“ไฟไหม้!” ฉันเบิกตาโพลงแล้วรีบวิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องน้ำทันทีอย่างไม่คิดชีวิต กลิ่นควันเหม็นๆ มันยังลอยคลุ้งอยู่ในอากาศจนฉันต้องยกมือบีบจมูกเอาไว้ แล้วเมื่อวิ่งเข้ามาข้างในเท่านั้นแหละ หลังนี่แทบหงาย... “อ้าว...” ฉันอ้าปากค้างและเห็นร่างสูงของพี่อาร์นั่งอยู่บนอ่างล้างหน้า ริมฝีปากสีแดงเหมือนผลเชอร์รี่คาบมวนบุหรี่ติดไฟเอาไว้ด้วย
ต้นตอของกลิ่นควันคือบุหรี่ที่พี่เขาสูบนั่นเอง
เดี๋ยวนะ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่เขาสูบบุหรี่ด้วย...
“อะไร” พี่อาร์ถามเสียงเนือยนิ่ง สองตาคมกริบเหลือบมองเหมือนแปลกใจเล็กน้อยที่ฉันพรวดพราดเข้ามาในห้องน้ำชาย ก็ใครมันจะไปรู้เล่า...ไอ้เราก็คิดว่าไฟไหม้ถึงได้รีบวิ่งเข้ามาช่วย ที่ไหนได้...
“พี่อาร์สูบบุหรี่ด้วยเหรอคะ” ฉันถามและยังยืนอยู่ที่เดิม พี่อาร์ใช้นิ้วคีบบุหรี่ออกมาจากปากแล้วพ่นควันออกมาเบาๆ
“แล้วที่เห็นอยู่นี่คืออะไร ตาบอดหรือไง”
“เปล่า...หนูแค่สงสัย เพราะไม่คิดว่าพี่อาร์จะสูบน่ะค่ะ” ฉันยิ้มเจื่อนและมองกลุ่มควันสีเทาลอยคลุ้งอยู่บนอากาศ ทำไมนะ...ทำไมผู้ชายถึงชอบสูบบุหรี่ มันไม่เห็นจะอร่อยเลย แค่กลิ่นก็แทบอ้วกแล้ว
“ออกไป มันเหม็น” พี่อาร์ไล่เสียงเนือยอีกครั้ง และที่เขาบอกมาคงหมายถึงไม่อยากให้ฉันยืนสูดควันเข้าจมูกล่ะมั้ง
“งั้นหนูจะรอข้างนอก...” ฉันทำท่าหันหลังกลับเพราะคิดว่าพี่อาร์คงใช้เวลาสักพักกว่าจะสูบบุหรี่หมดมวน แต่แล้วเท้าก็ต้องชะงักกึกลงตอนที่ได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากห้องน้ำฝังตรงข้าม ซึ่งก็คือห้องน้ำหญิงนั่นเอง ระยะห่างมันใกล้แค่นิด...และนั่นทำให้ฉันได้ยินมัน
“อ๊ะ...อือ”
“อย่าเสียงดังสิตัวเอง เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยิน อืม...” ฉันเบิกตาโพลง ขาแข้งแข็งทื่อไปหมดแล้ว นี่ถ้าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป เสียงนั่นมัน...
“...” ฉันเงียบ พี่อาร์ก็เงียบ แต่เสียงบ้าๆ นั่นก็แทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“อ๊ะ อ๊ะ...อย่าแรงสิ” นี่มันโรงเรียนไม่ใช่เหรอ โรงเรียนเลยนะ! ทำไม...
ฉันคิดไปต่างๆ นานา แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อแผ่นหลังถูกฝ่ามือของใครสักคนออกแรงดันเบาๆ แล้วพอหันกลับไปเท่านั้น ฉันก็ต้องรีบก้มหน้าลงทันที ปกติพี่อาร์ชอบทำหน้าเนือยๆ ใช่ไหม แต่เมื่อครู่นี้พี่เขาขมวดคิ้วเหมือนหงุดหงิดอะไรสักอย่าง ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ออกไปสิ ยืนบื่อทำไม” เขาเอ่ยเสียงดุนิดๆ ฉันเลยพยักหน้า แต่จังหวะที่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง...สายตาก็เหลือบเห็นว่าตรงลำคอแกร่งเกิดคลื่นเล็กน้อยเหมือนเขาเพิ่งกลืนน้ำลาย ตรงไหปลาร้ามีหยดเหงื่อผุดซึมขึ้นนิดหน่อยแต่สร้างความมาดแมนและเซ็กซี่จนมือไม้สั่นไปหมด
“อ๊ะ!” ฉันกรีดร้องในใจเมื่อได้ยินเสียงครางอีกครั้ง ทั้งที่ขนลุกและขยะแขยง แต่ร่างกายเจ้ากรรมไม่ยอมขยับเท้าออกไปจากห้องน้ำชายสักที
ปึก!
ด้วยเหตุนั้นเอง! พี่อาร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าจึงใช้มือทั้งสองยันกับประตูห้องน้ำไว้โดยมีร่างฉันอยู่ตรงกลาง กักกันเหมือนไม่ให้หนีอีกต่อไป ฉันเบิกตาโพลง กลืนน้ำลายลงคอขณะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงของพี่อาร์ซึ่งค้อมกายอยู่ไม่ไกล สีหน้าเขาดูหงุดหงิด รำคาญ แล้วก็...อะไรอีกนะ
“ไล่ให้ไป...ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ปะ เปล่านะ หนู...”
“หรือเธอก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน”
มือไม้สั่นไปหมดแล้ว ทำยังไงดี ทำยังไงดี ฮือ...
ป๊อก!
“โอ๊ยย หนูเจ็บน้า” ความตื่นเต้นผนวกกับอาการต่างๆ นานาอันตธานหายไปจนหมดเมื่อเจอมะเหงกพี่อาร์เต็มๆ ร่างสูงที่แสดงท่าทีน่าสงสัยผละกายไปตอนไหนฉันมองไม่ทันเลย รู้แต่ว่ากำปั้นหนักๆ ของเขาทำให้ฉันมึนงงจนต้องยืนตั้งสติอยู่พักหนึ่ง
“ยืนเพ้อเจ้ออะไรของเธอ” เสียงพี่อาร์นี่นา...
หลังจากตั้งหลักและรอจนวิญญาณเข้าร่างเป็นที่เรียบร้อย เสียงทุ้มอันเจือความหงุดหงิดก็ลอยมาจากที่ไหนสักที่ แน่นอนว่าฉันหับพึ่บไปยังต้นตอของเสียงทันที นั่นแหละ...ถึงรู้ว่าพี่อาร์คนหล่อเดินลิ่วไปโน่นแล้ว เขาล้วงกระเป๋ากางเกง ทำสีหน้าแบกโลกขณะมองมายังฉันซึ่งยืนขวางประตูห้องน้ำชายอยู่ตรงนี้
เอ๊ะ...แล้วเหตุการณ์เมื่อกี้มันคืออะไร อย่าบอกนะว่าฉันมโนขึ้นมาเองน่ะ ทั้งเสียงอื้ออ้า สีหน้าท่าทางอันเซ็กซี่ของพี่อาร์ ทุกๆ อย่างเลย...จริงๆ ฉันมโนภาพขึ้นเองหรือเปล่า
โอ๊ย ตายแล้ว
“ค่า” ฉันเกาหัวแกรกๆ แล้วรีบวิ่งไปหาร่างสูง แต่พี่อาร์ไม่รอให้ฉันเดินไปจนถึงตัวก็เดินนำหน้าไปแล้ว เขาคงรำคาญฉันแน่ๆ หรือบางทีคงคิดว่าฉันเป็นบ้า ซึ่งฉันเองก็คิดว่าตัวเองเริ่มเข้าข่ายแล้วแหละ ฝันกลางวันเป็นฉากๆ ขนาดนี้ไม่หื่นทำไม่ได้นะนี่จะบอก
“นานจนครูคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอซะอีก” ฉันเดินตามหลังพี่อาร์ต้อยๆ จนกระทั่งมาถึงโรงยิม...เสียงครูแม็กดังขึ้นมาอย่างเป็นห่วง แต่นั่นไม่ได้น่าสนใจเท่าเสียงซุบซิบนินทาของเพื่อนร่วมห้องหรอก ไม่รู้ว่านินทาหรือจงใจทำให้ฉันได้ยินกันแน่
“เฮอะ ยัยหน้าจืดนั่นต้องทำอะไรพี่อาร์แน่ๆ”
“นั่นดิ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน โคตรเสนอหน้าเลย” อ้าว! พูดขนาดนี้สงสัยต้องมีศึกนองเลือดแล้วมั้ง...ฉันเหลือบมองยัยพวกนั้นด้วยความไม่พอใจ ถึงจะชินกับนิสัยของพวกนั้นบ้างเเล้ว แต่บางทีก็เกินไปอ่ะ
“เฮ้ เก็บปากไว้กินข้าวดีกว่าไหม นินทาชาวบ้านแบบนี้ไม่มีใครบอกเหรอว่าเป็นนิสัยของพวกขี้แพ้” และในตอนนั้นเองฮีโร่แสนสวยของฉันก็ปรากฏตัว ยัยส้มเปรี้ยวน่ะ ฉันฉีกยิ้มอย่างสะใจเลยค่ะจุดๆ นี้ ยัยพวกนั้นคงไม่รู้ว่าเพื่อนฉันอยู่ข้างหลังและได้ยินทุกบทสนทนาแบบเต็มสองรูหู แล้วบอกเลยนะว่ายัยส้มเปรี้ยวน่ะถ้าให้ออกโรงไม่มีใครเอาชนะได้หรอก
“...” ยัยพวกนั้นเงียบกริบไปเลย ฉันดูออกว่าไม่มีใครกลัวยัยส้มเปรี้ยวหรอก แต่เพราะรู้ว่าสู้ไปก็ไม่มีทางชนะ หนทางสุดท้ายจึงต้องยอมล่าทัพด้วยการปิดปากเงียบ
“อ้าวๆ พวกเธอ มารวมตัวกันตรงนี้!” สงครามขนาดย่อมจบลงทันทีเมื่อเสียงครูแม็กดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันยักไหล่ครั้งหนึ่งอย่างสบายใจ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่กลุ่มยัยพวกนั้นหันมามองและส่งรังสีอันตรายราวกับอยากฆ่าแกงกัน ป๊าด...สายตาแบบนั้น น่ากลัวจังเลย...
ฉันประชดอยู่ในใจและเก็บซ่อนรอยยิ้มเอาไว้อย่างแนบเนียน ถึงไม่พอใจกับสิ่งที่พวกนั้นแขวะมาก็เถอะนะ ยังไงฉันก็ต้องเซฟตี้ตัวเองไว้ก่อน ยัยหน้าวอกพวกนั้นสายไฝว้ ถ้าให้เผชิญหน้ากันจริงๆ ฉันว่าฉันคงม่องเท่งได้ง่ายๆ เลย
นางเอกไง สู้ใครไม่ไหวหรอก...
วันเสาร์
“ฉันบอกว่าอยากดูหนังผีไง”
“หนังแอ็กชั่นดีกว่าป่ะ มาดูหนังผีอะไรตอนกลางวันแสดๆ โคตรไม่ได้อรรถรส”
“ไม่เกี่ยวกันป่ะวะ ถ้ามันน่ากลัว ดูตอนไหนก็น่ากลัวอยู่ดีอ่ะแหละ”
“งั้นแยกโรงค่ะ จบ!”
หมับ...ฉันคว้าแขนยัยส้มเปรี้ยวทันทีที่ยัยนั่นทำท่าจะแยกกันจริงๆ อย่างที่ปากว่า
คืออย่างนี้...พอดีว่าเราสองคนตกลงเรื่องหนังกันไม่ได้สักทีไง ฉันอยากดูหนังผี ส่วนยัยนั่นมันอยากดูหนังแอ็กชั่นอะไรของมันไม่รู้ เอาจริงๆ ถึงฉันจะชอบหนังสยองขวัญมาก แต่ดูคนเดียวกันมันก็น่ากลัวอ่ะ ถ้าเกิดผีโผล่ออกมาฉันจะกอดใครล่ะ แฟนก็ไม่มีกับเขา...
“ไม่เอา อย่าใจร้ายกับเพื่อนสิ” ฉันเว้าวอนเต็มที่ เอาหน้าถูแขนยัยเพื่อนตัวดีไปมา “น้า...นะคะคนดีของน้องพาย” ว่าแล้วก็สวมบทเป็นคนปากหวาน ทำหน้าตาน่ารักและเสียงอู้อี้เหมือนเด็ก ไหนดูซิ! จะทัดทานได้สักกี่น้ำ
“ขนลุก” ยัยส้มเปรี้ยวทำหน้าขยะแขยงกันมาก แถมยังเอามือยันหน้าฉันออกห่างอีกต่างหาก ฉันลงทุนอ้อนขนาดนี้ก็หัดใจอ่อนบ้างสิ เสียใจนะเนี่ย
“โถ่แก ฉันขอร้องจริงๆ นะ” ฉันยังไม่เลิกความตั้งใจ
“เหอะ ถ้าพี่อาร์มาด้วยนะ ฉันว่าแกไม่ทุ่มทุนแบบนี้หรอก” แหงสิ! ถ้าพี่อาร์มาด้วย ฉันก็ต้องไปกับเขาอยู่แล้ว (มันไม่ห่วงเพื่อนเลย)
“งือ...อย่าใจร้ายสิ”
“เข้าใจแล้ว” และท้ายที่สุดยัยส้มเปรี้ยวก็แพ้ทางคนน่ารักอย่างฉันจนได้ ยัยนั่นทำหน้าเซ็งสุดชีวิต แต่ก็จำใจตอบตกลงเพียงเพราะรำคาญ เอาน่า! วันหลังฉันค่อยมาดูหนังบู๊เป็นเพื่อนมันไง สลับกันแบบแฟร์ๆ แต่วันนี้ฉันWIN
พอตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ฉันก็ตรงไปซื้อตั๋วเเละเตรียมตัวเข้าไปด้านในเพราะอีกไม่กี่นาทีหนังก็จะฉายแล้ว ทว่า...
“แก เข้าไปนั่งข้างในรอเลยนะ พอดีปวดฉี่อ่ะ”
“เออ!” มันกระแทกเสียงใส่ฉันแล้วเดินเข้าไปรอข้างใน ฉันหัวเราะคิกคักขณะมองแผ่นหลังเพื่อนสาวผู้น่ารักจนลับตา จากนั้นก็รีบตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ หากทว่า ก่อนที่เท้าทั้งสองจะก้าวไปไหนไกล เสียงโหวกเหวกโวยวายกระตุกต่อมความอยากรู้ซะก่อน
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับแฟนฉัน!”
ผัวะ!
“พี่อาร์คะ!”
ถึงแม้บนโลกใบนี้จะมีคนชื่อซ้ำกันเต็มไปหมด และถึงแม้ว่าความเป็นไปได้มันจะน้อยนิด แต่ฉันกลับรีบก้าวฉับๆ ไปยังจุดเกิดเหตุทันที จึงพบว่ามีคนมากมายมุงห้อมล้อมอยู่ ฉันแทรกตัวเข้าไปและใช้ความตัวเล็กของตัวเองให้เกิดประโยชน์ กระทั่งมองเห็น...
ฉันเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะผู้ชายคนนั้น...คือพี่อาร์อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ อีกฝั่งหนึ่งคือผู้ชายตัวสูงพอๆ กัน ท่าทางแบดบอยเอาเรื่อง เขาจับมือผู้หญิงคนหนึ่งไว้ แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของ สีหน้าเกรี้ยวกราดกำลังส่งไปหาพี่อาร์ซึ่งยืนนิ่ง