แต่ใจฉันยังรัก 4

2285 Words
​ I HATE YOU 4 เหมือนกำลังพยายามทำอะไรสักอย่างที่ไม่เคยทำมันเลยดูฝืนใจทำยังไงชอบกล ฉันทานข้าวเสร็จก็กลับบ้านทันทีบ้านที่พี่ชายหาให้ฉันเข้าไปอยู่และต้องดูแลความสะอาดและความเรียบร้อยของบ้านเองทั้งหมดแต่เหมือนต้องหาคนช่วยแล้วล่ะเพราะเริ่มจะทำไม่ไหวจริงๆ บ้านหลังนี้มีเพียงฉันและพี่ชายรู้ว่าอยู่ที่ไหน ตั้งแต่งานหมั้นมาฉันก็ไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลยสักประโยคและกรเองก็มีท่าทีที่แปลกไป เขามักจะโทรหาส่งข้อความมามันเหมือนไม่ใช่เขาไม่เหมือนเลยสักนิด “คิดจะตกก็ตกแฮะ” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านฝนที่ไม่มีวี่แววจะตกกลับเทลงมาอย่างแรงฉันล็อคบ้านก่อนจะขึ้นข้างบนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน พรุ่งนี้วันหยุดฉันอยากจะนอนพักยาวๆโดยที่ในหัวไม่ต้องคิดเรื่องฝึกงาน 23.54 น. ไลน์ ไลน์ ไลน์ Korn:: คุณคู่หมั้น เปิดประตูบ้านหน่อย Korn:: มันหนาวนะรู้ไหม เดี๋ยวเค้าไม่สบายนะ Korn:: เมียจ๋า ครืด ครืด ครืด ทั้งเสียงไลน์ทั้งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมๆกันจนฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอันไหนก่อนฉันเมินข้อความจากไลน์และตัดสินใจรับโทรศัพท์ที่มีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ “ค่ะ” (พริกไทยใช่ไหม?) “คะ? ไม่ทราบว่าใครคะ” ฉันถามกลับเมื่อปลายสายถามหาฉัน เสียงตะโกนคุยกันเหมือนจะได้ยินมาจากอีกที่ๆไม่ใช่จากโทรศัพท์ (เพื่อนคู่หมั้นเธอยังไงล่ะ มาเปิดประตูรับมันซะก่อนที่ฉันจะทิ้งมันให้นอนกองอยู่หน้าบ้านเธอ) หน้าบ้านฉัน เพื่อนคู่หมั้น ให้ออกไปรับ บ้าไปแล้ว!! นี่มันเรื่องอะไรกันใครก็ได้อธิบายให้ฉันฟังที “คือฉัน...” (เปิดม่านดูว่าแฟนเฮงซวยของเธอมันลากเพื่อนผู้หล่อเหลาอย่างฉันมาตากฝนด้วยเนี่ย รีบมาเปิดประตูบ้านเดี๋ยวนี้ฉันป่วยง่าย!) ปลายสายบอกอย่างใส่อารมณ์ ด้วยความข้องใจฉันถึงได้แง้มผ้าม่านดูก็เจอกับผู้ชายสองคนที่กระชากลากถูกให้ยืนกันตรงๆ ฝนที่หยุดไปก่อนหน้านี้เริ่มตกลงมาเม็ดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม อยากจะใจร้ายไม่ออกไปเปิดประตูแต่เพราะทนความวุ่นวายไม่ได้เลยจำต้องหาเสื้อแขนยาวหนาๆมาใส่และเดินกางร่มออกไปที่หน้าบ้าน “กว่าจะมา อ้าวเอาไปแฟนเธอดูแลมันบ้างจะไม่ได้ต้องลำบากเพื่อนอย่างพวกฉัน” “เขาไม่ใช่...” “จะอะไรก็ช่าง รีบคุยกันให้เข้าใจซะเอามันไปเก็บได้แล้ว” “เดี๋ยวสิ! พาเขากลับไปด้วย” ฉันตะโกนตามร่างสูงๆของเพื่อนเขา แต่ร่างสูงกลับรีบวิ่งขึ้นรถไปเสียอย่างนั้น ฉันมองคนที่มีกลิ่นเหล้าโชยออกมาอย่างไม่ชอบใจแต่ก็ลากเขาเข้ามาในบ้านสำเร็จฉันทิ้งให้เขานอนที่โซฟาและหาผ้าห่มมาคลุมทับๆร่างเขาไว้ดีหน่อยที่เขาไม่ได้เปียกอะไรมากเลยไม่ต้องลำบากฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าบอนั่น ฉันเขียนโน้ตบอกเบาสั้นๆว่าตื่นแล้วให้เขารีบกลับออกไป ในใจหวังว่าเขาจะเข้าใจว่าฉันไม่ต้องการเจอเขาเลยอยากให้เขากลับไป แต่เหมือนสิ่งที่ต้องการจะสื่อเขาคงไม่เข้าใจเพราะในช่วงเที่ยงของวันฉันเดินลงมาจากชั้นสองก็เจอเข้ากับร่างสูงที่เปลือยกายเดินไปมาอยู่ทั่วบ้าน เขาสวมเพียงบ็อกเซอร์แล้วยังเดินไปมาอย่างกับบ้านนี้เป็นบ้านของเขาเสียเอง “ออกไปทานข้าวข้างนอกกัน” เขาชวนแล้วยังทำเมินกับสายตาที่ฉันมองเขาอย่างไม่พอใจนั่นอีกด้วย “ออกไปจากบ้านฉัน” “ไปทานข้าว ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดได้แล้วมันจะบ่ายแล้ว” “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!” “ไม่ อย่ามามองตาขวางแบบนั้นทานข้าวเสร็จแล้วเราจะได้คุยในเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจ” มีอะไรที่ฉันไม่เข้าใจบ้างขอถามหน่อยเถอะ ทุกอย่างทุกเรื่องมันชัดเจนหมดแล้วเขาจะมาคุยอะไรกันอีก “พริกไทย” เขากดเสียงเรียกชื่อฉันต่ำ บ่งบอกได้อย่างดีว่ากำลังไม่พอใจเพราะตลอดมาเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วเวลาอยู่กับฉันน่ะ “จะพูดอะไรก็พูดสิ พูดมาแล้วกลับไป” “ไปอาบน้ำแล้วค่อยมาคุยกัน” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นข่มความไม่พอใจเอาไว้ “จะอาบเองหรือจะให้ขึ้นไปอาบให้” ประโยคน่ารังเกียจนั่นทำให้ฉันกลับขึ้นห้องจัดการอาบน้ำแต่งตัวใช้เวลารวมๆเกือบสี่สิบนาทีเลยทีเดียว ฉันต้องทำทุกอย่างให้เขาออกไปจากบ้านฉันให้เร็วที่สุด แต่เดี๋ยวนะ เขามาที่นี่ได้ยังไง “ทำไมไม่สวมแหวน” ฉันชะงักเท้าที่กำลังเดินลงบันไดด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะทักเรื่องนี้ “ตกลงมีเรื่องอะไรจะคุย” “ทุกเรื่องที่เรายังไม่เข้าใจกัน” กรเดินเข้ามาใกล้และฉวยโอกาสจับมือฉันก่อนจะดึงให้เดินออกจากบ้านพร้อมกับเขา ฉันขืนตัวไว้จนสุดแรงแต่มันก็ยังน้อยนิดเมื่อเทียบกับแรงมหาศาลจากคนตรงหน้า “นั่งดีๆจะพาไปทานข้าว” “...” “เรื่องแฟนอะไรนั่นน่ะ ยัยนั่นเป็นเพื่อนในกลุ่มนั่นแหละเพราะฉันไม่อยากแต่งไม่อยากหมั้นกับเลยจ้างให้เพื่อนมาช่วย...” *ไม่อยากแต่งไม่อยากหมั้น* คำนี้ลอยวนในหัวฉันไม่หยุด พอได้ยินชัดๆจากปากเขาแบบนี้มันก็เจ็บดีเหมือนกันนะว่าไหม คนที่เราแอบรักแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจเรา “ยอมรับว่าฉันเองก็ผิดที่ทำไม่ดีกับเธอ เรื่องคืนนั้นขอโทษนะ ขอโทษที่อารมณ์ร้อนแล้วไม่ยอมฟังอะไร...” “เคยฟังอะไรด้วยเหรอ? ทุกอย่างที่เป็นฉันมันผิดตั้งแต่ต้นอยู่แล้วล่ะไม่ต้องมาขอโทษเพราะรู้สึกผิด” ฉันกัดฟังบอกเสียงเสียงสั่น รถบ้านี่ก็จะติดไปไหน ฉันไม่อยากจะอยู่กับเขาแล้วฉันอยากกลับแล้ว “ขอโทษพริกไทย” “อยากให้อภัยให้ไหม” ฉันถามออกไป กรหันมามองอย่างมีความหวังเช่นเดียวกันเมื่อได้ยินฉันถามออกไป “อยาก!” “ไม่ต้องเจอ ไม่ต้องรู้จักฉันสิต่างคนต่างอยู่ฉันอาจจะให้อภัยนายก็ได้นะ” พูดเองก็เจ็บเอง แต่เพราะความเจ็บปวดมันสอนให้ฉันต้องปกป้องตัวเอง “นะ นานแค่ไหน” อีกฝ่ายสะอึกไปก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ “อือ ถ้าหายไปเลยสักปีสองปีฉันก็อาจจะลืมนายก็ได้ถึงเวลานั้นเรื่องเลวๆของนายฉันก็คงจะลืมไปด้วย” “อือ ได้สองปี สองปีนะ” ความสุข... ฉันได้สัมผัสมันอีกครั้งเมื่อฉันกับเพื่อนฝึกงานเสร็จและกลับมาเจอกันเราต่างพูดคุยกันและแชร์เรื่องราวต่างๆที่เจอให้กันและกันฟัง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนทำให้ฉันยิ้มได้อีกครั้ง ส่วนใครบางคนที่รับปากว่าจะต่างคนต่างอยู่ก็หายเงียบไปแต่เมื่อวานกลับบังเอิญเจออยู่ร้านอาหารและยังเป็นเหมือนเดิมเมื่อเขาทำให้ฉันหงุดหงิดได้อย่างดีเยี่ยม แต่สองเดือนที่เขารับปากมามันมีทั้งสุขแลละทุกข์ ฉันจะไม่มองความทุกข์แล้วกันขอฉันมองความสุขที่ได้รับจากคนรอบข้างดีกว่า ฉันไม่ได้สวมแหวน ฉันไม่ได้บอกเพื่อนว่าเคยหมั้น ฉันไม่เคยเล่าเรื่องเขาให้เพื่อนฟังเพราะเรื่องแย่ๆฉันจะไม่แชร์ให้เพื่อนที่ฉันรักรับรู้เด็ดขาด ระหว่างรอรับปริญญาฉันก็เข้าทำงานที่บริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งแถบชานเมืองฉันต้องขับรถไปกลับระหว่างที่บ้านและที่ทำงานฉันไม่เหนื่อยหรอกนะ ฉันมีความสุขดีนอกจากทำงานก็มีเพื่อนที่นัดทานข้าวกันบ่อยๆ พี่ชายฉันยังคิดต่อและทานข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง ส่วนพ่อกับแม่ฉันไม่ได้ติดต่อเลยตั้งแต่หลังงานหมั้น “น้องพริกเย็นนี้ไปทานชาบูด้วยกันไหม” พี่กนกหัวหน้าแผนกเอ่ยชวนเมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน “ไปค่ะ แต่พี่จะไปร้านไหนกันคะ” ฉันถามกลับไหนๆก็ว่างแล้วขอไปทานข้าวเย็นกับพี่ๆดีกว่า “ร้านชิลอัพไหมใกล้ๆนี่เอง” พี่บัว พี่ที่แผนกเสนอมา “ได้ค่ะ มีใครไปบ้างคะเนี่ย” “ไปหมดเลย” พี่กนกยิ้มให้ฉันเลยแกล้งแซ็วกลับ “โห ไรอะชวนกันหมดเลยแต่ชวนน้องคนสุดท้ายเนี่ยนะน้อยใจได้ไหมคะเนี่ย” “ฮาๆๆๆ เพราะรู้ไงว่าเราต้องไปเอาละๆเก็บของกันเย็นนี้มีสปอนเซอร์เลี้ยงไม่อั้น” พี่กนกยิ้มร่า มีคนจะเลี้ยงนี่เองทุกคนเลยไปกันหมด บอกไปหรือยังนะว่าบริษัทที่ฉันทำงานอยู่เป็นบริษัทที่การส่งออกผลไม้ไทยเห็นว่าเจ้าของบริษัทเป็นผู้บริหารของบริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดังแต่พอถามชื่อพี่ๆกลับไม่ยอมบอกและบอกแค่ว่ามีช่วงนี้เลขาท่านจะเข้ามาดูแลเอง “พริกแพ้อะไรไหม” พี่คนหนึ่งถามเมื่อเรามาถึงร้านและกำลังจะสั่งอาหารมาทานเล่น “ไม่แพ้ค่ะ” ฉันบอกไปไม่แพ้แต่ก็มีสิ่งที่ไม่กินและพี่ๆก็เดินไปตักมันมาเรียบร้อย “หม้อนี้ไม่ต้องใส่กะหล่ำแล้วกัน” พี่กนกชี้บอกพี่ในแผนก “รับทราบค่ะหัวหน้า” พี่ๆดูแลฉันดีมากจนดูแปลกเขาเหมือนรู้อะไรมาเกี่ยวกับฉัน แต่เพราะพี่ชวนคุยและเฮฮาเลยทำให้เรื่องที่สงสัยคลายหายไป หมูสไลด์ถาดแล้วถาดเล่าที่หมดไปแต่ยังดูเหมือนทุกคนยังทานได้อีกเรื่อยๆฉันเองก็ยังทานต่อได้อีกพรุ่งนี้วันหยุดบริษัทเหมือนทุกคนก็มาฉลองกันนั่นแหละแอบเห็นพี่จากแผนกอื่นก็มาด้วยเหมือนกันแต่นั่งอยู่อยู่คนละมุมร้านกระจัดกระจายกันไป แต่คนทั่วทั้งร้านเหมือนจะมีแค่พนักงานบริษัทที่ฉันทำงานอยู่ “เออใช่ พริกรับปริญญาวันไหนนะ” พี่บัวถามเหมือนเพิ่งนึกได้ “เดือนหน้าค่ะ จะขอลาหยุดสักสี่ห้าวันบริษัทจะไล่หนูออกก่อนไหมพี่” ฉันถามพี่ขำ พวกพี่หัวเราะกันลั่นเมื่อได้ยินฉันถามออกไป “ไม่หรอก เดี๋ยวพี่ให้ลาเจ็ดวันเดี๋ยวเซ็นให้เอง” “ว้าว ขอบคุณล่วงหน้าค่ะพี่หนก นึกว่าจะได้ลาออกแทนการลาพักเสียอีก” “ฮ่าๆๆๆ บอสเราใจดีจะตายเอาเป็นว่าถ้าจะลาแจ้งก่อนสักสองสามวันนะ” “ได้เลยค่ะ” “สั่งเพิ่มไหมพริก” “ไม่ไหวแล้วค่ะพี่ อิ่มมาก” ฉันลูบท้องตัวเองให้พี่ดูว่าอิ่มแล้วจริงๆ อิ่มมากเลยนะอร่อยมากเลยด้วยเดี๋ยวครั้งหน้าต้องมาอีกแน่เลยอร่อยสุดๆ “พี่จะไปเข้าห้องน้ำมีใครไปด้วยไหม” “หนูไปด้วยพี่ ปวดฉี่อะ” ฉันลุกเดินตามพี่ชลไป ฉันที่ทำธุระเสร็จก่อนก็ออกมาล้างมือแต่ระหว่างรอก็มีพนักงานของบริษัทเดินคุยกันเข้ามาในห้องน้ำ ที่รู้ว่าเป็นบริษัทเดียวกับที่ฉันทำงานอยู่เพราะชุดที่พวกเธอใส่นั่นแหละ “เขาลือว่าที่บอสใหญ่ให้งบมาเลี้ยงชาบูพนักงานเพราะอยากให้คู่หมั้นตัวเองได้ทานเลยเหมาร้านให้แล้วมากันทั้งบริษัท” “ทำไมไม่เลี้ยงแค่คู่หมั้นตัวเองล่ะ” “อันนี้ไม่รู้แต่ที่รู้คู่หมั้นบอสใหญ่อยู่ฝ่ายบริหาร” ฝ่ายบริหารก็แผนกฉันนี่ ว้าวที่ฉันทำงานอยู่กับคู่หมั้นบอสใหญ่หรอกเหรอเนี่ยใครกันปิดได้เงียบขนาดนี้ “ใครรู้ไหม” “ไม่รู้เขาเมาส์กันแค่นั้น” จะเมาส์ต่อก็ไม่ได้ เฮ้ย แล้วฉันจะไปใส่ใจเรื่องคนอื่นทำไมกันเนี่ยบ้าจริงๆ “รอนานไหม พี่อั้นไว้นานอะเลยยาวไปนิด” “ฮ่าๆๆ พี่อะยังจะเล่าให้ฟัง หนูรอไม่นานค่ะเราไปกันเถอะเหมือนจะย่อยละหนูอยากทานหมูสไลด์อีกแล้ว” “เอาสิ สั่งมาเลยเดี๋ยวพี่กินช่วย” เราทั้งสองกลับมาโต๊ะก็เจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอและยังไม่อยากเจอ ฉันยืนนิ่งค้างไม่กล้าเดินเข้าไปคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น ที่เก้าอี้ข้างๆตัวที่ฉันเคยนั่ง เขามาที่นี่ได้ยังไงกัน “อ้าว มากันแล้วนั่งก่อนพี่เพิ่งสั่งหมูไป” พี่บัวบอกฉันจ้องคนมาใหม่นั่นด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ต้องนิ่งและเดินเข้าไป ต้องทำเหมือนคนไม่รู้จักกันเพาะฉันบอกเขาไว้อย่างนั้นและฉันมั่นใจว่าเขาเองก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันและเขาเคยรู้จักกัน “ไปไหนมา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD