อันหนิงยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองท่อนลำกลางกายของชายหนุ่มที่ดุนดันผ่านกางเกงขึ้นมา หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอเข้าไปอึกใหญ่ นิ้วเรียวจงใจกรีดผ่านท่อนลำของเขาผ่านกางเกงอย่างช้าๆ
"อือ….อ๊ะ" ชายหนุ่มส่งเสียงครางต่ำ เมื่อนางสัมผัสกับส่วนนั้นของตน เวลานี้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านมาก รีบปลดกางเกงออกเพื่อให้นิ้วของนางได้สัมผัสกับมันโดยตรง
ท่อนลำแข็งชันปรากฏต่อหน้าอันหนิงทันที เพราะในห้องยังไม่ได้ดับตะเกียง แสงสว่างจึงยังคงมีอยู่ทำให้นางมองเห็นขนาด และเส้นเลือดที่ขดพันรอบท่อนลำของเขาได้อย่างชัดเจน
อันหนิงก้มหน้าลงอย่างอดใจไม่อยู่ หญิงสาวสัมผัสถึงความร้อนระอุจากส่วนนั้นของเขาที่แผ่ออกมา นางอ้าปาก แลบลิ้นนุ่มๆ ออก แล้วค่อยๆ ลากเลียส่วนหัวเห็ดที่กำลังบวมเป่ง ตรงรอยแยกของเขามีรูเล็กๆ ที่มีน้ำไหลซึมออกมาเล็กน้อย นางจงใจใช้ลิ้นกดลงไปตรงรูนั้น เพื่อกระตุ้นให้เขาดิ้นพล่านแบบนางบ้าง
"องค์หญิง…อือ…อ่า…" ฉู่จวิ้นพยายามจะห้ามนาง แต่หญิงสาวกดหน้าขาของเขาเอาไว้ เพียงแค่ลิ้นของนางลากไล้ผ่านมันก็ทำให้เสียวสะท้านตั้งแต่บั้นท้ายไปลามไปจนถึงท้ายทอย ยิ่งดิ้นหนีนางก็ยิ่งตามจนทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหวหลั่งน้ำกามออกมา
"องค์หญิงพอก่อน ข้าจะ…อ๊ะ" เขาต้องการดันตัวนางออกไป แต่หญิงสาวกลับใช้ริมฝีปากดูดมากกว่าเดิม
อันหนิงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ลิ้นเล็กจงใจแยงซ้ำที่รูเล็กๆ บนหัวเห็ด จนนางสัมผัสได้ว่าแก่นกายของเขาสั่นหงึกงัก หญิงสาวจึงผละริมฝีปากออก มือเรียวอ่อนนุ่มช่วยชักรูดขึ้นลงให้เขาไปด้วย นางรอคอยที่จะเห็นภาพเขาหลั่งน้ำกามสีขาวขุ่นออกมาอย่างตื่นเต้น
"อ่า…อ๊ะ" ฉู่จวิ้นครางเสียงแหบต่ำ ก่อนจะหลังน้ำกามออกมาเต็มๆ ฝ่ามือของนาง ชายหนุ่มพรมจูบไปทั่วใบหน้าของภรรยา กอดไปกอดมาท่อนลำของเขาก็แข็งขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มจับนางนอนตะแคงข้าง แขนแกร่งรัดเรือนกายของนางแน่น ใบหน้าก็ซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอของหญิงสาว
เมื่ออันหนิงก้มมองลงไปก็เห็นว่าท่อนเอ็นของชายหนุ่มกำลังผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ที่ซอกขา บางครั้งส่วนปลายของท่อนลำมันก็เสียดสีที่ส่วนนั้นของนางจนรู้สึกร้อนผ่าว หน้าอกของตนก็ถูกเขาใช้มือบีบคลึงจนไม่เป็นรูปร่าง
ฉู่จวิ้นหายใจหอบถี่ บั้นท้ายเคลื่อนไหวรัวเร็วเป็นสัญญาณว่าเขากำลังถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง ชายหนุ่มเลือกจะปล่อยน้ำเชื้อสีขาวขุ่นใส่บั้นท้ายของนาง
เมื่อช่วยนางเช็ดคราบต่างๆ ออก ฉู่จวิ้นก็เดินไปดับตะเกียงในห้อง ก่อนจะเข้ามานอนกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มือหนายังคงลูบคลำเนินอกของนางด้วยความเพลินมือ
"ท่านเลิกบีบเสียที ข้าง่วงแล้ว" อันหนิงต้องบอกให้เขาอยู่เฉยๆ เพราะว่าเดี๋ยวลูบไปลูบมาคืนนี้คงไม่ได้นอน
ฉู่จวิ้นจึงได้แต่ข่มตานอนหลับลงไปด้วยความรู้สึกไม่เต็มอิ่ม…
ในตอนเช้าหลังจากที่พวกเขากินข้าวเสร็จ อันหนิงขอให้เขาช่วยไปส่งจดหมายให้ "ท่านไปถามพ่อให้ที ว่าจะส่งคนไปยังเมืองหลวงเมื่อใด ข้าจะฝากจดหมายกลับไปด้วย"
ชายหนุ่มรับจดหมายมา "ไม่มีค่าแรงให้ข้าบ้างรึ"
อันหนิงชำเลืองมองเขา ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มอีกฝ่าย "พอใจรึไม่"
"ก็ไม่เลว" ฉู่จวิ้นอมยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ที่ห้องหนังสือบ้านหลัก
ฉู่ถิงเจี้ยนกำลังพูดคุยอยู่กับน้องชายของตน เขาสอบติดจอหงวนและเข้าไปรับราชการอยู่ในเมืองหลวงตั้งแต่อายุสิบเก้า ตลอดเวลากว่าสามสิบปีที่ผ่านมา น้องชายของเขาเป็นคนดูแลร้านค้าและที่ดินของบ้านบรรพบุรุษเอาไว้ ตอนนี้เมื่อเขากลับมาน้องชายจึงเอาบัญชีที่จดรายได้ในแต่ละปีมาให้เขาดู
"พี่ใหญ่ นี่คือสมุดบัญชีรายได้ของที่ดินและร้านค้าของบ้านบรรพบุรุษขอรับ" ฉู่ถิงจื่อชี้ไปที่สมุดบัญชีสองหีบที่คนรับใช้นำเข้ามา
"พวกเราล้วนเป็นพี่น้องกัน ข้าไว้ใจเจ้า…บัญชีนี้ไม่ต้องดูหรอก"
ฉู่ถิงจื่อไม่เห็นด้วย "พี่ชายท่านควรจะอ่านนะขอรับ"
ฉู่ถิงเจี้ยนย้ำเสียงหนัก "ไม่อ่าน พวกเราเป็นพี่น้องกัน เรื่องแค่นี้ต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนด้วยรึ!"
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพี่ชายเริ่มมีสีหน้าบูดบึ้ง ฉู่ถิงจื่อ ก็ไม่กล้าที่จะบอกให้เขาอ่านสมุดบัญชีอีก
ฉู่จวิ้นมาถึงห้องหนังสือในเวลานี้พอดี
แม้ว่าฉู่ถิงจื่อจะเป็นอารองของอีกฝ่าย แต่เมื่อเขาเห็นหลานชายที่รูปร่างสูงใหญ่ท่าทางองอาจคนนี้ ชายวัยกลางคนก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยความประหม่า
ฉู่ถิงเจี้ยนมองลูกชายของตนด้วยความไม่ชอบใจ "เหตุใดจึงไม่ทักทายอารองของเจ้า ช่างไม่รู้กฎเกณฑ์มารยาทเลยจริงๆ"
ฉู่จวิ้นก้มหน้าให้อารองด้วยใบหน้าเรียบเฉย "คารวะอารอง"
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นลูกทักทายน้องชายของตนแบบขอไปที ใบหน้าของฉู่ถิงเจี้ยนก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
ฉู่จวิ้นไม่ได้สนใจอารมณ์ของผู้เป็นพ่อ เขารีบวางจดหมายไว้บนโต๊ะ "นี่เป็นจดหมายขององค์หญิง เดือนนี้คงใกล้จะถึงกำหนดที่ต้องส่งรายงานให้ฮ่องเต้แล้วกระมัง ก็ถือโอกาสนี้ส่งจดหมายขององค์หญิงไปด้วยเลยแล้วกัน"
เมื่อรู้ว่าลูกชายนำจดหมายขององค์หญิงมาให้ ฉู่ถิงเจี้ยนจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย "เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์หญิงเขียนสิ่งใดลงไปในจดหมาย”
ฉู่จวิ้นรู้ว่าบิดากังวลเรื่องใด เขาจึงตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ “ไม่ต้องกังวล องค์หญิงล้วนเขียนแต่ด้านดีๆ ลงไปทั้งนั้น”
ฉู่ถิงเจี้ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม และเริ่มสั่งสอนลูกชายตัวเอง “เจ้าอย่าทำตัวไร้ระเบียบหยาบคายให้มากนัก เจ้าก็รู้ว่าองค์หญิงทรงดูถูกที่เจ้านิสัยเช่นนี้!”
ฉู่จวิ้นไม่อยากจะฟังผู้เป็นพ่อบ่น เขาเดินออกจากห้องไปโดยที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ...
? มาแล้ววว ฝากกดใจ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ?