ยามค่ำคืนในหมู่บ้านสือเฉียว
ฉู่จวิ้นลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ภายในห้องที่เงียบเชียบแห่งนี้ มีเสียงร้องไห้แผ่วเบาจากบนเตียง
เขาขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกรำคาญใจ การพาองค์หญิงที่มีร่างกายล้ำค่าดั่งทองติดตามมายังบ้านบรรพบุรุษ เพื่อไว้ทุกข์ให้กับผู้เป็นย่าที่ล้มป่วยสิ้นใจไปเมื่อปีก่อน ช่างเป็นเรื่องยุ่งยากเหลือเกิน
ตลอดทางที่เดินทางมาจนถึงหมู่บ้านเวลานี้ก็ผ่านไปนานมากกว่าหนึ่งเดือน นางยังคงมีสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ ท่าทางของนางก็ไม่เคยเป็นมิตรต่อเขา เมื่อถึงยามค่ำคืนก็ยังแอบร้องไห้อีกด้วย เขารู้ดีว่าสตรีสูงศักดิ์ที่สุขสบายมาตั้งแต่เด็กเช่นนางคงจะรับความยากลำบากในการใช้ชีวิตอยู่หมู่บ้านในชนบทเช่นนี้ไม่ได้
ในตอนที่ท่านพ่อทูลขอพระราชานุญาตกลับบ้านเกิดเพื่อร่วมพิธีฝังศพและไว้ทุกข์ให้กับท่านย่า เขาคิดว่าภรรยาที่เป็นองค์หญิงผู้นี้จะรั้งอยู่ในเมืองหลวง แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดนางจึงคิดจะติดตามมาที่นี่ด้วย
ฉู่จวิ้นถอนหายใจเบาๆ ถึงอย่างไรสตรีผู้นี้ก็คือภรรยาของตน เขายังคงต้องปลอบโยนนาง
ชายหนุ่มลุกจากที่นอนบนพื้นขึ้นไปนั่งบนเตียงไม้จันทน์แดงแกะสลักลวดลายสวยงาม เพราะภรรยาของเขาเป็นองค์หญิง และทุกคนในตระกูลต่างเคารพยำเกรงในฐานะของนาง ก่อนที่จะเดินทางมาถึงบ้านบรรพบุรุษ ท่านแม่ของเขาได้เขียนจดหมายส่งให้ป้าสะใภ้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมเตียงไม้ราคาแพงเช่นนี้ไว้ต้อนรับนาง
แน่นอนว่าถึงแม้เตียงจะมีขนาดใหญ่แต่เขาก็ไม่ได้มีโอกาสนอนบนนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่มาถึงบ้านบรรพบุรุษ องค์หญิงผู้นี้ก็ไม่เคยอารมณ์ดีนางไม่อยากเห็นหน้าเขา แต่พวกเขาทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาฉู่จวิ้นจึงยอมนอนบนพื้นมาโดยตลอด
“ท่านร้องไห้ด้วยเหตุใด” เขาเอื้อมมือไปจับไหล่ของนาง ภายในห้องนั้นมืดมากทำให้ฉู่จวิ้นไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าตอนนี้ภรรยาของตนมีสีหน้าเช่นไร
เขารออยู่สักครู่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ ชายหนุ่มจึงเดินไปจุดตะเกียงที่ข้างหัวเตียง ในห้องจึงสว่างขึ้นมาจึงทำให้มองเห็นได้โดยง่าย ชายหนุ่มเห็นว่าภรรยายังคงหลับ แต่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา
"ฝันถึงเรื่องราวเศร้าโศกอันใด ถึงได้ร้องไห้หนักเช่นนี้" ชายหนุ่มพึมพำ ก่อนจะเดินไปที่ห้องด้านข้างใช้ผ้าผืนบางชุบน้ำแล้วบิดจนแห้งหมาด หลังจากนั้นก็กลับมาที่เตียงเพื่อช่วยเช็ดใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาให้นาง
อันหนิงรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังสัมผัสในหน้าของนาง เมื่อสักครู่นี้ระหว่างที่รับความทรงจำ นางอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น จึงรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย ยิ่งนึกถึงเรื่องราวอันน่าเศร้าของตระกูลฉู่ นางก็ยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เมื่อเห็นว่าภรรยาน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ฉู่จวิ้นก็พยายามเรียกให้นางตื่น "องค์หญิง"
หลังจากเรียกนางไม่กี่ครั้ง ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ลืมตาขึ้นมองเขาด้วยน้ำตา
ไม่ว่าฉู่จวิ้นจะเป็นคนใจแข็งเพียงใด เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของนางเช่นนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกใจอ่อน "ท่านฝันถึงเรื่องอะไร"
อันหนิงจ้องมองคนที่อยู่ข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ดูเหมือนว่าบุรุษตรงหน้านี้คือสามีของร่างเดิม พวกเขายังคงอยู่ด้วยกันและเขาก็ยังไม่ได้จากไปไหน
"เปล่า…ไม่ได้ฝัน" นางตอบและมองเขาด้วยสายเหม่อลอย เวลานี้ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาว ผมยาวสีดำถูกรวบขึ้นอย่างง่ายๆ เผยใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา
ในตอนที่อ่านหนังสือ อันหนิงเคยจินตนาการว่าบุรุษที่สามารถทำให้องค์หญิงผู้สูงศักดิ์พึงพอใจในรูปร่างหน้าตาได้ คงจะรูปงามมากจริงๆ วันนี้เมื่อหญิงสาวได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็คิดว่าใบหน้าของเขาหล่อเหลาเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้มาก
สามีคนนี้ตามเนื้อเรื่องดูเหมือนจะอายุเพียงแค่ยี่สิบ องค์หญิงอันหนิงช่างไม่รู้จักใช้ของดีให้เกิดประโยชน์เลยสักนิด
แต่ช่างเถอะ! ตอนนี้เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นสามีคนนี้เธอจะทะนุถนอมให้ดี อันหนิงโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แนบใบหน้านวลเข้ากับอกแกร่ง แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวของเขาไว้แน่น
ฉู่จวิ้นเมื่อถูกกอดอย่างกะทันหันเขาก็ตัวแข็งทื่อ!
❤️กดใจ กดเข้าชั้น คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ❤️