Chapter 17

2014 Words
ปาร์คซูโฮไม่รู้ว่าเขาควรตกใจอย่างไหนก่อน ระหว่างเรื่องที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอัศวินดำ หรือเรื่องที่ร้อยตรีวินเซนต์สามารถจัดการกับอัศวินขาวได้แล้ว เป็นรายงานผ่านวิทยุสื่อสาร ซึ่งตอนนี้ทางอัศวินดำคงยังไม่รู้ สายตามันมองด้วยความอาฆาตพยาบาท ดูลักษณะแล้วน่าจะอายุไล่เลี่ยกับทหารที่พึ่งบรรจุชั้นประทวน แต่สิ่งที่ปรมัตถ์สังเกตเห็นคือ บริเวณใบหน้าตรงด้านขวาของอัศวินดำ เหมือนมีรอยแผลเป็นคล้ายกับในอดีตเจ้าตัวเคยโดนน้ำร้อนลวกมาก่อน ปาร์คซูโฮจึงคิดว่าบางทีที่มันใส่หมวกกันน็อคตลอดเวลา คงอยากปกปิดแผลเป็นบนหน้าของมัน ทว่าบัดนี้มันยอมเปิดเผยใบหน้าแบบนี้ ย่อมแสดงว่า อัศวินดำต้องการที่จะจบการต่อสู้แบบชี้เป็นตายกับเขา "เฮ้ย ! ไอ้น้องอย่าเผลอฆ่ามันตายล่ะ ทางอัยการขอให้จับเป็น" เสียงของจ่าสิบโทค็อกบอก ยุวชนทหารหนุ่มได้ยินแบบนี้ก็ถึงกับเครียดเพราะไม่แน่ใจว่า ฝั่งตรงข้ามมันจะยอมศิโรราบอย่างนั้นหรือ "มึงตาย !" อัศวินดำพุ่งตัวเข้าหาปาร์คซูโฮอย่างรวดเร็ว ชนิดที่มันไม่ต้องการให้เขาตั้งหลักได้ แต่เดชะบุญเขาม้วนกลิ้งหลบไปทางซ้ายมือ หลบวิชากรงเล็บบดกระดูกของอัศวินดำได้ชนิดฉิวเฉียด ปาร์คซูโฮรีบลุกขึ้นยืนเป็นจังหวะที่อัศวินดำกระโดดแทงเข่าใส่ เขารีบยกแขนขึ้นมากันไว้แต่แรงแทงเข่าก็ทำปาร์คซูโฮถอยรูดไปด้านหลัง โดยหลังของเขาชนกับเสาไฟ ที่อยู่ในสภาพจะพังมิพังแหล่ แต่เขาก็ใช้มันตั้งหลักเพื่อรับมือศัตรตรงหน้า อัศวินดำที่ต้อนเขาจนมุมก็รัวหมัดขวา-ซ้ายไม่ยั้งใส่ปาร์คซูโฮทันที ฝั่งยุวชนทหารหนุ่มยกแขนขึ้นมาป้องกันเอาไว้ แรงหมัดที่กระทบที่แขนบ้างหรือข้างลำตัว ทำเอาเขามีเลือดทะลักออกจากปากเล็ก ทว่าปาร์คซูโฮที่ผ่านการฝึกหฤโหดมาแล้วมากมาย ก็กัดฟันอดทนยอมคลายการ์ดลง เพื่อที่จะสวนกลับด้วยการเหวี่ยงกำปั้นขวา อัดเข้าแก้มบนหน้าของอัศวินดำ แรงหมัดของปาร์คซูโฮเล่นเอามันเซถอยหลังและมึนหัวไปชั่วขณะ เปิดโอกาสให้ปาร์คซูโฮโต้กลับด้วยลูกถีบ มันกระเด็นไปชิดกับรถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ อัศวินดำที่ยังไม่ทันหายมึนหมัดก่อนหน้านี้ ก็ถูกปาร์คซูโฮที่พุ่งเข้าระยะประชิด เขาจับคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาและกระหน่ำรัวหมัดขวา อัดใส่หน้าอัศวินดำไปหลายหมัด ผ่านไปสิบนาทีฮาจองอูที่พึ่งตามมาสมทบก็ไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าไปดึงตัวปาร์คซูโฮแยกจากอัศวินดำ เพราะมันอาจตายคาหมัดเพื่อนของตนได้ นับว่าโชคดีที่ปาร์คซูโฮตั้งสติได้จึงยอมปล่อยให้อัศวินดำถูกทหารทำการจับกุม สักพักปาร์คซูโฮก็ทรุดฮวบลงกับพื้นและถุยเลือดออกจากปาก "นายไม่น่าห้ามเลยว่ะ" ปาร์คซูโฮพูดหลังจากฮาจองอูย้ายมานั่งข้าง ๆ สภาพยับเยินพอกัน "เจ็บชายโครงฉิบหาย" เขาเอามือกุมบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ "เออ เจ็บพอกัน" ฮาจองอูพูด ครู่ต่อมาร้อยตรีวินเซนต์ก็เดินมาเรียกรวมพล โดยตัวเองลากคนร้ายมาด้วยซึ่งก็คืออัศวินขาว สภาพใบหน้าบอบช้ำด้วยแรงกำปั้นล้วน ๆ จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง ห้าอัศวินถูกจับส่งขึ้นรถหุ้มเกราะที่ไว้ขังคนร้าย สายตาของฮาจองอูกับปาร์คซูโฮก็เหลือบไปเห็น จ่าสิบเอกเฉลิมชัยที่ได้รับบาดเจ็บกำลังถูกห่ามขึ้นเปล ทั้งสองคิดตรงกันคือศึกข้างหน้าต่อจากนี้ จะไม่มีจ่าสิบเอกเฉลิมชัยไปร่วมด้วย และพวกเขาแทบไม่มีเวลาพักหายใจเลย สาเหตุเพราะไม่กี่อึดใจเสียงวิทยุดังขึ้น เป็นเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ก็ฟังจับใจความไม่ค่อยได้และสัญญาณก็ขาดไป ด้านร้อยตรีวินเซนต์จึงติดต่อไปทางศูนย์บัญชาการ เพื่อให้ส่งเครื่องบินโดรนไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่กับทีมตำรวจสวาทซึ่งไปรับศึกที่สำนักงานตำรวจ ไม่นานทางศูนย์บัญชาการ ทำการส่งโดรนบินไปที่สำนักงานตำรวจโดยส่งภาพให้ทุกคนเห็น แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง "นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น" จ่าสิบโทค็อกสบถออกมา ภาพที่โดรนถ่ายไว้มันคือทีมตำรวจสวาทและทหาร ซึ่งได้รับภารกิจบุกไปที่สำนักงานตำรวจประจำเมืองเมตน์ ทั้งสองทีมนอนจมกองเลือดและบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ส่งผลให้ถูกศัตรูจัดการโดยไม่ยากเย็น ปาร์คซูโฮกำหมัดแน่นด้วยความเดือดดาล สายตาของเขาจับจ้องไปที่ชายร่างสูงใหญ่กำยำ ยืนเด่นตระหง่านอยู่หน้าสำนักงาน และส่งสายตาเหยียดหยามไปที่ร่างของตำรวจกับทหาร ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาสองคนนี้ก็คือ อาเลสซันโดรกับโรมไม่ผิดแน่ หากจัดการมันทั้งสองได้ก็เท่ากับตัดกำลังของเฉินเย่วถิง "ปิดมันซะ !" ร้อยตรีวินเซนต์สั่งเสียงเรียบ แต่ทุกคนกลับรู้สึกถึงความเดือดดาลของหัวหน้าทีมได้ และเพราะต้องสงบสติอารมณ์ไว้จึงไม่อาจแสดงออกมาได้ ทหารหนุ่มยศนายร้อยสั่งจัดตั้งขบวน และกำชับให้พลขับรถหุ้มเกราะที่ขนนักโทษระวังตัวไว้ พร้อมอวยพรขอให้ถึงจุดหมายปลอดภัย "จัดขบวนเดี๋ยวนี้ !" ร้อยตรีวินเซนต์ออกคำสั่งเฉียบขาด "จากตรงนี้เราต้องเดินเท้า" ฮาจองอูมองสำรวจรอบ ๆ พบว่าฝ่ายเขามีกำลังพลน้อยมาก เนื่องจากทหารกับยุวชนทหารได้รับบาดเจ็บเยอะ จนไม่สามารถทำปฏิบัติภารกิจต่อไปได้ เรียกได้ว่าพวกเขาเสียเปรียบมาก สักพักเขาหันมาเห็นปาร์คซูโฮเงียบผิดปกติ ฮาจองอูสัมผัสถึงจิตสังหารและโทสะในตัวของเพื่อน ยุวชนทหารหนุ่มเดินมาตบบ่าสหายรบคนสนิท เป็นเชิงเรียกสติและมันได้ผล "ดูเหมือนศึกข้างหน้านี้ มันจะสาหัสกว่าที่เราคิดไว้นะ" ฮาจองอูพูด ปาร์คซูโฮพยักหน้า "ไม่เถียงว่ะ" และพลางก้มมือกำไลข้อมือหยกที่สวมอยู่มือขวา เขาลูบมันแผ่วเบา "ฉันสังหรณ์ว่ะ ซูโฮ" ฮาจองอูพูดหลังจากที่พลังฟีนิกซ์เยียวยาบาดแผลภายในแล้ว "สังหรณ์อะไรของนาย" ปาร์คซูโฮหันมาถามพลางขมวดคิ้ว สายตาของฮาจองอูมองไปที่กำไลหยกของปาร์คซูโฮ "สังหรณ์ของฉันบอกว่า อีกไม่นานนายจะได้เจอศัตรูที่อาจต้องถอดกำไลนี้ไง" ปาร์คซูโฮพยักหน้า "ข้อนี้เห็นด้วยกับนาย" +++++ เรื่องราวในอดีต พันตำรวจเอกปาร์คยอกูตามด้วยคังจีวอนผู้เป็นภรรยา ต่างรีบวิ่งเข้ามาในแผนกห้องฉุกเฉิน หลังได้รับข่าวจากพันตำรวจเอกมาซอกโด ทั้งสองจึงรีบรุกหน้ามาที่นี้ให้เร็วที่สุด ทันทีที่มาถึงแผนกฉุกเฉิน คังจีวอนตรงเข้าไปโผกอดลูกชายทั้งสามคนทันที ด้านพันตำรวจเอกปาร์คยอกูก็เดินไปหาพี่เขยเพื่อทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งทางฝั่งพันตำรวจเอกมาซอกโดทำใจลำบากถ้าต้องเล่าต่อหน้าคังจีวอน สองตำรวจจึงแยกมาคุยกันที่เขตสูบบุหรี่ของโรงพยาบาล เมื่อได้อยู่เพียงแค่สองคนพันตำรวจเอกมาซอกโดจึงยอมเล่าว่า ตอนแรกตนตั้งใจว่าจะชวนให้หลานชายทั้งสามมาทำความรู้จักกับภรรยาและลูกสาว ทว่ายูฮาราถูกพวกนักเลงรุมกลั่นแกล้ง ซึ่งพอดีกับที่สามพี่น้องเดินผ่านมาเห็นเลยเข้าไปช่วยไว้ เรื่องมันควรจบแค่นั้นหากแต่ทั้งสามจัดการพวกนักเลงแล้วส่งตัวให้ตำรวจ แต่ปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้นจนได้ เพราะดันมีนักเลงคนหนึ่งโดนหมัดขวาของปาร์คซูโฮเต็ม ๆ อย่างที่สองตำรวจยศสารวัตรใหญ่รู้กันดี โดยเฉพาะหมัดขวาอันทรงทำลายล้างของปาร์คซูโฮ ดังนั้นแทนที่จะจบโรงพักก็กลายมาเป็นแผนกฉุกเฉินแทน หากให้เดากระดูกซี่โครงน่าจะหักอย่างน้อยสามถึงสี่ แต่มันก็ยังอันตรายอยู่ดีและพันตำรวจเอกมาซอกโดยอมรับว่า ชักจะเริ่มเป็นห่วงหลานชายคนรองไม่น้อย "หมัดขวาของเจ้าซูโฮนับวันมีแต่พลังทำลายจะสูงขึ้น ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างละก็เจ้าแสบไม่รอดแน่" พันตำรวจเอกมาซอกโดพูดเสียงกังวล พลางกุมขมับ "ให้ตายสิ ฉันไม่มีทางลืมสีหน้าตื่นตระหนกของซูโฮได้เลย คงตกใจน่าดู" "อย่าโทษตัวเองเลยครับพี่" พันตำรวจเอกปาร์คยอกูกล่าว "ผมต่างหากล่ะที่ปล่อยละเลยจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น" "ไม่ได้หรอกยอกู ฉันเป็นลุงแท้ ๆ แต่กลับดูแลหลานชายไม่ดีเลย" "อย่าพูดแบบนี้สิพี่ อีกอย่างจีวอนรู้วิธีรับมือแล้ว" พันตำรวจเอกมาซอกโดชะงักหันมามอง "ยังไงหรือ" กลับมาที่ห้องผ่าตัดฉุกเฉินซึ่งมีตำรวจหลายคน รวมทั้งญาติของนักเลงที่กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด แม่ของคู่กรณีร้องโวยวายไม่หยุด และพยายามเรียกร้องค่าเสียหายจากฝั่งคังจีวอน ทว่าพอเจอคำประกาศตั้งข้อหาของลูกชาย แม่ผู้แสนดีเด่นจึงยอมสงบปากนั่งเงียบ ๆ ไป เวลาผ่ายไปสองชั่วโมงหมอจึงเดินออกมาจากห้องผ่าตัด และแจ้งอาการของคนไข้ให้กับทุกคน ผลของการสแกนร่างกายพบว่ากระดูกบริเวณกลางอกแตกหัก ได้รับความเสียหายหนักมากแถมมีกระดูกซีกหนึ่งที่แตก มันดันไปทิ่มตรงแถวปอดและอวัยวะภายในบางส่วน ส่งผลให้คนไข้หายใจลำบากเพราะเลือดท่วมปอด แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว อาจต้องพักฟื้นเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน แม่คู่กรณีที่ได้ยินก็โวยวายเสียงดัง เหตุเพราะไม่สามารถหาเงินมารักษาลูกได้ แต่ก็โวยวายได้ไม่นานเพราะคังจีวอนจะออกค่ารักษาให้ ทำให้ลูกชายทั้งสามโดยเฉพาะปาร์คซูโฮที่คิดว่าตนเป็นต้นเหตุให้แม่เดือดร้อน หลังทนายความส่วนตัวนัดไปเคลียร์กับครอบครัวคู่กรณี คังจีวอนก็หันไปปลอบปาร์คซอโฮ ลูกชายคนเล็กที่ยังตกใจอยู่ "ผมขอโทษครับแม่ ทั้งหมดเป็นความผิดของผม..." ปาร์คซูโฮพูดเสียงสั่น คังจีวอนยื่นมือมากุมมือเด็กชาย "ลูกอยากช่วยคนมันไม่ผิดหรอก แต่ลูกต้องยอมรับว่ามือขวาของลูกมันน่ากลัวแค่ไหน" คังจีวอนพูดเสียงอ่อนโยน "ผมไม่ได้อยากทำเขาขนาดนั้นเลยครับ แม่เชื่อผมนะ" ปาร์คซูโฮพูด "ไม่ใช่ความผิดนายคนเดียว ฉันเองก็ผิดด้วย" ปาร์คจูโฮพูด คังจีวอนยกมือปราม "พอเลยทั้งสามคน เลิกโทษตัวเองแล้วฟังแม่" เธอพูดจบก็คว้าอะไรบางอย่างในกระเป๋าถือออกมา มันคือกำไลข้อมือลูกประคำซึ่งจากหยกสีเขียว "ยื่นมือขวาของลูกมา ซูโฮ" เด็กชายทำตามอย่างว่าง่ายและคังจีวอนก็สวมกำไลลูกประคำหยกที่มือขวา มันเรืองแสงสีเขียวอ่อนก่อนจะดับไป "สัญญากับแม่ ซูโฮ" ผู้เป็นแม่จับมือเด็กชาย "สัญญากับแม่ว่าถ้าไม่มีความจำเป็นอะไร ห้ามถอดกำไลนี้เด็ดขาดลูกต้องใส่มันตลอดเวลา เข้าใจที่แม่บอกไหม" ปาร์คซูโฮแค่พยักหน้าตอบและคังจีวอนก็โผกอดเขาอีกครั้ง "คนเก่งของแม่ ลูกทำได้อยู่แล้ว" และเธอก็ไม่ลืมที่จะกอดลูกชายอีกสองคนเช่นกัน ++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD