แต่ใจฉันยังรัก 1

2989 Words
​ I HATE YOU 1  คุณเคยรักใครคนหนึ่งมากๆและยังเกลียดเขามากไหม มันเป็นความรู้สึกที่ชวนสับสนมากเช่นเดียวกัน ฉันยื่นมือสั่นๆของตัวเองไปหยิบเสื้อที่วางเกลื่อนบนพื้นก่อนจะรีบสวมเสื้อผ้าอย่างเจ็บใจพรางจ้องมองร่างสูงเปล่าเปลือยที่นอนคว่ำหลับไปอยู่บนเตียงด้วยสายตาเกลียดชัง *รักมากก็เกลียดมาก*คำนี้เหมาะกับคนเลวๆอย่างเขาที่สุดแล้ว ฉันออกจากห้องนรกนั่นและไม่คิดจะหวนกลับไปอีกครั้งแน่นอน เรื่องราวต่างๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวฉันไม่หยุด ทุกอย่างที่ฉันทำ ทุกอย่างที่เขาทำมันเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงที่เขาทำขึ้นเพื่อที่แม่ของเขาจะได้เลิกยุ่งกับเข าเพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเขามีแฟนอยู่แล้วยังไงล่ะ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขามันเป็นเพียงความผิดพลาดไม่ก็เกิดจากความใจอ่อนของฉันที่มีต่อเขา แต่ต่อไปนี้ฉันจะเข้มแข็งและมองเขาเป็นเพียงมนุษย์ร่วมโลกคนหนึ่งเท่านั้น เรื่องที่ทำให้ฉันและเขาทะเลาะกันวันนี้เกิดจากผู้ใหญ่เร่งให้เราทั้งสองหมั้นกันพอเรียนจบก็จะต้องแต่งงานกันเพื่อที่จะขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง แต่เพราะเขาไม่เคยคิดอะไรกับฉันไม่สิเขาไม่เคยมองเห็นฉันด้วยซ้ำ นั่นแหละพอผู้ใหญ่บอกมาฉันที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิด ผิดไปทุกเรื่องในสายตาเขาก็ถูกยัดเยียดว่าเป็นคนไปเร่งผู้ใหญ่เกี่ยวกับงานหมั้นแม้จะบอกจะปฏิเสธยังไงเขาก็ไม่เชื่อ พอบอกว่าจะไปบอกผู้ใหญ่เองว่าจะไม่หมั้น เพียงแค่ฉันพูดประโยคนั้นเขาก็หาว่าฉันแสดงละคร หึ ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมดทุกอย่างนั่นแหละทุกอย่างมันเลยลงเอยกับความผิดพลาดครั้งใหญ่แบบนี้ ก่อนถึงคอนโดฉันตัดสินใจแวะที่ร้านยาสิ่งที่ฉันกลัวจะไม่มีวันเกิดขึ้น  “มียาคุมฉุกเฉินไหมคะ?”  วันนรกผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อกลับมาถึงหอพักฉันก็เริ่มเก็บของใส่กล่องเพื่อที่จะย้ายไปอยู่บ้านที่พี่ชายซื้อไว้ให้ ฉันต้องไปฝึกงานอีกสี่เดือนและพอเรียนจบฉันจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง ฉันจะไม่ขอเงินพวกเขาใช้ ถ้าหากไม่แต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการพวกเขาคงไม่ยอมให้ฉันอยู่ด้วยแน่เพราะแบบนี้ไงล่ะพี่ชายคนเดียวของฉันถึงได้แอบซื้อบ้านไว้ให้โดยที่ไม่มีใครในบ้านรู้ว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ   “เสร็จสักที พรุ่งนี้เริ่มย้ายของดีกว่า” ฉันพึมพำบอกตัวเอง ระหว่างที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะไปอาบน้ำโทรศัพท์เครื่องสวยก็มีสายเรียกเข้า ฉันไม่รอช้าที่จะก้าวเข้าไปดูว่าใครโทรมา แต่เพราะเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้แต่ฉันกลับรู้จักเจ้าของเบอร์นั้นอย่างดีเลยตัดสินใจไม่รับสายพอสายตัดไปฉันก็บล็อกเบอร์โทรเขาทันที ฉันตัดสินใจแล้วว่าต่างคนต่างอยู่ แม้ฉันจะแอบรักเขามากแค่ไหนแต่ในเมื่อเขาไม่เคยที่จะสนใจกันบ้างวันนี้ฉันก็จะกลับมามองตัวเองและเลิกสนใจเขาอย่างเด็ดขาด  “วันนี้ไปทานข้าวไหนกันดี” ต้นหลิวถามเมื่อเรากำลังเดินออกจากคณะตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่เจอเขาเลย ไม่สิคงต้องบอกว่าฉันเลี่ยงที่จะเจอเขามากกว่า และฉันมั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่เขาเจอฉันอยู่กับเพื่อนเขาจะไม่มีทางเข้ามาทัก เพราะรู้ว่าเขากลัวคนอื่นจะรู้ว่าฉันกับเขารู้จักกันน่ะสิ   “ไปร้านที่เพิ่งเปิดใหม่กันไหม ชวนสองคนนั้นด้วย”  “เอาสิ”  “พวกนั้นมันจะทิ้งเราไปต่างจังหวัด” ฉันฟ้องเพื่อนทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ และลมหายใจสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อเจอคนที่กำลังหลบหน้ายืนอยู่บันไดทางขึ้นลงคณะ แต่น่าแปลกที่วันนี้มีเพียงเขาคนเดียวแฟนสาวสุดที่รักเขาไปไหนเสียแล้วล่ะ ไม่ยักรู้ว่าห่างกันได้ด้วยเห็นตัวติดกันนึกว่าแฝดสยาม ฉันกอดแขนเพื่อนเป็นปกติและไม่มองหน้าเขาเลยสักวินาที    “มีอะไรหรือเปล่า ผู้ชายคนเมื่อกี้จ้องเธอมากเลยนะ” ต้นหลิวเอียงหน้ากระซิบถามเมื่อเขาเดินลงบันไดมาแล้ว  “ไม่นะ ไม่รู้จักด้วยซ้ำรีบไปกันเถอะหิวแล้วๆ” ฉันโกหกเพื่อนและกำลังหลอกตัวเองว่าไม่รู้จักเขา ตอนที่แยกกับเพื่อนเพื่อที่จะขับรถไปเจอกันอยู่ร้านที่นัด ฉันเห็นเขาเดินตามมาและเพื่อป้องกันตัวเองฉันเลยวิ่งไปที่รถแล้วล็อคประตูไว้ยังไม่ทันจะสตาร์ทรถก็มีเสียงเคาะกระจกแรงๆจนฉันเองยังสะดุ้งตกใจ =pl=                “ลงมาคุยกัน!” ***กร*** ผู้ชายสารเลวที่ฉันรักเขามากและตอนนี้ฉันเองก็เกลียดเขามากเช่นกัน กำลังเคาะกระจกเรียกให้ลงไป ไม่กลัวคนอื่นจะสงสัยหรือไงนะว่ารู้จักฉันน่ะ “...” ฉันเม้มปากแน่นไม่สนใจเขาและสตาร์ทรถเพื่อขับออกไปจากที่นี่ ในเมื่อเกลียดกันไปแล้วเขาจะคุยกับฉันทำไมอีก ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรือไงกัน พอถึงร้านฉันก็ต้องบอกตัวเองว่าห้ามทำให้เพื่อนเป็นห่วง ฉันยืนอยู่หน้าร้านสักพักก่อนจะเดินเข้าร้านด้วยท่าทีสบายๆการอยู่กับเพื่อนสำหรับฉันมันเป็นการรักษาสภาพจิตใจที่ดีที่สุด เพราะนั่นมันทำให้ฉันรู้ว่าเพื่อนยังรักและแคร์ฉันไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์ใจอย่างน้อยฉันก็ยังมีพวกเขา  “พวกนั้นเตรียมของแล้วนะ แกล่ะจะพักที่เดิมหรือว่าย้าย” ต้นหลิวถามระหว่างที่รออาหาร  “ว่าจะย้ายเลย แล้วแกล่ะ”  “อยู่คอนโดเดิมนั่นแหละ พริกไทย...”  “หือ?” ฉันเงยหน้าจากเครื่องดื่มจ้องมองเพื่อนอย่างสงสัย  “แกมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า เล่าได้นะเผื่อช่วยได้” ฉันได้แต่บีบมือตัวเองแน่นฉันไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงจริงๆนะ แล้วเรื่องของฉันมันก็จบลงไปแล้ว  “ไม่มีอะไรแล้วแก มันจบไปแล้วขอบใจนะ”  “ถ้าไม่ไหวบอกนะ พวกเราพร้อมจะอยู่ข้างๆแกๆก็รู้”  “อื้อ ทานข้าวกันเถอะเย็นหมดแล้ว คิดแล้วก็น่างอนสองคนนั้นเทเราไปกับผู้ชายอะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่ยอากให้เพื่อนเครียดตาม   “เอาน่า สองคนนั้นต้องห่างแฟนเลยนะ”  “เออนี่ วันก่อนฉันไปแอบดูที่ฝึกงาน...”  ฉันนั่งฟังต้นหลิวคุยจนเกือบหลับ เวลาอยู่กับเพื่อนฉันมีความสุขมากเพราะได้หัวเราะได้ยิ้มได้ทำได้พูดในสิ่งที่เป็นตัวเอง ฉันไม่ชอบกลับบ้าน ไม่ชอบออกงาน ไม่ชอบออกไปทานข้าวกับครอบครัว หลายอย่างทำให้ฉันรู้ว่าคนที่ฉันเรียกว่าพ่อแม่เขาไม่ใช่พ่อแม่จริงๆของฉันหรอก  เกือบสองทุ่มฉันแยกกับเพื่อนเพื่อกลับห้องพักตัวเอง แต่ไม่มีอะไรน่าตกใจเท่าฉันกลับเข้าห้องแล้วเจอผู้ชายร่างสูงสองคนนั่งทำหน้าเครียดอยู่บนโซฟา  “พี่มาได้ไงคะ?” ฉันเลือกที่จะถามพี่ชายตัวเองอย่างพี่ชาย และเลือกที่ไม่สนแขกอีกคนที่ฉันหลบหน้ามาหลายวัน “เห็นเงียบๆไปเลยมาหา แล้วเจอกรรออยู่หน้าคอนโดเลยพาขึ้นมาด้วยเห็นบอกว่าจะคุยกับเรา” “ค่ะ พี่จะค้างไหมคะ?” “คงไม่ แต่จะพาไปทะเลนะว่างนี่ไปพักผ่อนกัน”  “ใครไปบ้างคะ” ฉันถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะลางสังหรณ์บอกไว้ว่าถ้าไปครั้งนี้อะไรบางอย่างจะเปลี่ยนไป “ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”  “หนูไม่อยากไป” ฉันนั่งลงตรงข้ามพี่ชาย มองเมินสายตาของกรที่มองมานั่นด้วย “ครั้งนี้สำคัญไปเถอะ ไปกับพี่” “ตอนไหนคะ” “คืนนี้เดี๋ยวให้เวลาเอาบน้ำเปลี่ยนชุด พี่ขอเคลียกับคนแฟนเราก่อน” แฟน?? “หนูไม่มีแฟนค่ะ” ฉันไม่มองหน้าเขาฉันไม่อยากจะมอง ทำได้ดีแล้วพริกไทยอย่าไปสนใจเขา ฉันได้แต่บอกตัวเองในใจ   “ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะ จะไปเดินทาง” พี่ชายบอกเสียงเข้ม ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องนอน พอล็อคห้องเสร็จฉันก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพราะกลัวพี่จะรอนาน  “ต้องเอาชุดไปด้วยไหมเนี่ย” ฉันพึมพำถามตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยอมเก็บเสื้อผ้าติดกระเป๋าไปหนึ่งชุดถ้วน คิดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะได้กลับเร็วนั่นแหละนะ คุยกันยังไม่ทันจะเสร็จหรอกคงทะเลาะกันก่อนแล้วฉันก็จะโดนไล่กลับเหมือนทุกครั้ง   “โอเคเรียบร้อย” ฉันมองรอบๆห้องนอนอีกครั้งก่อนจะหยิบเป้ที่เตรียมเสื้อผ้าไว้ขึ้นมาถือแล้วเดินออกไปนอกห้องนอน ตอนนี้สามทุ่มครึ่งแล้วล่ะกว่าจะถึงที่พักคงดึกมากเหมือนกัน  “พี่ชายหนูเสร็จแล้ว ไปกันถะ...” คำสุดท้ายหายไปจากประโยคเมื่อนอกห้องนอนไม่มีร่างสูงๆของพี่ชายแต่มีเพียง กร ที่กำลังจ้องฉันอยู่ “พี่ไปก่อนแล้ว ต้องไปรับแฟน” ถ้าพี่ชายไปแล้วงั้นฉันจะไปกับใครให้นั่งรถทัวร์ไปเหรอ? รถจะมีอยู่ไหมเนี่ย   “ไปได้แล้ว” กรเดินเข้ามาดึงกระเป๋าฉันไปถือแล้วรั้งมือฉันไปที่หน้าตูห้อง เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าฉันต้องไปกับเขา คิดได้ดังนั้นเลยไม่รอช้าที่จะดึงมือตัวเองออกจากมือใหญ่นั่น “อย่าเพิ่งดื้อ เอาของครบหรือยัง ห้องนอนปิดไฟแล้วใช่ไหม” เขาถามอย่างกับก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีเรื่องกัน หรือทะเลาะกันมากก่อน อย่านะ อย่ามาล้อเล่นกับความรู้สึกฉัน  “ฉันไปเองได้...”  “ดึกแล้ว ไปด้วยกัน”   “ไม่...” “ปิดไฟแล้วรีบตามมา” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับกระเป๋าของฉัน ให้ตายสินี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมเขาทำอะไรที่ไม่ใช่เขาแบบนี้ ฉันไม่ชอบหรอกนะ  “ทานข้าวมาหรือยัง” เมื่อตัดสินใจขึ้นรถมากับเขาฉันก็ยังคงเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแม้เขาจะเพียรถามตลอดทาง ฉันหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์แล้วเปิดเพลงฟังสายตายังจับจ้องไปที่ห้องถนนยามค่ำคืน ตามที่นั่งรถมาและมองตามป้ายแล้วคิดว่าคงจะเป็นพัทยาสถานที่ๆเรากำลังจะไป  “ขอแวะเข้าห้องน้ำหน่อยนะ จะไปซื้อขนมไหม” กร เขายังถามแต่ฉันนั่งนิ่งไม่ตอบไม่หือไม่อืออะไรสักอย่าง ฉันแค่กลัว กลัวใจตัวเองที่มันจะวนลูปกลับเข้าไปอยู่จุดเดิม กรไม่ตอบเขาลงจากรถเงียบๆ พอได้อยู่คนเดียวบนรถที่เคยฝันว่าอยากจะนั่งแต่พอถึงเวลานี้ฉันไม่อยากนั่งแล้ว ภาพที่เขาเคยขับรถให้แฟนเขานั่งไหลเวียนเข้ามาในความคิดไม่หยุด ผู้หญิงคนนั้นโชคดีนะที่กรรักเธอและฉันก็ยินดีกับทั้งสองที่ทั้งคู่รักกันเพราะเป็นคู่ที่เหมาะสมมากอีกคู่เลยล่ะ ส่วนฉันเป็นแค่เพื่อนร่วมโลกแค่นั้น ฉันนั่งจมกับความคิดตัวเองอยู่เพียงครู่หนึ่งก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อโทรศัพท์ฉันมีสายเข้าจากผักบุ้งเพื่อนสนิทที่ฉันรักอีกคน “ว่าไงคนไม่สวย” ฉันรับสายด้วยน้ำเสียงสดใส คิดถึงเพื่อนจังรู้งี้ไม่กลับห้องดีกว่าจะไปขลุกอยู่ห้องเพื่อนเลยจะได้ไม่ต้องกลับมาเจอพี่ตัวเองแล้วต้องมาต่างจังหวัดด่วนแบบนี้  (หาไม่เจอ รออยู่หน้าห้องเนี่ย)   “ขอโทษไม่อยู่ห้อง”  (ไปไหน? ดึกแล้วชะนี) ผักบุ้งถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแต่ฟังก็รู้ว่ามันเป็นห่วง คงกลัวเสียฟอร์มถ้าถามออกมาตรงๆ “มาต่างจังหวัดด่วนน่ะ มีอะไรหรือเปล่าทำไมไปหาอยู่ห้อง” ฉันยิ้มขำกับความน่ารักของเพื่อน แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกแรงๆพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงของเจ้าของรถ ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไรมาอีกสงสัยจะทะเลาะกับแฟนมาล่ะมั้งเพราะทุกครั้งที่มีฉันอยู่ในวงโคจรของเขา เขาก็มักจะมีอาการแบบนี้นั่นแหละหงุดหงิดใส่ทุกอย่างแม้กระทั่งลมพัด ฉันควรขอให้เขาไปส่งที่ท่ารถแล้วหาทางไปเองไหมฉันไม่อยากถูกเขาด่าว่าเป็นต้นเหตุที่เขากับแฟนทะเลาะกัน  (คิดถึงว่ะ เหงาด้วย) “ขอความจริงได้ไหม” ฉันยิ้มเมื่อเห็นรูปที่ผักบุ้งส่งเข้ามาในแชทไลน์ เราโทรคุยกันแบบธรรมดาแต่ในไลน์เราส่งรูปให้กันดู ผักบุ้งบอกทำแบบนี้น่ะดีแล้วจะได้ใช้โปรโมชันอินเทอร์เน็ตให้คุ้ม ฉันไม่สนใจคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับเลยสักนิด ทำเหมือนที่เขาเคยทำกับฉันเหมือนอีกฝ่ายเป็นธาตุอาการ  (ไม่มีคนเล่นด้วย พวกมันบอกให้โทรหาแก) รูปขวดเหล้าวางเกลื่อนอยู่พื้นห้องที่คุ้นเคย พร้อมกับเสียงที่ดูแผ่วลง   “ทะเลาะกันเหรอ” ฉันถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง แอบเหลือบมองคนข้างๆเมื่อเขายื่นมือมาสะกิดที่ต้นแขนเบาๆ พอเหลือบมองเขาก็ยื่นนมกล่องมาให้ ฉันมองนมกล่องนั้นอย่างชั่งใจแต่หัวใจกลับเต้นแรงจนน่าโมโห นมกล่องที่ฉันชอบแต่ก็ต้องบังคับไม่ให้ตัวเองหวั่นไหวเพราะเขาอาจจะแค่บังเอิญหยิบมาก็ได้ พอไม่ยื่นมือไปรับเขาแค่เอื้อมมือฉันไปรับนมจากมือเขาจากนั้นขนมและเครื่องดื่มที่เขาซื้อมาก็ถูกวางลงบนตักฉัน ก่อนที่เขาจะค่อยๆเคลื่อนรถออกไปช้าๆโดยที่ฉันยังคุยกับเพื่อนอยู่  (ก็ไม่เชิง คนบ้าจะมาหวงเพราะเราถ่ายรูปกับเพื่อนในคลาสลงโซเชียลล่ะบ้าหรือเปล่าคบมานานแล้วนะไม่เชื่อใจกันบ้างเลย)  “รักไง” (รักแต่ไม่เชื่อใจ แค่อยากให้เชื่อใจบ้างสักนิดก็ดี) “เคยถามไหมล่ะถามไปตรงๆเลยสิทำไมไม่เชื่อใจ” หนาวแฮะ ถ้าเป็นรถพี่ชายหรือเพื่อนฉันคงไม่รอช้าที่จะปรับแอร์รถให้อุ่นกว่านี้แต่นี่เป็นรถผู้ชายคนนั้นฉันเลยไม่กล้าแตะต้องอะไรนั่งอยู่ในรถก็พยายามทำตัวให้เล็กเพื่อที่เขาจะได้ไม่หงุดหงิดจนทนไม่ไหวไล่ฉันลงจากรถ (...) “ไม่เคยถามใช่ไหมล่ะ ลองถามดูไหม” (อือ จะลองดูเขากลับมาแล้วล่ะ หายไปสองวันเลยเพิ่งกลับมา) ปลายสายฟ้องอย่างกับเด็กที่ถูกแย่งลูกอม “อือ ใจเย็นๆลองคุยกันก่อน”  (ขอบใจนะ แล้วตกลงไปต่างจังหวัดกับใครมันอันตรายนะดึกแบบนี้ด้วย) เหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าฉันมาต่างจังหวัด ฉันยิ้มก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วคุยกับเพื่อนต่อพยายามมองข้ามความรู้สึกที่เหมือนคนที่ขับรถอยู่หันมามองอยู่บ่อยครั้ง เอาสิรำคาญฉันเยอะๆ เกลียดฉันให้มากกว่าเดิมเพราะฉันจะได้ตัดใจให้เร็วขึ้น  “ไม่มีอะไรหรอกเดี๋ยวคงได้กลับ” แม้มั่นใจว่ากลับไปมันจะมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป ฉันก็จะกลับไปหาเพื่อนอยู่กับเพื่อน เพราะพวกมันทำให้ฉันรู้ว่าความสุขมันเป็นยังไง  (กลับวันไหนโทรมา จะพาไปทานข้าว) “รักจัง...”  (พาไปแต่แกจ่ายค่ะชะนีน้อย ฮาๆๆพอละไม่กวนละถึงแล้วก็ไลน์บอกด้วยเป็นห่วง You know!?) “รู้จ้ารู้ เดี๋ยวโทรหา”  (บาย) “บาย” พอวางสายจากเพื่อนฉันก็ฟังเพลงต่อไม่รู้ว่าตอนนี้ถึงไหนแล้วเหมือนกัน รอบข้างมันมืดมากไม่กล้ามองรอบข้างเลยตั้งแต่เจอประสบการณ์ขนหัวลุกที่หัวหินฉันก็เป็นคนหวาดระแวงความมืดทุกที่นอกจากคอนโดตัวเอง  “ร้านอาหารปิดหมดแล้วไม่รู้ว่าทานอะไรมาหรือยังแต่ทานนมกับขนมรองท้องไปก่อน” กรบอกเสียงเรียบๆ แต่ฉันก็ยังเงียบและทำเหมือนไม่ได้ยินต่อไป “หนาวหรือเปล่าผ่อนแอร์ได้นะ ฉันขี้ร้อนน่ะ” ไม่บอกก็รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาฉันรู้หมดเพียงแต่รู้ในขอบเขตของคนที่เขาเกลียด ฉันชอบเขามากก็จริงแต่ไม่เคยมีโอกาสใกล้เขาเลยสักนิดแต่ตอนนี้คืออะไรในเวลาที่ฉันอยากหนีห่างเขากลับพาตัวเองเข้ามาใกล้ฉันแบบนี้น่ะเหรอเบื้องบนต้องการอะไรจากฉันกันแน่  “แล้วรู้ไหมว่าทำไมต้องมาพัทยาด่วน” ถามต่อแต่ฉันยังเงียบต่างตรงที่หูกลับตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะบอก “รู้หรือเปล่าว่าพรุ่งนี้เราต้องหมั้นกัน...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD