรงหน้านี้มาเติมเต็ม            เป้ที่สะพายหลังมาตลอด 2 ชั่วโมงถูกปลดออกอย่างเบามือ เสื้อผ้าชื้นเหงื่อก็ถูกถอดทิ้งเพราะไม่มีความต้องการใช้อีกแล้ว ในเวลานี้สิ่งที่เขาต้องใช้ก็คือความแข็งแกร่งกึ่งกลางตัว สิ่งที่จะมอบความสุขให้กับผู้หญิงได้ทุกคน            “ลา... ลั่นลาล้า... ลา... ลั่นลาล้า...”            เสียงฮัมเพลงของเธอยังมีอยู่ แม้ขณะที่เขาเคลื่อนร่างลงมาในน้ำเกือบที่จะถึงตัวเธออยู่แล้ว ก่อนที่เธอจะชะงักหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา และเขาก็ได้เห็นความงามของนางไพรอย่างสมบูรณ์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD