1
เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีเดียวกันสุกสว่างเป็นประกายเสมอ ‘พาย’ เด็กต่างจังหวัดที่หมั่นเพียรท่องหนังสือทุกวี่ทุกวันจนในที่สุดเขาก็สอบติดมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ
ในวัยเด็กพายไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ เล่นอยู่กับพี่น้องสามคนเท่านั้น พี่คนโตพี่พัช พี่สาวคนกลางพี่พลอย และน้องคนเล็กพาย พายเป็นคนอัธยาศัยดีแต่ติดที่ชวนคุยไม่เก่ง เช่นนั้นการผูกมิตรที่ดีที่สุดคือการรับฟังและเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ อย่างเช่นตอนนี้…
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นฉายแวววิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้ามองเพื่อนผู้หญิงที่นั่งกุมท้องด้วยใบหน้าซีดเซียว
“รุ้ง กินขนมปังของเราเถอะ” เด็กหนุ่มพยายามยัดเยียดของกินที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายให้เธอ เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่หลงป่า! เหตุที่หลงป่านั่นก็เพราะพวกเขาตั้งใจมาเที่ยวแบบลุย ๆ กันน่ะสิ แต่สงสัยมามันจะลุยเกินไป…
“พายกินเถอะ ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกันนี่” รุ้งดันขนมปังกลับทางเจ้าของของมัน เพราะใบหน้ารุ้งว่าซีดเซียวแล้ว พายนี่ซีดยิ่งกว่าแถมตัวยังผอมกะหร่องน่าเป็นห่วงกว่าเธอเสียอีก
“ไม่ เราไม่หิวจริง ๆ รุ้งกินเถอะนะ”
รุ้งหันไปมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหวานเยิ้มยิ่งกว่าตากวาง ไหนจะน้ำตาคลอเบ้านิด ๆ พวงแก้มมีเลือดฝาดหน่อย ๆ อย่างคนสุขภาพดี เรียกได้ว่าทั้งใบหน้า ผิวพรรณ หุ้นอรชรอ้อนแอ้นนี้นางเกิดมาเพื่อเป็นโพเมียแน่นอน! เพอร์เฟกต์เคะที่แท้ทรู!
“งั้นแบ่งคนละครึ่ง” จำต้องตกลงกับความมีน้ำใจแบบเกินเหตุของพาย รุ้งรับขนมปังจากมือเคะ เอ้ย มือเพื่อนชายมาที่แม้แต่แบ่งขนมปังยังแบ่งให้เธอมากกว่า นี่เป็นคนมีน้ำใจหรือซื่อเกิน หากเป็นคนอื่นแน่นอนว่าต้องแย่งชิงขนมปังชิ้นนี้แล้ว นับว่าโชคดีที่มาติดป่ากับพาย เพราะตลอดสองปีที่เรียนด้วยกันพายมักมีน้ำใจกับเพื่อนเสมอ เห็นใจดีแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ หรอกนะ
มีครั้งหนึ่งกำลังเดินกลับหอด้วยกัน จู่ ๆ โจรจากไหนไม่รู้โผล่มาดักเธอไว้แล้วฉุดกระชากกระเป๋าสะพายที่ไม่ค่อยมีตังค์สักเท่าไหร่ของเธอไปด้วย และแน่นอนว่าคนที่กางปีกปกป้องเธอจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพาย ทั้งส่วนสูงและรูปร่างเสียเปรียบกว่าไอ้โจรนั่นเป็นสิบเท่า แต่พายก็กล้าเข้าไปสู้กับมันด้วยความกล้าหาญ ทั้งฟัดกันนัวเนียอย่างไม่มีใครยอมใคร จนในที่สุด…ก็หามส่งโรงพยาบาลจ้ะ! และถามว่าใครเป็นคนหาม ก็อีพี่โจรนั่นแหละ เล่นตีน้องมันทีเดียวสลบช่วยกันหามส่งโรงพยาบาลแบบตาลีตาเหลือก ตัวแค่นี้จะเหลือเหรอถามจริง รอดมาได้ก็บุญแล้ว
รุ้งหันไปมองเพื่อนตัวเองที่ค่อย ๆ เล็มขนมปังทีละนิดเหมือนกลัวว่ามันจะหมด พายเป็นคนจิตใจดี และเป็นเด็กกล้าหาญ
แต่ทำไมนะ…ทำไมถึงรู้สึกว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว
ฉันคงจะไม่ตายอยู่ในป่าหรอกใช่ไหม…อัลบั้มก็ยังไม่กดจอง ฮึก
“รุ้ง เป็นอะไรหิวอีกแล้วเหรอ” พายทำท่าจะยื่นขนมปังให้อีกรอบ
“ไม่จ้ะ พอ! เรานอนแล้วนะ พรุ่งนี้เช้าพวกเจ้าหน้าที่คงจะเข้ามาเจอ”
พูดจบรุ้งก็เอนตัวลงหันหลังให้ทันที นับว่าเป็นโชคดีที่พวกเขาหลงในอุทยาน ที่เป็นสถานที่ตั้งแคมป์สำหรับนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าป่าที่พวกเขาหลงอยู่ก็ต้องเป็นป่าที่ตรวจสอบแล้วอย่างดี หากเดินป่ากันจริง ๆ ได้โดนเสือคาบไปรับประทานแน่ ๆ
หลังจากพยายามแทะขนมปังทีละนิดจนหมดพายก็เอนหลังพิงไปกับต้นไม้ใหญ่ ดวงตาเริ่มสะลึมสะลือใกล้จะปิดแต่จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบสีม่วงอยู่ตรงพุ่มไม้ด้านข้างที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว
หรือจะเป็นแสงจากไฟฉาย?
พายลุกพรวดทันที เดินดุ่ม ๆ ไปทางพุ่มไม้ที่มีแสงสว่างสีม่วงกะพริบวูบวาบ เมื่อเดินมาถึงพุ่มไม้ไม่เจอเจ้าหน้าที่ก็หันมองซ้ายมองขวา แสงที่อยู่ในพุ่มไม้นั่นคืออะไรน่ะ คงจะไม่ใช่กระสือหรอกนะ
แต่ด้วยความอยากรู้จึงหลับตาปี๋ค่อย ๆ ยื่นมือเข้าไปคลำ ๆ จนได้ยินเสียงกรอบแกรบคล้ายซองขนม พายดึงมันออกมาพลิกซ้ายพลิกขวาดู เมื่อแสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องลงมาไม่ถึงจึงเดินกลับมาหารุ้ง ควานหยิบไฟฉายส่องดู
ฉลากสีเงินสะท้อนวิบวับบ่งบอกว่ามันเป็นซองขนมจริง ๆ พลิกดูด้านหลังยังไม่หมดอายุด้วย…ท้องก็ร้องโครกครากราวกับรับรู้ว่าพายกำลังถืออะไรอยู่ เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายดังเอื๊อกลงคอ หันไปมองรุ้งกำลังหลับสนิทก็ไม่กล้าปลุกมากินด้วย บางทีรุ้งอาจจะอิ่มขนมปังแล้ว คิดอย่างเข้าข้างตัวเองค่อย ๆ ฉีกซองขนมสีเงินวิบวับออก
ว้าว…
ขนมเยลลีสีม่วงเรืองแสงเด้งดึ๋ง…ดึ๋ง…
น่ากินจัง…
กลิ่นขนมหวานลอยมาแตะจมูกชวนให้ความหิวที่มีอยู่แล้วมันทวีคูณจนตาลาย พายค่อย ๆ หยิบขนมเด้งดึ๋งเข้าปาก สัมผัสนุ่มละมุนลิ้นทำให้เผลออมมันไว้นาน ๆ เพื่อซึมซับความหวานให้กระจายไปทั่วลิ้น
อึก
“แค่ก ๆ ๆ ๆ” ความนุ่มลื่นเมื่ออมไว้ในปากนาน ๆ เยลลีสีม่วงก็ผลุบเข้าไปในลำคอทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เคี้ยว พายทุบอกตัวเองสำลักจนหน้าดำหน้าแดง พลางรีบควานหาขวดน้ำมากระดกอึกใหญ่ ๆ ไปหลายอึก
“เฮ้อ เกือบตายแล้วไหมล่ะ” นั่งหอบแล้วพึมพำกับตัวเองคนเดียวเพราะเกรงใจเพื่อน จากนั้นก็เอนตัวลงกับพื้นหญ้าหลับตาพริ้มพยายามกล่อมให้ตัวเองหลับ
แกะตัวที่หนึ่ง…แกะตัวที่สอง…
ด้วยความเหนื่อยล้าเพียงไม่กี่นาทีเด็กหนุ่มก็ผล็อยหลับไป
แสงสีม่วงสว่างวาบมาจากช่องท้อง ทั้งผืนป่าเป็นสีม่วงเรืองรองรวมถึงเมฆครึ้มที่จับตัวกันเป็นก้อนก็กระจายหายไป จนท้องฟ้าสว่างไสวเป็นสีเดียวกัน ก้อนในท้องมันเต้นตุบ ๆ อย่างหนักหน่วงแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้พายตื่น เปลือกตาของเขายังคงปิดสนิทตกอยู่ในห้วงนิทราราวกับโดนมนตร์สะกด
เด็กน้อยเอ๋ย…หารู้ไม่ว่าแสงสว่างที่อยู่ในท้องของเขานั้น เป็นแสงที่นำไปสู่หายนะ!
หนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่รอดพ้นจากชะตากรรมหลงป่า ไม่โดนยุงกัดตายก็บุญเท่าไหร่ เรียวนิ้วดันกรอบแว่นให้อยู่ในระดับพอดี ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองตัวหนังสือในรายงานที่ตนกำลังพิมพ์
กลับมาก็ต้องสรุปรายงานอีก เฮ้อ นี่แหละชีวิตเด็กมหาลัย พับหน้าจอโน้ตบุ๊กมือสองพลางเดินมาหาของกินในตู้เย็นสูงประมาณเอว ช่วงนี้เขารู้สึกแปลก ๆ หิวบ่อยขึ้นผิดปกติ แต่ก่อนอยู่ต่างจังหวัดจะติดไปไร่ไปสวนกับพี่ชาย ข้าวปลาไม่ค่อยได้กินสักเท่าไหร่ แต่พอมาอยู่กรุงเทพก็เจริญอาหารขึ้นเพราะของกินหน้ามอมันเยอะเสียเหลือเกิน
พายลูบท้องตัวเองป้อย ๆ มื้อที่สิบแล้วนะ ถึงมาอยู่กรุงเทพจะกินเยอะขึ้นก็เถอะ แต่ก็กินแค่วันละสามถึงสี่มื้อเท่านั้น มากสุดก็ตอนโต้รุ่งทำรายงานคือห้ามื้อ แต่นี่…มื้อที่สิบแล้วนะ! มองนาฬิกาแค่สามทุ่มเองด้วย
หยิบโอนิกิริไส้แซลมอนย่างซีอิ๊วออกมาจากตู้เย็นพร้อมกับนมพร่องมันเนยหนึ่งแกลลอน เดินมานั่งแหมะตรงโต๊ะทำงานเหมือนเดิม ค่อย ๆ ฉีกฟอยส์ใสออก ม้วนสาหร่ายไปกับข้าวปั้นด้วยความประณีต เอิ่ม…คิดว่าต้องมีบางคนที่เป็นแบบนี้บ้างแหละ เวลาสาหร่ายแตกมันรู้สึกเหมือนความอร่อยลดลงไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์
กัดเข้าไปคำโต ๆ เคี้ยวจนแก้มตุ่ยพลันสายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่างข้าวปั้นที่กัดไปได้หนึ่งคำถูกปล่อยร่วงลงพื้นทันที
เสียงคำรามกึกก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า ปีกสยายใหญ่บดบังดวงดาวบนนภาไปจนหมด แม้แต่แสงไฟที่ไม่เคยหลับใหลของเมืองกรุงกลับดับสนิทเหลือเพียงแต่ความมืดมิด
มัน…มันเกิดอะไรขึ้น…
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความช็อกสุดขีดเมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันคือ…มังกร!
หรือวันนี้จะเป็นวันสิ้นโลก ไม่ ๆ เราอาจจะทำงานจนตาลาย ตบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติ จะเป็นไปได้อย่างไร มังกรเนี่ยนะ มังกรที่ไหนจะมาบินว่อนกลางกรุงเทพแบบนี้ ไม่สิ มังกรมันมีจริงซะที่…
เฮือก!
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาดวงตาสีทองอำพันขนาดใหญ่จ้องมาที่เขาพอดี พายกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเพราะยังคงไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่ เรา…ฝันงั้นเหรอ
“อะ…เอ่อ…หวัดดี….”
“ครืออ…”
“ตะ…ตะ…ตัวจริงเหรอ…เหวอ!” ปากขนาดใหญ่ของมันงับเข้าช่วงเอวของพายไว้แล้วกระชากออกมานอกหน้าต่าง
“ชะ…ช่วยด้วย ฮื้อออออออ”
มันทะยานสูงขึ้นเหนือท้องฟ้า จนแว่นตาใสแจ๋วร่วงหลุดไปตอนไหนก็ไม่รู้ เจ้าสัตว์ในนวนิยายพาบินลับเข้าก้อนเมฆรูปวงแหวนขนาดใหญ่ ทันทีที่ลำตัวของทั้งคู่ผ่านเข้าไป ไฟของตึกรามบ้านช่องก็กลับมาสว่างไสวเช่นเดิม
หนึ่งนาทีที่บินลิ่วเข้ามาในวงแหวนมิติราวกับผ่านไปหนึ่งปี เพราะหัวใจดวงนี้มันได้หยุดเต้นไปแล้ว พายตัวแข็งเป็นหินปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นั่งกินข้าวปั้นสาหร่ายไส้แซลมอนย่างซีอิ๊วอยู่ดี ๆ ก็โดนสัตว์ที่ไม่คาดคิดว่าจะมีอยู่จริงฉกเอาตัวมา
แถม…พายยังชิ้งฉ่องแตกด้วย
ดวงตาสองข้างเบิกกว้างมองอาณาจักรใหญ่โตเบื้องหน้า ทั่วทั้งผืนฟ้าเป็นสีดำทะมึน หมอกควันลอยกระทบผิวทำตัวของพายสั่นหงึก ๆ ที่นี่มันที่ไหนกัน…นรกงั้นเหรอ
มองทางซ้ายก็ภูเขาไฟ…มองทางขวาก็ภูเขาไฟที่กำลังเดือดปุด ๆ แต่แปลกที่อากาศมันกลับหนาวยะเยือกชวนให้ขนหัวลุก
มังกรยักษ์บินโฉบลงบนพื้นดินแล้วคายมนุษย์ลงแหมะจนน้ำลายเปียกชุ่มไปทั้งตัว จากนั้นก็เลียกรงเล็บของตนเองราวกับพายเป็นตัวเชื้อโรค
“ทำงานล่าช้านักเจ้าจิ้งเหลน” เสียงแหบแห้งของหัวหน้าทหารเอ่ยทัก เจ้ามังกรยักษ์คำรามหนึ่งครั้งเหมือนไม่พอใจจากนั้นก็กระพือปีกแรง ๆ แล้วบินจากไป
ทหารสองคนที่หน้าตาคล้ายตัวประกอบหิ้วปีกพายคนละข้างเข้ามานั่งในห้องโถงของอาณาจักร ด้านในนั้นใหญ่โตโออ่าและหรูหราเกินกว่าจะบรรยาย แม้บรรยากาศจะคล้ายรังของแวมไพร์เพราะโทนสีเป็นสีดำทั้งหมด แต่ก็ดูเลอค่าจนอธิบายไม่ถูก
“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ทหารทั้งสองคนค้อมหัวลงแทบติดพื้น ส่วนพายได้แต่ทำหน้าตาเหลอหลา
ฝ่าบาท? หันมองบัลลังก์ตรงหน้ารู้สึกได้ถึงแรงอำมหิตแกร่งกล้าที่กระจายอยู่รอบตัวของเขาจนเป็นควันสีดำ
เขาลุกยืนเต็มความสูงค่อย ๆ เดินลงจากบัลลังก์ช้า ๆ ทุกย่างก้าวได้ยินเสียงรองเท้าส้นเหล็กกระทบกับพื้นกระเบื้องดัง…ตึก…ตึก…ตึก…ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างไม่มีชีวิต มันเงียบมาก... เงียบจนพายกลั้นหายใจตามไปด้วย
อึก
เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่โดนเรียกว่าฝ่าบาทชัด ๆ พายก็เบิกตากว้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่ดุดันขึ้นหลายเท่าเพราะดวงตาสีแดงราวกับมัจจุราช เส้นผมสีดำขลับแผ่สยายถึงกลางหลัง ผิวขาวราวกับหิมะ รูปร่างสมบูรณ์แบบซ่อนอยู่ในชุดเกราะเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหมาด ๆ และเขางอโค้งสีดำเงาขนาดใหญ่ช่วยเสริมให้คนผู้นี้ดูสง่าขึ้นอีกร้อยเท่า
เขา...ไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ...
ฝ่ามือใหญ่ยังมีเลือดหยดติ๋ง ๆ ยื่นมาเชยคางของพายให้เงยหน้าขึ้นสบตา
ดวงตาสีแดงก่ำสำรวจมองทุกกระเบียดนิ้วก่อนจะเค้นหัวเราะในลำคอ
“กว่าร้อยปี”
“…”
“ใบหน้าที่ข้าเกลียด…แสนเกลียด”