เอาเข้าจริงๆ อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่อยากต้อนรับเจี่ยงเซียน และสตรีอีกคนที่ชื่อซ่งหลัน ฝ่ายนั้นประกาศตัวชัดเจนว่าตนคือ อนุของเจี่ยงซาน โดยเรื่องนี้หญิงสาวไม่ล่วงรู้มาก่อน ที่สำคัญคนทั้งคู่มากับรถม้าคันหนึ่ง เห็นว่ามีสาวใช้รุ่นใหญ่ติดตามมาด้วย แต่แยกตัวออกไป อ้างว่าจะไปพบญาติที่อยู่ใกล้ๆ เมืองนี้ ถึงอย่างนั้นอวี้เพ่ยเอ๋อร์ก็คลางแคลงใจ หนึ่งคือน้องชายสามี อีกหนึ่งเป็นอนุผู้ที่ตายไปแล้ว พิจารณาอย่างละเอียด อย่างไรพวกเขาก็ไม่ควรเดินทางมาด้วยกัน
ภายในเรือนหลังเล็ก เมื่อต้องต้อนรับคนแปลกหน้า ยิ่งทำให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์เกิดความเครียด ทั้งยังกังวลใจว่า ทั้งคู่อาจเดินทางมาด้วยความประสงค์ร้ายแอบแฝง
เจี่ยงเซียนมองสำรวจทุกอย่างในเรือน แม้ไม่ได้กว้างขวาง แต่สะอาดสะอ้าน และเห็นได้ชัดว่า อวี้เพ่ยเอ๋อร์ ไม่ใช่แค่หญิงสาวทั่วไป นางมีฝีมือด้านการปักผ้า ซ้ำยังอ่านหนังสือ และเขียนตัวอักษรได้ดี สตรีเช่นนี้สมแล้วที่พี่ใหญ่ให้แม่สื่อสู่ขอมาเป็นภรรยา ทว่าผิดแต่ครอบครัวนางละโมบ โดยเฉพาะพี่ชายของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ที่ ถูกจำคุกในข้อหาหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ซ้ำยังทำร้ายเจ้าขุนนางของศาล จนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายเสียชีวิต
“เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น อีกสองวันพี่สะใภ้ต้องไปกับพวกเรา เพื่อลงนามในหนังสือจากทางการว่า ท่านจะไม่รับสิ่งใดเพิ่มเติม นอกจากเรือนหลังนี้ และโฉนดอีกหนึ่งฉบับที่พี่ใหญ่มอบให้ท่านก่อนหน้า”เจี่ยงเซียนแจ้งความประสงค์ของตน อย่างชัดเจน
“เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ แต่งกับสกุลเจี่ยง และฝ่ายชายคือสามีนาง ดังนั้นเงินเขา ย่อมตกถึงมืออวี้เพ่ยเอ๋อร์อย่างชอบธรรม นางเป็นฮูหยินหม้าย ฐานะดังกล่าวนี้ย่อมติดตัวนางไปจนวันตาย และนางยอมรับโชคชะตานี้แล้ว
“เฮ้อ... ท่านลืมแล้วหรืออย่างไร 800 ตำลึงเงิน ก่อนหน้านี้ ที่มอบให้ครอบครัวอวี้เพื่อไถ่ถอนพี่ชายของท่านออกจากคุก รวมถึงโฉนดอีกสองฉบับเพื่อเป็นสินสมรสถูกมอบให้แก่บิดาท่าน
ดังนั้นส่วนอื่นๆ ของพี่ใหญ่สมควรตกเป็นของอนุซ่ง ด้วยนางดูแลมารดาข้ามาหลายปี อีกทั้งยังลูกบุญธรรมให้พี่ใหญ่ด้วย ส่วนท่านจะว่าไป ก็แต่งเข้าสกุลเจี่ยงเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แม้แต่เข้าหอกับพี่ใหญ่ หน้าที่นี้ยังไม่ได้ปรนนิบัติเขา หากไม่เป็นการก้าวก่าย ท่านแม่ให้ข้าแจ้งกับท่านว่า สมควรแต่งสามีใหม่เถิด ท่านจะได้มีบุรุษสักคนให้พึงพาในภายหน้า”
อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่คาดคิดว่านางจะได้ยินเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ จากคนของสกุลเจี่ยง
“ฮึ...น้องสามี แม้ข้าจะเป็นฮูหยินหม้าย และไม่มีบุตรสืบสกุล แต่ข้าไม่มีความคิดทำเรื่องเสื่อมเสียใดๆ นอกจากนั้น สิ่งที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของเจี่ยงซาน ข้าผู้เป็นภรรยาเขา ย่อมได้รับมันทั้งหมด”
เจี่ยงเซียน เห็นว่าหญิงสาวเริ่มมีอารมณ์เดือด ฝ่ายเขาก็ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ เพราะความตั้งใจคือ ตกลงกับนางให้ได้ เพื่อบำเหน็จ จากทางการที่เป็นส่วนของเจี่ยงป๋อนั้น มีมูลค่าเกือบ 200 ตำลึงทอง (2,000 ตำลึงเงิน) ซึ่งเป็นส่วนที่มากเอาการ เขาสามารถใช้มันได้หลายปี
“พี่สะใภ้ อย่าเพิ่งเสียอารมณ์ อย่างไรเราก็เป็นญาติกัน เรื่องนี้มิอาจเปลี่ยนแปลง” น้ำเสียงเจี่ยงเซียนปรับให้นุ่มนวล และเขาหันไปทางสตรที่ยืนข้างกัน
“พี่หญิง ข้าเป็นผู้น้อย แต่เดิมคือเด็กในบ้าน โดยได้ไท่
ฮูหยินเลี้ยงดูไว้ วันหนึ่งมีโอกาสรับใช้นายท่าน จึงได้รับความเอ็นดูแล้วยกขึ้นเป็นอนุ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่กล้าเลี้ยงร้องสิ่งใด ทว่าครั้งนี้ สกุลเจี่ยงเดือดร้อน นายท่านจากไปแล้ว ข้าก็หวังว่าพี่หญิงจะเห็นใจ ลูกบุญธรรมของเขา และไท่ฮูหยินที่แก่ชรา จนยามนี้เดินเหินก็ยังไม่ได้”
“ข้าเป็นพี่หญิงของเจ้าตั้งแต่เมื่อใด” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ลืมตัวไปสักหน่อย น้ำเสียงจึงแข็งกระด้าง สีหน้าสีตาแจ้งชัดว่าไม่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“อนุผู้น้อยเช่นข้า เมื่อไร้นายท่าน ชีวิตย่ำแย่ยิ่งนัก หากไม่ถูกขายออกไปเป็นบ่าวเรือนอื่น คงตกต้องไปเป็นนางโลม แต่ยามนี้ สกุลเจี่ยงเมตตา ที่ยังให้ข้าได้พักอาศัย”
เจี่ยงเซียนส่ายหน้า และส่งสายตาเวทนาต่อซ่งหลัน
“อนุซ่ง กล่าวเช่นนั้น เกินไปสักหน่อย พี่สะใภ้ข้ามาจากสกุลขุนนางเก่าแก่ อย่างไร นางย่อมมีความยุติธรรม”
อวี้เพ่ยเอ๋อร์นิ่วหน้า พออยากเอ่ยปากไล่ทั้งสองคนออกไปจากเรือน เพื่อให้ตนได้ตั้งหลัก และคิดหาวิธีตกลงกันอย่างสันติ ก็เป็นว่าฝนได้ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ยามนี้ ในเมืองโรงเตี๊ยมเต็มไปหมด เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาล นอกจากนั้นฝนยังตกลงมาอีก อย่างไรพี่สะใภ้ให้ข้ากับอนุซ่งพักที่นี่สักคืนเถิด พวกเราจะได้พูดคุยกันให้มากขึ้น และข้าเชื่อว่า พี่สะใภ้ย่อมอยากรู้เรื่องของพี่ใหญ่เป็นแน่”
เจี่ยงซีเอ่ยจบ เขาจึงหันไปขอเสียงสนับสนุนจากซ่งหลัน
“ฮูหยินหม้าย ให้ข้าพักที่นี่สักคืน หวังว่าท่านคงไม่ผลักไส สตรีที่รับใช้สกุลเจี่ยงราวกับทาสมาหลายปี”
เมื่อซ่งหลันเอ่ย พร้อมสีหน้าเศร้าสร้อย อวี้เพ่ยเอ๋อร์ก็ถอนหายใจแรงๆ พลางอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ผู้ที่บาดเจ็บในโรงเก็บฟืนป่านนี้จะเป็นเช่นไร
“เนื่องจากเรือนหลังนี้คับแคบ น้องสามีคงต้องนอนที่ห้องโถง ส่วนอนุซ่ง เจ้าใช้ห้องนอนเล็กเถิด จะได้สะดวก และยังเป็นสัดส่วน”
กล่าวจบอวี้เพ่ยเอ๋อร์ต้องรีบจัดการเรื่องที่ร้อนอยู่ในอกตอนนี้ ด้วยนางจะให้ผู้ใดพบกับบุรุษตัวโต ที่เขาอ้างว่าตนชื่อ ‘ถัง’ ไม่ได้เป็นอันขาด !