หลังเลิกเรียน
“นั่นเธอจะรีบไปไหนอะ?”
ร่างสูงราวๆ ร้อยแปดสิบกว่ารีบมายืนดักหน้าสาวเจ้าเนื้อ สร้างจุดสนใจให้กลุ่มแก๊งเดิม จนคิริวลุกมายืนขนานข้าง
“ดูท่า มึงจะชอบอีอ้วนมากเลยสินะ”
“ช่วยระวังปากหน่อย ไอ้หน้าปลาดุก”
“มึงนั่นแหละที่ต้องระวังปาก (ยกแขนมาโอบไหล่เธอ) อีอ้วนนี่ มันนมใหญ่สินะ มึงถึงได้ชอบ คงอยากเอามันงั้นสิ?”
มือคิริวเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ แล้วขยำหน้าอกของเธอ
ผลัวะ!
แผนเมืองกระโดดถีบเข้าที่ท้อง จนคิริวหงายเงิบล้มไปกองที่พื้น เธอทรงตัวไม่ให้ล้มตาม แล้วรีบหันไปห้ามแผนเมือง แต่เขาไม่ฟัง ปัดแขนเธอออก แล้วพุ่งตัวเข้าไปซัดหน้าคนที่นอนอยู่ จนเลือดสีแดงสดกระเซ็นออกปากและจมูกคิริว
“รีบไปตามอาจารย์มาสิวะ ไอ้พวกโง่ ผลัวะ! โอ๊ย!”
พรรคพวกร่วมแก๊ง รีบวิ่งไปตามอาจารย์ตามที่คิริวตะโกนบอก ไม่นานนัก อาจารย์ก็รีบวิ่งมา แต่สภาพคิริวหนักเอาเรื่อง เลือดออกเต็มหน้า คิ้วแตก ปากแตก จมูกหัก จนเลือดกำเดาไหล งานนี้ แผนเมืองคงไม่รอด เป็นเพราะเธอแท้ๆ เลย
ห้องปกครอง
“ครั้งนี้เราต้องโทรเรียกผู้ปกครองมาด้วยนะคะ”
อาจารย์ประจำชั้นบอกกับอาจารย์ปกครอง ในขณะที่เราสองคน กำลังยืนรอผอ.เข้ามาพิจารณาโทษ ทั้งที่คนทำผิดคือกลุ่มคิริวแต่กลับมีเพียงเราสองคนที่ต้องมายืนอยู่ในห้องนี้
ซึ่งไม่แปลกใจ เพราะ 'เหยื่อ’ มักจะเป็นฝ่ายผิดตลอด
“เป็นเด็กใหม่แท้ๆ กลับก่อเรื่องตั้งแต่วันแรก แย่มาก”
อาจารย์หญิงวัยชรา หันไปพูดใส่แผนเมือง ที่ยืนจ้องกลับอย่างไม่รู้สึกผิด เขาสู้สายตาจนอาจารย์เริ่มไม่พอใจ แต่ก่อนจะอ้าปากด่าทอ ผู้อำนวยการก็เดินเข้ามาในชุดสูทสีดำ ตั้งท่าจะคาดโทษเธอที่มีปัญหาอยู่บ่อยครั้ง แต่พอหันไปเห็นผาเมืองก็เกิดการชะงักและแสดงสีหน้าตกใจเมื่อเห็นเด็กใหม่
เธอหันไปมองคนข้างกาย แต่แทนที่เขาจะกลัวการถูกไล่ออก เขากลับยกยิ้มมุมปากใส่ผู้อำนวยการใหญ่ ท่ามกลางสายตาของอาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์ปกครองที่ยืนรอว่าเมื่อไหร่ ผู้อำนวยการใหญ่จะลงโทษเด็กนักเรียนสองคนนี้
“อะ ออกไปได้”
“ว่าไงนะคะท่านผอ. ทำไมท่านถึงได้ปล่อยเด็กสองคนนี้ไปง่ายๆ ทั้งที่สองคนนี้เป็นต้นเหตุของการทะเลาะวิวาทในโรงเรียนนะคะ!” อาจารย์ทักท้วงเสียงดัง ทว่าแผนเมืองกลับยักคิ้วกวนโอ๊ยแล้วจับมือเธอพาออกไปจากห้องปกครอง
ฮือฮ่าาา!
เหล่าเด็กนักเรียนที่มายืนมุงหน้าห้อง ต่างพากันหันหัวชนกัน เพราะไม่คิดว่าเธอกับเด็กใหม่ จะรอดพ้นจากการถูกไล่ออก และเดากันไปต่างๆ นาๆ ว่าแผนเมืองเป็นลูกผู้มีอิทธิพล ส่วนเธอทุกคนรู้ดี ว่าเป็นแค่ลูกผีพนันไม่มีอะไรพิเศษ
หลังจะกลับมาถึงห้องเรียน เธอก็รีบเก็บหนังสือลงกระเป๋า เพราะวันนี้คงไม่มีสมาธิในการเรียนต่อ เลยว่าจะแวะกดเงินที่ทำงานได้ ไปให้พ่อเพื่อที่พ่อจะได้ไม่ต้องมารอเงินจากพี่หวาน เดือนนี้เป็นเดือนแรก ที่เธอสามารถแยกเงินส่วนนี้เอาไว้ได้ เพราะเธอทำงานหนัก ล่าสุด ยังไม่ได้นอนเลย
“จะกลับแล้วเหรอ?”
แผนเมืองเอ่ยถาม ขณะที่เธอสะพายกระเป๋านักเรียน
“อือ ฉันต้องไปทำธุระ”
“แต่ยังเหลืออีกคาบนะ”
“นายคิดว่าฉันจะเรียนรู้เรื่องเหรอ?”
เธอถามกลับ แล้วกวาดสายตามองเพื่อนร่วมห้อง ที่เดินกลับเข้ามา พร้อมกับจับกลุ่มซุบซิบนินทาเรื่องเราสองคน
“งั้นเรากลับด้วย”
สาวเจ้าเนื้อไม่ตอบรับ แต่เดินสะพายกระเป๋าเป้เดินออกจากโรงเรียน โดยให้เหตุผลว่าจะต้องไปทำธุระ ปกติจะยุ่งยากกว่านี้ แต่พอมีแผนเมืองตามมาด้วย เลยออกง่ายมาก
“เราขับรถมา ให้พาไปส่งที่ไหนไหม?”
แผนเมืองเอ่ยถาม พลางชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์
“เดี๋ยวยางรถนายก็แตกหรอก”
“ฮะ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นอะ?”
“ก็มีคนบอกว่าเราตัวใหญ่ มอเตอร์ไซค์วินยังไม่รับ”
“เหลวไหลมาก เธอก็ไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนั้นไหมละ”
“ไม่รู้สิ เราโดนล้อเรื่องนี้มาตั้งแต่มอหนึ่งแล้ว”
“แล้วเธอก็เชื่อคำที่ถูกล้อเนี่ยนะ?”
“ฉันไม่ได้เชื่อ ก็แค่ยอมรับความจริงเท่านั้นเอง”
“เธอเนี่ยนะ ใส่ใจความคิดคนอื่นมากเกินไปแล้ว”
สาวเจ้าเนื้อยักไหล่ยอมรับ แล้วมองหาตู้ธนาคาร
“มองหาอะไรอะ?”
“ตู้ธนาคาร ฉันจะกดเงิน”
“มีเงินสด เอาจากเราไหม?”
“นาย…มีถึงเก้าพันไหมอะ?”
“มีดิ”
แผนเมืองตอบกลับ พลางหยิบกระเป๋าหนังขึ้นมาควักแบงก์พันเป็นฟ่อนๆ แล้วส่งให้เธอตามจำนวนที่ต้องการ แอบตกใจ เพราะไม่คิดว่าเด็กมอปลาย จะพกเงินสดเยอะขนาดนี้
เขาอาจจะเป็นลูกคนรวย คนมีอิทธิพลจริงๆ สินะ
“ขอเลขบัญชีหน่อย เดี๋ยวโอนให้”
“จำไม่ได้อะ”
“ฮะ?”
“ไว้ค่อยเอาเงินสดมาคืนพรุ่งนี้ก็ได้”
“พรุ่งนี้วันเสาร์”
“วันจันทร์ค่อยคืน”
“บ้า งั้นนายเอาคืนไป เดี๋ยวฉันไปกดเงินเอง”
เธอรีบยัดเงินเก้าพันคืนให้อีกฝ่าย แล้วเดินออกจากซอยโรงเรียนไปหาตู้กดเงินใกล้ๆ แผนเมืองขับรถมอเตอร์ไซค์ตามมา แล้วรอจนกว่า เธอจะกดเงินเสร็จ ถึงจะมาดึงกระเป๋า
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ฉันขับรถมา จอดอยู่หน้าร้านข้าว ร้านประจำ”
เธอพูดพลางชี้ไปที่รถฟีโน่สีดำ ที่จอดอยู่ไม่ไกล
“งั้นวันจันทร์เจอกัน”
พูดจบ เขาก็ส่งกระเป๋าเป้คืน แล้วขับรถออกไป
“แปลกๆ แฮะ”
เธอบ่นพึมพำ แล้วเดินไปที่ร้านข้าวร้านประจำ ก่อนจะขอบคุณป้าเจ้าของร้าน ที่อนุญาตให้เธอมาจอดที่นี่ เคยเอาไปจอดในโรงเรียน แล้วถูกแก๊งคิริวปล่อยลมยาง ไม่ก็เจาะยางแตก เธอเลยเปลี่ยนที่จอดเป็นร้านข้าวแทน มีคนเฝ้า
ซุ้มยาดอง ขายเหล้า (จุดประจำที่พ่ออยู่)
“ไอ้ชัช ลูกสาวมึงมานู่นแล้ว”
เพื่อนพ่อพูดขึ้น ตั้งแต่เห็นรถของเธอขับเข้ามา
“หึ! ร้อยวันพันปีไม่เคยมา วันนี้คือเสือกมาหากู”
ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อคน แสยะยิ้มเย้ยหยันให้ลูกสาว
“หนูเอาเงินเดือนมาให้ จะได้ไม่ต้องไปเอาที่พี่หวาน”
“นี่มึงหาเงินได้เยอะขึ้น ถึงขนาดเอาเงินมาให้กูเองเลยเหรอวะ” พ่อที่เมาตั้งแต่หัววัน ยังไม่เลิกพูดจาถากถางลูก
“หนูแค่ไม่อยากให้พ่อไปรบกวนพี่หวาน ก็เท่านั้นเอง”
“เออ เรื่องของมึง ขอแค่มึงมีเงินให้กูใช้ก็พอ เอามา!”
พ่อดึงเงินไปจากมือลูกสาว แล้วเอ่ยปากชักชวนเพื่อนไปเข้าบ่อน เงินที่เธออุตส่าห์อดหลับอดนอน หามาแทบตาย สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น เอาไปให้เจ้าของบ่อน เจ้าของร้านเหล้า
แต่ถึงอย่างนั้น ก็คัดค้านอะไรไม่ได้ เพราะเป็นลูกสาว
กรุ้งกริ้ง~
ประตูร้านเบเกอรี่ถูกเปิดออก โดยเด็กสาวมอปลายที่รีบกลับมาช่วยงานที่ร้าน พี่หวานเอียงคอเล็กน้อย พลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเดินออกจากเคาน์เตอร์ มาถามเธอ
“เอ๊ะ ทำไมวันนี้ถึงเลิกเรียนไวจังเลยละ?”
“พะ พอดีว่าที่โรงเรียนมีจัดงานกิจกรรมต่อ หนูทำเสร็จเร็ว เลยขอตัวกลับมาก่อนค่ะ” สาวเจ้าเนื้อตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะไม่สันทัดเรื่องการโกหก แต่ถ้าจำเป็นต้องสร้างเรื่องเพื่อปกปิด ไม่ให้พี่หวานเป็นห่วง เธอก็ยอมทำ เพราะไม่อยากให้พี่หวาน รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้
“งั้นเหรอ แล้วนี่เหนื่อยไหม ทานอะไรมาหรือยัง?”
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ”
เด็กสาวฝืนยิ้มให้พี่สาวคนสนิท ทั้งที่จริงแล้ว เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เธออดนอนมาตั้งแต่เมื่อวาน อยากจะงีบพักที่โรงเรียน ก็ดันถูกเพ่งเล็งจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปหาที่นอน สภาพร่างกายในตอนนี้ เลยอ่อนล้า และอ่อนเพลียมาก ทว่ากลับต้องอดทน ทำงานจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า แต่ยังดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ทำงานกะเช้าเสร็จเมื่อไหร่ คงมีเวลานอนพักบ้าง
“หน้าตาดูเพลียๆ คงยังไม่ได้ทานอะไรมาสินะ งั้นตามมานี่เลย วันนี้พี่ทำสลัดผักเตรียมเอาไว้ให้ เห็นตุ้ยนุ้ยบอกว่าอยากลดน้ำหนัก พี่เลยทำอาหารแคลอรี่ต่ำแต่พลังงานสูง รับรองว่าทานแล้วน้ำหนักจะลดลงแน่นอน~” พี่หวานนำเสนอในสิ่งดีๆ ที่เธอต้องการ ตอนที่เธออยากทานของอร่อยๆ พี่หวานก็มักจะทำให้ และพาไปทานอยู่บ่อยครั้ง พออยากลดน้ำหนัก พี่หวานก็พยายามทำอาหารดีๆ มาให้อีก ถือว่าเป็นผู้หญิงสวยแถมยังใจดีที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมาเลย
สามทุ่มตรง (ถึงเวลาปิดร้านเบเกอรี่)
“ตุ้ยนุ้ย เอาสลัดกลับไปทานอีกสิ”
พี่สาวคนสวยพูดพลางยื่นกล่องใส่ผักสลัดให้ พร้อมกับอกไก่อบอีกสองกล่อง เผื่อไว้ให้เธอทานเวลาหิว ใจจริงอยากจะปฏิเสธ แต่พอนึกถึงเงินติดตัวที่มีไม่ถึงห้าร้อยแล้ว ก็เลือกที่จะรับเอาไว้ เพราะเธอยังต้องใช้พลังงานในการทำงาน
“ขอบคุณนะคะพี่หวาน”
เธอยกมือไหว้ รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนดีๆ ในชีวิต
“ยินดีจ้ะ ยังไงก็ขับรถกลับดีๆ ถึงห้องแล้วอย่าลืมทักบอกพี่ด้วยนะ” พี่หวานมักจะพูดประโยคนี้ทุกครั้ง เวลาที่เราต้องแยกจากกัน เพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เด็กผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว อันตรายมาก พี่หวานเคยเสนอให้เธอไปอยู่ด้วย แต่เธอเกรงใจ เพราะถ้าพ่อรู้เข้าต้องตามไปราวีถึงที่บ้านพี่หวานแน่นอน ลำพังแค่นี้ก็รู้แย่จนไม่รู้จะจัดการยังไงกับพ่อตัวเองดี ทำได้มากสุดก็แค่ดึงภาระคืนไม่ให้ไปรบกวนพี่หวาน
อย่างน้อย เธอก็เป็น 'ลูกสาว’ แต่พี่หวานไม่เกี่ยวข้อง
คนใจดี ไม่ควรต้องมาเดือดร้อนกับคนที่ให้กำเนิดเธอ
เพราะมันเป็นช่องทาง ที่จะทำให้พ่อเอาเปรียบคนดีๆ
บรืนนน~
หลังเลิกงานจากร้านเบเกอรี่ สาวเจ้าเนื้อก็ขับรถฟีโน่คันเดิม ไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ซึ่งรายได้ที่นี่ จะออกเป็นรายอาทิตย์ ร้านเบเกอรี่ออกรายเดือน งานเช้าออกรายวัน นั่นก็แปลว่า งานเช้าจะเป็นค่ากินต่อวันไปได้ ส่วนเงินที่ได้ รายอาทิตย์ เธอจะเก็บหอมรอมริบ เอาไว้ควักจ่ายให้พ่อ
เด็กสาวพยายามจำแนก แยกค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน
เงินเดือนจากพี่หวาน เธอเอาไว้จ่ายค่าห้อง ค่าเทอม และลบส่วนต่างที่ต้องให้พ่อ โดยที่เธอจะรับผิดชอบส่วนนี้เอง
ซึ่งแน่นอนว่ามันหนักมาก แต่เธอคิดว่าจะต้องทำไหว
“นี่ จอดรถ!”
ขณะที่เด็กสาวกำลังขับรถไปทำงานต่อ ก็ถูกตำรวจนายหนึ่งเรียกจอดเข้าข้างทาง และมีอีกสามนายเข้าล้อมรถไว้ เธอรู้ทันที ว่าต้องเกี่ยวข้องกับชายแปลกหน้าที่พบเจอแน่ๆ
“ใช่รถคันนี้ไหมจ่า?”
ตำรวจนายหนึ่ง มีผ้าปิดแผลอยู่บริเวณปลายคาง หันไปถามกับตำรวจอีกคนที่ตะโกนห้ามชายแปลกหน้าเมื่อคืนนี้
“ใช่ครับผู้กอง รถคันนี้เลย”
สาวเจ้าเนื้อใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะกลัวการคาดคั้น
“นี่ เมื่อวานนี้ ช่วยนักโทษหลบหนีใช่ไหม?”
ตำรวจที่ถูกเรียกว่าผู้กองเอ่ยถาม พลางหยิบกระบอกปืนขึ้นมาเขกหมวกกันน็อกที่เด็กสาวสวมอยู่ พอเธอส่ายหน้าปฏิเสธ ตำรวจคนนั้นก็เอื้อมมาดึงกุญแจรถออก แล้วเอาปืนจ่อหน้าผาก พฤติกรรมแบบนี้ไม่น่าเรียกว่าตำรวจได้เลยจริงๆ
“รู้ใช่ไหม ว่าถ้าช่วยนักโทษหลบหนีจะมีความผิด”
ตำรวจเข็นเสียงเข้ม ข่มขู่เด็กสาวที่ใส่ชุดมอปลาย
“เออ ผู้กองครับ ใช้ปืนจอเด็กแบบนี้ ผมว่าไม่ดีมั้ง”
ตำรวจยศต่ำกว่า พูดพลางหันมองซ้ายขวาที่เป็นถนน ทว่าเวลานี้กลับมีรถน้อย จนแทบไม่มีใครมาสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น
“ถ้าไม่อยากตาย ก็ตอบความจริงมา ว่ามันอยู่ที่ไหน”
เธอทั้งช็อกทั้งตกใจ กับคำพูดข่มขู่ของตำรวจนายนี้ จริงอยู่ ที่เธอช่วยคนผิด แต่การขู่ฆ่ากันตำรวจทำได้ด้วยเหรอ
“ตอบมาสิวะ นังเด็กนี่!”
ฝ่ามือหยาบหนาง้างขึ้นเหมือนจะตบด้วยปืน จนเธอต้องยกมือบังหน้าตัวเองเอาไว้ จังหวะนั้น มีรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ขับมาจอดขนานข้างพอดีและเป็นรถของ 'แผนเมือง'
“เป็นตำรวจซะเปล่า แต่ดันทำร้ายเด็กผู้หญิงเนี่ยนะ”
แผนเมืองสวมใส่ชุดหนังสีดำทมิฬ จ้องเขม็งตำรวจที่กำลังจะง้างปืนตบเธอ ก่อนจะลงจากรถตัวเอง แล้วดึงกุญแจรถกลับคืน จากนั้นก็ลูบไหล่ปลอบโยนเบาๆ แล้วให้เธอขับไป
“ละ แล้วนายละ?”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรา เธอรีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
ถึงจะไม่สบายใจ แต่เธอก็เลือกที่จะขับรถออกมาจากตรงนั้น เพราะรู้ว่า หากโดนข่มขู่เยอะๆ เข้า เธอต้องพูดความจริงออกไปแน่ ถึงสมควรบอก แต่เธอก็รู้สึกว่าตำรวจพวกนั้นไม่ใช่คนดี และเธอจะไม่ให้ความร่วมมือกับคนที่ขู่ฆ่าเด็กแน่ๆ