“ขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง” รถมอเตอร์ไซค์ขี่มาปาดตรงหน้า และเจ้าของเสียงกำลังมองหน้าฉัน
“…” ฉันไม่พูดอะไร เลือกที่จะเดินหลบ แล้วเดินต่อไปเพื่อที่จะได้ถึงบ้านตัวเองเร็ว ๆ
“มันมืดแล้วนุ่ม เดินไปเองได้ไง ก็รู้ว่าซอยบ้าน แต่มันก็อันตราย” เขาคนนั้นตะโกนมา แต่ฉันไม่เอามาใส่ใจ รีบก้าวเท้าเดินอย่างไว
แต่มันจะไวได้แค่ไหนกัน ในเมื่อฉันอ้วน!
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งก็ได้” เสียงเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์ดับลงจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาทางฉัน
พอรู้สึกว่าเขาเดินมาอยู่ข้าง ๆ ฉันก็รีบก้มหน้าก้าวขาเดินต่อ
“ขอโทษนะ”
“…” คำขอโทษมันออกจากปากเขา แล้วคือเราไม่สนิทกันเลยไหม จำเป็นอะไรต้องมาขอโทษ
ขอโทษเรื่องอะไร
“นุ่ม พี่…” เขายังคงเดินข้างฉัน เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่บอกตามตรงว่าฉันไม่อยากฟัง
ไม่อยากยุ่งกับหนึ่งในคนที่ทำให้ฉันอับอาย
และจำเป็นอะไรที่เขามาเรียกฉันว่า ‘นุ่ม’ คำนี้ไม่มีใครเคยเรียกเลยไหม แล้วเขาคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเรียกฉันแบบนี้
“นั่งคุยกันก่อนได้ไหม ตรงม้านั่งตรงนั้นก็ได้ พี่ขอแค่ไม่กี่นาที” เขาเดินมาดักตรงหน้า ทำให้ฉันเดินต่อไม่ได้
“ถอยค่ะ” ไอ้ประโยคนี้ที่พูดออกไปมันทำให้ฉันคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าขึ้นมาทันที
“คุยกับพี่ก่อน”
“เราไม่ได้รู้จักกัน ไม่จำเป็นต้องคุยกันไหมคะ ถอยด้วยค่ะ ฉันไม่อยากมีปัญหากับแฟนคุณ” ฉันจ้องหน้าผู้ชายที่กำลังยืนมอง
ตอนนี้ฉันเริ่มอยากจะร้องไห้แล้วล่ะ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ พี่…”
ปึก!
“คืนค่ะ” ระหว่างที่เขากำลังจะพูดอะไรต่อไปอีก ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าควรคืนบางอย่างให้เขา ซึ่งฉันพกมันติดตัวเสมอ เผื่อว่าถ้าวันไหนเจอกันจะคืนให้เขา แล้ววันนี้ก็ได้คืนสักที
ฉันยัดมันใส่มือเขา แล้วจากนั้นก็เดินหลบไปอีกทาง
หมับ!
“นุ่ม” เขาคว้าที่ต้นแขนใหญ่ ๆ ของฉัน
“ปล่อยค่ะ เราไม่สนิทจนถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวนะคะ และเราไม่ควรสนิทกันด้วย” ฉันใช้น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“พี่ไม่ได้อยากให้เรื่องเมื่อเช้ามันเป็นแบบนั้น พี่…”
“จะอยากให้เป็นแบบไหน แต่มันก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว ฉันกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น แล้วที่คุณมายืนอยู่ตรงนี้คือต้องการอะไรคะ ต้องการให้ฉันโดนมากกว่าวันนี้เหรอ เรื่องเมื่อเช้ามัน…”
หมับ!
“อย่าร้องไห้นุ่ม พี่ไม่ได้อยากเห็นน้ำตาของนุ่มนะ อย่าร้องไห้ พี่ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ” เขาขยับตัวเข้ามากอด กอดแบบที่ว่าฉันไม่ทันได้ตั้งตัว
บอกตามตรงว่าตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน
และการที่เขาทำแบบนี้มันทำให้หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ
ไม่ มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่คุณทำอยู่คุณต้องการอะไร แล้วฉันก็จะไม่สนใจ จะไม่เดินตามเกมคุณ อย่ามายุ่งกับฉันอีก แล้วก็ฝากถามเพื่อนคุณด้วยว่าอ้วนแล้วมันหนักหัวใคร คิดว่าดีมากเท่มากหรือไงที่ดูถูกเหยียดหยามสภาพคนอื่น” ฉันใช้แรงช้างที่มีดันเขาออกให้ห่าง แล้วจากนั้นก็เดินเข้าซอยต่อ
“พี่เป็นห่วง เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง แบบเงียบ ๆ ก็ได้” เขาเดินตามหลังมา แล้วพูดบอก
ฉันทำเป็นไม่สนใจและเดินต่อ ส่วนเขาก็เดินเงียบ ๆ อย่างที่เขาบอกจริง ๆ
ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ทำไปเพื่ออะไร เพราะฉันไม่ได้สนิทกับเขาเลย
ห้านาทีต่อมา…
-บ้านนุ่มนิ่ม-
“ฝันดีนะ” เขาบอกเมื่อเห็นฉันเดินเข้ามาในบ้านแล้วปิดรั้วกั้น เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับไปตามทางที่เราเดินมาเมื่อครู่
เขาคือรุ่นพี่ชอปเปอร์ ผู้ชายที่ฉันแอบปลื้ม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง
แล้วมาพูดว่าขอโทษเพื่ออะไร
(NUMNIM: ฮอดเฮือนแล้วเด้อจ้า)
ฉันเลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องของพี่ชอปเปอร์ แล้วฉันทำตามที่พี่เคลิ้มบอกไว้ ว่าถ้าถึงบ้านให้ส่งไลน์ไปบอก
รายนั้นป่านนี้คงไปเลือดอาบที่ไหนสักที่นั่นแหละ
“ทานข้าวเลยไหมคะคุณหนูเล็ก” แม่บ้านถามเมื่อฉันเดินเข้ามาในบ้าน
คุณหนูเล็ก แต่ตัวเบอเร่อเท่อ ที่เรียกแบบนี้เพราะฉันเป็นลูกคนเล็ก คนในครอบครัวมักเรียกฉันว่ายัยเล็ก
“นิ่มกินข้าวหมูแดงปากซอยมาแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันบอกแม่บ้านแล้วก็เดินขึ้นห้อง
บ้านฉันก็ค่อนข้างมีฐานะเลยล่ะ แต่คนที่มหาวิทยาลัยจะเข้าใจว่าจน เพราะฉันชอบทำตัวติดดิน ทำเหมือนไม่มีอันจะกิน ทั้งที่ตัวโคตรอ้วน และที่นั่นฉันก็แค่คนอ้วนคนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ
แต่หลังจากพรุ่งนี้ไป มันคงจะค่อนข้างวุ่นวายเลยล่ะ
(BLACK: วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม)
(BLACK: ของแบล็คมันเป็นวันที่แย่)
(BLACK: ทำไมไม่ตอบ)
(BLACK: ไวท์เป็นอะไรรึเปล่า)
(WHITE: มาแล้ว มาแล้วววว)
(WHITE: โทษทีนะแบล็ค พอดีไวท์ติดปัญหานิดหน่อยเลยถึงบ้านช้า)
(WHITE: โหล ๆ ยังอยู่ไหม)
(BLACK: อยู่ ๆ ไปไหนมาถามได้ไหม)
(WHITE: กินข้าวปากซอยมา)
(BLACK: ข้าวหมูแดง?)
(WHITE: ใช่แล้ว อร่อยมาก แบล็คอยู่บ้านยังหรือว่าไปเที่ยวกับเพื่อน)
(BLACK: ยัง ออกมาข้างนอก กำลังจะกลับ)
(WHITE: แล้วมีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมถึงบอกว่าเป็นวันที่แย่)
(BLACK: ก็… เข้าใจผิดกับเพื่อนน่ะ)
(WHITE: งื้อ อย่าคิดมากนะ แบล็คยังมีไวท์เป็นเพื่อนนะ)
(WHITE: โอเคใช่ไหม)
(BLACK: โอเค เดี๋ยวมันคงดีขึ้น)
(WHITE: ใช่ ๆ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น งั้นเดี๋ยวไวท์อาบน้ำก่อนนะ ง่วงนอนมาก ๆ เลย วันนี้เพลียสมองมาก)
(BLACK: ครับ ฝันดีนะ ถ้ายังไงถึงบ้านแล้วจะทักหา)
ฉันวางโทรศัพท์มือถือ หลังจากที่ตอบไลน์กับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นใครไม่รู้ ฉันไม่รู้จักหน้าตาของเขาหรอก
แต่เขาเด้งไลน์มาหาฉัน แล้วขึ้นรูปโปรไฟล์เป็นสีดำ เขาพิมพ์มาว่าเขาเหงา อยากมีเพื่อนคุย เขาเบื่อชีวิต คุยเป็นเพื่อนเขาได้ไหม
ด้วยความที่ฉันเป็นนางเอก ด้วยความที่มักจะสงสารคน ด้วยกลัวว่าเขาอาจจะเหงา เศร้ากับชีวิตจริง ๆ ฉันก็เลยตกลงคุยกับเขา แล้วก็ให้เขาเรียกฉันว่าไวท์ เปรียบเหมือนสีขาว ส่วนเขาก็สีดำ
เราคุยกันได้เกือบปีแล้วมั้ง คุยแบบไม่เห็นหน้า ไม่ต้องพูดคุยแบบเจอหน้า เป็นแค่เพื่อนในมุมมืด ๆ ของกัน
เราสองคนไม่เคยพูดถึงเรื่องที่จะเจอหน้ากัน และไม่เคยต้องการเจอกันแบบนั้น ไม่เคยถามชื่อจริง ๆ ของกันว่าที่จริงแล้วชื่ออะไร
มันเป็นความโชคดีมั้งที่ตอนนั้นชื่อในไลน์ของฉันใช้ชื่อว่า ‘เล็กสุด’ รูปโปรไฟล์ก็เป็นรูปการ์ตูน แล้วพอเราตกลงว่าจะคุยกัน ฉันก็สร้างไลน์อีกบัญชีขึ้นมา แล้วก็บอกเขาว่าเดี๋ยวเอาไลน์นี้คุย จะได้สะดวก
แต่ฉันว่าบางทีเขาอาจจะรู้นะว่าฉันเป็นใคร ไม่งั้นคงไม่เด้งไลน์มาหา
แต่ก็ช่างเถอะ เขาเป็นใครก็ช่าง ฉันไม่สนอยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร เพราะยังไงเราก็ใช้ใจคุยกัน และเราแค่คุย แค่คุยจริง ๆ ไม่ได้ส่งรูปที่แสดงตัวตนให้กัน อย่างมากฉันก็ส่งรูปของกิน ส่วนแบล็คก็ถ่ายรูปธรรมชาติและแมวมาให้ดู เขาบอกว่าเขาชอบแมว เขาบอกว่าเขาชอบถ่ายรูป
อ้อ! เราไม่ได้โทรคุยกันด้วยนะ ทำให้เราไม่เคยได้ยินเสียงกัน
เราทั้งคู่เหมือนคุยกันแล้วสบายใจ และสบายใจที่เป็นแบบนี้
และเรื่องไวท์แบล็ค ไม่มีคนในครอบครัวของฉันรู้สักคน
เแบล็ครู้เรื่องร้านของกินที่ฉันไปแทบทุกร้าน เพราะฉันชอบถ่ายรูปแล้วเอามาให้เขาดู
ถ้าอยู่ในความพอดี เพื่อนโซเชียลก็ไม่อันตรายขนาดนั้นหรอกมั้ง
เกือบหนึ่งปีมันก็เลยเหมือนจะมีความผูกพันแปลก ๆ เพราะเราคุยกันทุกวัน
สี่สิบห้านาทีต่อมา…
ติ๊ง!
(BLACK: ถึงบ้านแล้วนะ กำลังจะนอน ฝันดีอีกรอบ)
ติ๊ง!
(KLOEM: เออ กูก็ถึงบ้านแล้ว)
(KLOEM: ทำไมถึงช้าจังวะ ปกตินั่งวินไม่ถึงสองนาที)
ไลน์เด้งเข้ามาทั้งสองเครื่อง ในเวลาไล่เลี่ยกัน
(NUMNIM: ไม่มีวิน เดินเข้าซอยเจ้าค่ะ)
ฉันเลือกที่จะตอบข้อความของพี่เคลิ้มก่อน เพราะเขาน่ะปากหมา ถ้าไม่ตอบก็จะโดนด่าเวลาที่เจอ หรือไม่ก็อาจจะโทรมาด่า ซึ่งฉันรำคาญ
(KLOEM: เออ เดิน ๆ มั่งก็ดี เดี๋ยวไขมันอุดตันเส้นเลือดแตกตาย)
(NUMNIM: บักห่าหนิแหม ซำนี่เด้อสินอนแล้ว ซังแฮง)
ฉันพิมพ์ภาษาอีสานส่งกลับไปแล้วจากนั้นก็ปิดเสียงวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะทันที
แล้วก็หยิบอีกเครื่องขึ้นมากดอ่าน พร้อมกับตอบกลับไป
(WHITE: จ้า ไวท์ก็กำลังจะนอนเช่นกัน ฝันดีนะ)
แล้วฉันก็ส่งสติ๊กเกอร์นอนหลับไปให้แบล็ค
จากนั้นก็วางมือถือไว้ที่โต๊ะเคียงข้างกับอีกเครื่อง
บางทีฉันก็สงสัยตัวเองนะว่าทำไมต้องพกสองเครื่อง ทั้งที่ไม่มีคนจะคุยด้วยขนาดนั้น
ทำเหมือนผู้ชายเยอะอย่างนั้นแหละ
“ไขมันอุดตันเหรอ ไอ้พี่บ้าเอ้ย” งึมงำอยู่บนที่นอนเมื่อนึกถึงคำที่ไอ้พี่เคลิ้มพิมพ์มา
คิดแล้วก็โมโห ทำไมชอบสรรหาโรคมาว่าฉัน
ถ้าฉันลดหุ่นแล้วสวยขึ้นมานะ ดูซิว่าจะหาอะไรมาว่าฉัน
“แต่ลดหุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ แกจะตัดของหวานของคาวที่แสนอร่อยได้จริง ๆ เหรอนุ่มนิ่ม” แล้วฉันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถ้าตื่นมาแล้วพรุ่งนี้ผอมเลยก็คงจะดี
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นไง เพราะทุกอย่างเราจะต้องมีความพยายามและความเชื่อ
คิดแล้วท้อแท้ไว้รอเลยสำหรับการอดอาหาร
“ยังไม่ลดดีกว่า แค่คิดก็เหนื่อย แบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว แค่หน้าสวย ทุกอย่างก็โอเค ช่วงนี้โปรบุฟเฟ่ต์เยอะด้วย เอาไว้หมดช่วงโปรค่อยคิดอีกทีแล้วกัน” พูดแล้วยิ้ม จากนั้นก็หลับตานอน
นี่คือวีธีปลอบใจและหลอกตัวเองของคนอ้วนที่ขี้เกียจลดหุ่น เชื่อเถอะว่าข้ออ้างในเรื่องที่ยังไม่ยอมลดของฉันมันมีร้อยแปดพันเรื่อง สารพัดข้ออ้าง
ฉันก็เลยยังหุ่นแบบนี้ไง
แต่หุ่นหมีแบบหนูก็ให้ความอบอุ่นพี่ได้นะคะ
ฉันควรนอน
-END NUMNIM-