ตุ้บ!
“ระวังหน่อยสิไอ้หนู” เสียงห้าวเอ่ยบอกหนูน้อยที่วิ่งมาชนตัวเองแล้วตัวเองอุ้มประคองไว้ได้ทันจึงไม่ได้หกล้มก้นกระแทกพื้น
“ขอโทษครับ และขอบคุณนะครับที่ช่วยผม” หนุ่มน้อยขืนตัวเองออกจากวงแขนแข็งแรงชายแปลกหน้าพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
“ไม่เป็นไร แล้วทำไมถึงอยู่คนเดียว พ่อแม่ไปไหนไอ้หนู” ฤกษ์ถามพร้อมมองหาผู้ปกครองหนูน้อย
“นั่นไงครับแม่ผม ขอตัวก่อนนะครับ” หนูน้อยชี้มือไปทางแม่ที่กำลังเดินมาทางตนอยู่
ฤกษ์มองตามมือน้อยที่ชี้ไป แม้จะอยู่ในระยะห้าสิบเมตร เขาก็มองเห็นใบหน้าสวยกระจ่างชัดเจน และเขาก็ไม่เคยลืมใบหน้าสวยจิ้มลิ้มนี้และยิ้มหวานๆ แบบนี้
“เดี๋ยวสิไอ้หนู นั่นแม่นายเหรอ?” เขาคว้ามือน้อยดึงรั้งไว้
“ใช่ฮะ สวยใช่ไหมล่ะ แต่ลุงไม่มีสิทธิ์หรอก เพราะผมหวง ไปแล้วนะครับ ขอบคุณนะฮะลุง” หนูน้อยดึงมือจากมือใหญ่แล้ววิ่งไปกอดแขนแม่โดยไม่คิดหันกลับมามองด้านหลัง
ฤกษ์มองดูหนูน้อยกับอดีตภรรยาแล้วใจของเขาก็สั่นไหว มันมีความรู้สึกหลายอย่างตีกันในอก ทั้งดีใจและเสียใจ เด็กเมื่อกี้คือ ‘ลูก’ ของเขากับนฤภร
“เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หนิง ทำไมเธอไม่ติดต่อหรือแจ้งข่าวฉันมาบ้างว่าสุขสบายดีรึเปล่า” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วก็ต้องหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับเสียงเล็กด้านหลัง
“คุณฤกษ์มองใครคะ และเมื่อกี้เด็กที่ไหนคะ?”
“แค่เด็กหลงกับแม่น่ะ” เขาตอบสั้นๆ แต่หางตายังมองสองแม่ลูกที่ห่างออกไปไกล
“เมื่อกี้คุยกับใครครับไนล์?” นฤภรถามลูกชายที่เดินมาหาตนเอง เมื่อกี้เธอมองเห็นไกลๆ ว่าลูกชายกำลังคุยกับคนแปลกหน้า
“ไม่รู้เหมือนกันครับแม่หนิง เมื่อกี้ไนล์วิ่งชนคุณลุงเลยได้คุยกันครับ”
“แล้วขอโทษคุณลุงไหมไนล์” เธอถามลูกชายกลับ
“ขอโทษครับ เพราะไนล์เป็นคนผิด ว่าแต่แม่หนิงซื้อของเสร็จรึยังครับ ไนล์อยากไปเจอคุณปู่แล้วนะครับ” ไนล์ หนุ่มน้อยวัยหกขวบเอ่ยตอบแม่อย่างฉะฉานพร้อมเดินไปคว้าจับมือนุ่มนิ่มของแม่พาเดินออกจากร้านขายนาฬิกา ตลอดเวลาเจ็ดปีที่อยู่ฝรั่งเศส เธอไม่เคยปิดบังเรื่องลูกชายกับผู้เป็นปู่และยังให้ทั้งสองติดต่อกันตลอด แต่ก็ให้เก็บเป็นความลับ ห้ามให้ฤกษ์รู้ถึงการมีอยู่ของลูกชายของตนและเขา เพราะอนาคตของเขาไม่เคยมีเธอและลูกนอกจากกัลยา ตอนนั้นเขาบอกว่าเลิกกับหล่อนแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเลิก ยังคงคบหากัน ไปมาหาสู่กันและคงอีกไม่นานทั้งสองอาจจะแต่งงานกันก็เป็นได้
บ้านประกอบการทรัพย์วันนี้ครื้นเครงเป็นพิเศษ เพราะเป็นการต้อนรับหลานชายคนเดียวและคนแรกของบ้านที่จะมาทานมื้อเย็นด้วยและเป็นการเจอกันครั้งแรกของปู่และหลานหลังจากที่คุยวิดีโอคอลกันตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา ชายชราสั่งแม่บ้านจัดเตรียมอาหารคาวหวานตามที่ลูกสะใภ้บอกทุกอย่างว่าอันไหนเป็นของชอบหนุ่มน้อยไนล์หลานชายที่รัก
“แม่เจียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม” ฤทธิ์เดินใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองเข้ามาในห้องรับประทานอาหารถามแม่บ้านเก่าแก่
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณฤทธิ์ ของคาว ของหวานทุกอย่างพร้อมค่ะ”
“ดีๆ เดี๋ยวหลานฉันคงใกล้จะถึงแล้ว ฉันโทรหาหนูหนิงก่อนว่าถึงไหนแล้ว”
พูดจบท่านก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมากดต่อสายหาอดีตลูกสะใภ้ จะว่าไปสำหรับชายชราแล้วนฤภรไม่เคยเป็นอดีตลูกสะใภ้เลยสักครั้ง ยังคงเป็นสะใภ้หนึ่งเดียวของเขา
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับสายของเขา
“ถึงไหนแล้วลูก?”
“ถึงบ้านแล้วค่ะคุณพ่อ ตอนนี้หนิงกับไนล์กำลังจะลงจากแท็กซี่นะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
“เจอกันลูก” แล้วท่านก็กดวางสายแล้วหันไปสั่งแม่เจียม
“ออกไปรับหลานชายฉันกับหนูหนิงด้วยกันแม่เจียม” แล้วท่านก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปรอนฤภรกับไนล์ที่บอกว่าถึงแล้ว
ไนล์มองบ้านหลังใหญ่ที่รถแท็กซี่พาแล่นเข้ามาจอดเทียบเชิงบันไดบ้านแล้วก็หันมาเงยหน้ายิ้มหวานหล่อที่ถอดแบบพ่อให้กับแม่
“เนี่ยบ้านปู่ของไนล์จริงเหรอครับแม่หนิง?”
“ใช่ลูก บ้านของปู่ไนล์”
“โอ้โห! ใหญ่มากเลยฮะ แสดงว่าปู่รวย และพ่อ...” หนุ่มน้อยยังพูดไม่ทันจบ เสียงแหบแห้งตามวัยก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
“ยินดีต้อนรับไอ้หลานชาย” ชายแก่กางแขนทั้งสองออกกว้างต้อนรับหลานชาย
“คุณปู่!” ไนล์วิ่งขึ้นบันไดไปสวมกอดปู่ที่กางแขนต้อนรับตัวเองด้วยความดีใจ เคยคุยและเห็นหน้าแต่ผ่านวิดีโอคอล วันนี้ได้เจอได้กอดกันจริงๆ แล้ว
“ระวังคุณปู่ล้มไนล์” นฤภรเอ่ยปรามลูกชายที่วิ่งโถมตัวโอบกอดผู้เป็นปู่
“ไม่เป็นไรหรอกหนูหนิง พ่อแข็งแรงดี ถึงจะเจ็ดสิบจะแปดสิบแล้วก็เถอะ” ชายแก่บอกอดีตลูกสะใภ้แล้วก็อุ้มหลานชายโชว์แม่ของหลาน
“คิดถึงจังเลยฮะ และดีใจมากที่ได้เจอคุณปู่หลังจากที่กลับไทย” หนุ่มน้อยบอกผู้เป็นปู่
“ปู่ก็ดีใจที่ได้เจอไนล์ เข้าบ้านกันเถอะลูก วันนี้ปู่เตรียมแต่อาหารไทยของโปรดเราไว้เลยนะ”
“ขอบคุณฮะปู่ ใจดีแบบนี้ไม่ให้ไนล์รักยังไงไหว สวัสดีครับคุณยาย” หนุ่มน้อยผละจากอ้อมกอดของปู่แล้วยกมือไหว้หญิงแก่ไม่คุ้นหน้าที่ยืนด้านหลังผู้เป็นปู่
“คุณหนูรู้จักไหว้เจียมด้วย” เจียมเอ่ยซาบซึ้ง ไม่คิดว่าหนูน้อยจะยกมือไหว้ตัวเองที่เป็นแม่บ้าน
“แม่หนิงสอนไว้ครับ ต้องไหว้ผู้ใหญ่แม้จะไม่สนิทก็ต้องไหว้อย่างเคารพครับ” หนุ่มน้อยตอบฉะฉาน
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ ป้าเจียม”
นฤภรยิ้มให้กับผลผลิตของตัวเองที่ตนอุ้มท้องและเลี้ยงดูมาตั้งแต่คลอดจนตอนนี้ เธอดีใจที่ไนล์เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่ายและเชื่อฟังมาตลอดเจ็ดปีเลยทำให้การใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศสของเธอไม่ได้ลำบากอย่างที่คนอื่นเข้าใจ และลูกชายก็ไม่เคยถามถึงพ่อเลยสักครั้ง เธอรู้ว่าตลอดเวลาลูกชายอยากเจอพ่อ อยากเห็นรูปพ่อและชอบถามผู้เป็นปู่ตลอด แต่ปู่ก็พยายามเลี่ยงไม่พูดถึงฤกษ์ ขอบคุณท่านที่ไม่เอ่ยถึงคนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้น
“ไหว้พระเถอะลูก เข้าบ้านกันเถอะ วันนี้ปู่จะพาไนล์เดินชมบ้านเอง บ้านหลังนี้ในอนาคตมันจะเป็นของหลาน ว่าแต่หิวรึยังลูก” ฤทธิ์เอ่ยกับอดีตลูกสะใภ้พร้อมเอ่ยกับหลานชายแล้วพาทั้งสองเดินเข้าไปในบ้าน
นฤภรมองปู่กับหลานเดินนำหน้าตัวเองเข้าบ้านแล้วหันไปยิ้มกับป้าเจียม คนเก่าแก่ของบ้านแล้วตามสองปู่หลานเข้าไปในบ้าน
“ป้าเจียมสบายดีนะคะ”
“สบายดีค่ะคุณหนิง คุณหนิงล่ะคะ สบายดีไหมคะ เลี้ยงคุณหนูคนเดียวลำบากมากไหมคะ”
“สบายดีค่ะ ไม่ลำบากเลยค่ะ ไนล์เป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย”
“แล้วคุณหนิงจะพาคุณหนูกลับมาอยู่นานแค่ไหนคะ”
“ก็อยู่จนโตเลยค่ะ พอดีหนิงพาไนล์มาเรียนหนังสือที่ไทย และอีกอย่างหนิงก็กลับมาทำร้านอาหารที่ไทยด้วยค่ะ”
“เจียมดีใจนะคะ ที่ได้เจอคุณหนิงกับคุณหนู”
“หนิงก็ดีใจค่ะป้าเจียม” เธอยิ้มให้ป้าเจียมแล้วยิ้มให้ลูกชายที่เดินจับมือของปู่เดินนำหน้าหันมายิ้มให้ตนเอง
“คุณหนูเหมือนพ่อนะคะ” เจียมเอ่ยเมื่อมองดูหน้าหนูน้อยแล้วคิดถึงคนเป็นพ่อของเด็ก
“แต่นิสัยไม่เหมือนค่ะ” เธอยอมรับว่าไนล์หน้าตาถอดแบบพ่อมาทุกกระเบียดนิ้ว แต่เธอมั่นใจว่านิสัยต่างแน่นอน เพราะเธอเลี้ยงมาให้ต่างจากคนเป็นพ่อ
เจียมไม่เอ่ยต่อ เดินเข้าไปในบ้านเงียบๆ
นฤภรมองรอบๆ บ้านที่ยังตกแต่งเหมือนเดิมเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อนทุกอย่าง
ฤกษ์ไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารของตนในเย็นนี้ เพราะเขาคิดถึงแต่เรื่องเด็กกับแม่ของเด็กก่อนหน้านี้ และก็รู้สึกหงุดหงิดคนตรงหน้าที่เดินเข้ามากระแซะนั่งบนตักตัวเองทั้งๆ ที่อยู่ในร้านอาหาร
“อย่าทำแบบนี้”
“ทำไมคะคุณฤกษ์” กัลยาเอ่ยพร้อมตวัดสองแขนโอบกอดลำคอหนา
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ มันที่สาธารณะ” เขาแกะแขนของหล่อนออกแล้วผลักหล่อนออกจากตักหนาของตน
“ทำไมคะ เราคบกันมาตั้งหลายปีแล้วนะคะ คุณเองก็หย่ากับเมียมาหลายปีแล้ว”
“อย่าพูดถึงหนิง ถ้าจะกินข้าวก็กิน ถ้าไม่กินก็กลับ วันนี้กลับไปนอนคอนโดเธอแล้วกัน ฉันจะนอนคนเดียว” แล้วฤกษ์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกจากร้านอาหาร ไม่สนใจแฟนสาวของตนเอง
กัลยาได้แต่เม้มปากแน่น ผ่านมาเจ็ดปีแล้วที่หล่อนพยายามเป็นแฟนที่แสนดีว่าง่าย แต่ก็เจ็ดปีแล้ว ฤกษ์ไม่เคยพูดถึงเรื่อง ‘แต่งงาน’ ของเธอและเขาสักครั้ง เวลาพูดถึงอดีตภรรยาทีไร ฤกษ์จะโกรธไม่พอใจทุกครั้งและทำให้ทะเลาะกันตลอด
“บอกว่าไม่รักมัน แต่เจ็ดปีที่ผ่านมา คุณเก็บรูปแต่งงานไว้ในกระเป๋าเงินตลอด” หล่อนเอ่ยถึงรูปที่ตนบังเอิญไปเห็นตอนเขาเปิดกระเป๋าสตางค์ตอนจ่ายเงินไปทานอาหารด้วยกันเมื่อสองปีก่อน และนั่นแหละทำให้หล่อนรู้ว่าภายในใจของฤกษ์นั้นมีนฤภรซุกซ่อนอยู่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หลังจากมื้อค่ำที่แสนอร่อยผ่านไป ปู่หลานก็มานั่งพูดคุยกันในห้องนั่งเล่นของบ้าน ฤทธิ์อยากให้ลูกชายกลับมาบ้านเสียจริงวันนี้ แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะนานแล้วที่ฤกษ์ออกไปค้างคอนโด จะกลับมาบ้านเพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
“ใครมาเวลานี้กัน” ชายแก่เอ่ยถามเจียมที่เดินเข้ามาหลังจากมีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบ้านและคล้อยหลังเจียมก็มีร่างสูงใหญ่คุ้นเคยเดินตามเข้ามา
“อ้อ...พ่อโอฬารนี่เอง” พอเห็นว่าเป็นนายหัวจากแดนใต้ เพื่อนรักของลูกชายก็ยิ้มให้อีกฝ่าย
“สวัสดีครับคุณพ่อ เอ๊ะ! เด็กเนี่ยใครครับ” แล้วโอฬารก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าด้านข้างพ่อของเพื่อนรักมีเด็กหนุ่มที่หน้าตาถอดแบบเพื่อนรักของตนนั่งอยู่ด้วย
“ไนล์ หลานชายพ่อเอง” ชายแก่เอ่ยบอกแล้วหันมาบอกหลาน “ไนล์ เนี่ยลุงโอฬาร”
“สวัสดีครับ ผมไนล์ ลูกแม่หนิงครับ นั่นไง แม่ผม” แล้วหนุ่มน้อยก็ชี้มือไปทางคนที่เดินถือถาดผลไม้เข้ามาในห้องนั่งเล่น
โอฬารหันไปตามมือน้อยที่ชี้ให้ตนดูก็ตกใจเล็กน้อยแล้วก็มองหน้าเด็กน้อยสลับกับหน้าของหญิงสาวแล้วทุกอย่างก็แจ่มแจ้งทันทีว่าเด็กคนนี้คือลูกชายของฤกษ์กับนฤภร แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และลูกโตขนาดนี้เพื่อนของเขารู้รึยังว่าตัวเองเป็น ‘พ่อ’ คนแล้ว
“สวัสดีครับคุณหนิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” โอฬารยกมือทักทายอีกฝ่าย
“คะ...ค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย คุณโอฬารสบายดีนะคะ” เธอยิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่ายแล้ววางถาดผลไม้ลงกับโต๊ะแล้วนั่งลงโซฟาตัวเดิมที่ตนนั่งก่อนหน้านี้
“แม่หนิงรู้จักคุณลุงด้วยเหรอครับ” ไนล์ลุกจากข้างปู่มานั่งข้างแม่พร้อมถามและมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัยอยากรู้
“รู้จักครับ แต่ไม่ได้สนิทเท่านั้น เนี่ยก็ดึกแล้ว แม่ว่าเรากลับโรงแรมกันเถอะลูก” นฤภรเอ่ยกับลูกชาย
“แต่ไนล์ยังเล่าเรื่องที่ฝรั่งเศสให้ปู่ฟังไม่หมดเลยนะครับ”
“วันหลังก็ได้ไนล์ วันนี้กลับโรงแรมเถอะ พรุ่งนี้ปู่ให้คนขับรถไปรับมาบ้านนะไนล์” ฤทธิ์เอ่ยกับหลานชาย และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่คิดว่าโอฬารจะมาบ้านตัวเองวันนี้ เมื่อโอฬารรู้ ทุกคนรู้และฤกษ์ลูกชายตัวดีของเขาก็ต้องรู้เรื่องของนฤภรกับไนล์เหมือนกันหลังจากนี้
“งั้นกลับแล้วนะครับคุณปู่ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ กลับแล้วนะครับคุณลุง ยินดีที่ได้เจอกันนะครับ” ไนล์ลุกขึ้นไปกอดลาปู่แล้วยกมือไหว้คนที่เพิ่งเจอแล้วหันมายื่นมือให้แม่จับมือตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน
“หนิงกลับก่อนนะคะคุณพ่อ กลับก่อนนะคะคุณโอฬาร”
“เจียมให้คนขับรถไปส่งหนูหนิงกับหลานฉันที่โรงแรมหน่อยนะ” ชายแก่บอกแม่บ้าน
“ค่ะ คุณท่าน” แล้วเจียมก็พาสองแม่ลูกเดินออกจากห้องนั่งเล่น
“ไง หลานชายพ่อโอฬาร เหมือนไอ้ฤกษ์ไหม” พอนฤภรกับไนล์และเจียมเดินออกไปลับห้องนั่งเล่นแล้ว ท่านก็เอ่ยกับโอฬาร
“เหมือนมากครับ นั่นมันไอ้ฤกษ์จูเนียร์ชัดๆ แล้วมันรู้รึยังครับว่ามันมีลูก” โอฬารเอ่ยถามกลับ
“ยัง มันยังไม่รู้และพ่อก็รับปากหนูหนิงแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องไนล์กับมัน และโอฬารก็มาถูกจังหวะพอดี เพราะถ้าโอฬารรู้ ไอ้ฤกษ์มันก็ต้องรู้ว่ามันมีลูกและตอนนี้ลูกเมียมันก็กลับมาแล้วด้วย ว่าแต่มีธุระอะไร โอฬารถึงมาหาพ่อดึกแบบนี้”
“แน่นอนครับ ผมต้องบอกมัน ผมล่ะไม่รู้ว่ามันจะคบกับยัยกัลยานั่นไปถึงเมื่อไหร่ ถ้ามัน ‘รัก’ แม่นั่นจริงนะ ป่านนี้ก็น่าจะแต่งงานแล้ว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่พูดถึงเรื่องแต่งงานกับแม่นั่นเหมือนมันคบแก้เหงา แก้ขัดรอเมียกลับมายังไงก็ไม่รู้ครับ เพราะมันยังเก็บรูปแต่งงานของมันกับเมียติดตัวตลอด ปากบอกไม่ ‘รัก’ เขา แต่คิดถึงเขาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา”
“ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะรู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วมันน่ะ ‘รัก’ หนูหนิง เมื่อก่อนพ่อก็ไม่คิดว่ามันจะรักหนูหนิงจนกระทั่งวันก่อนพ่อเข้าไปในห้องมัน ในห้องยังมีรูปแต่งงานของมันกับหนูหนิงติดอยู่บนผนังห้อง ไอ้ลูกคนนี้มันโง่รึเปล่า รักแล้วทำไมถึงยอมปล่อยหนูหนิงไปเมื่อเจ็ดปีก่อน”
“เพื่อนผมมันโง่ครับพ่อ อ้อ...วันนี้ผมมาทำธุระที่กรุงเทพเลยเอารังนกที่เกาะมาฝากด้วยครับ อยู่ในรถเดี๋ยวผมไปเอามาให้น้าเจียมเก็บแล้วก็จะกลับครับ”
“ตอนเด็กพ่อกับแม่ก็ให้มันกินปลานะ แต่มันทำไมโง่ ขอบใจนะพ่อโอฬาร ครั้งก่อนเอามาให้ก็ยังกินไม่หมดเลย”
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมขอตัวเลยนะครับพ่อ”
“อือ...ไปดีมาดีล่ะพ่อโอฬาร และเรื่องวันนี้...”
“แน่นอนครับ ผมจะคาบทุกอย่างที่รู้วันนี้ไปบอกไอ้ฤกษ์เลยครับ” ท่านเงียบไป เขาก็รู้ว่าท่านหมายถึงอะไรจึงพูดต่อ