“พี่จะไปดีๆ ตอนนี้ หรือไปแบบไม่มีไข่ให้ใช้ฉี่?” ฉันเอ่ยพร้อมดวงตาคู่คมฉายแววอำมหิต อีพี่ปิงหัวเราะแหะๆ แล้วค่อยๆ เฟดตัวออกไปอย่างเงียบๆ เซฟแค่นหัวเราะตามด้วยใบหน้าหวานๆ ก่อนจะเอียงคอมองฉันอย่างพินิจพิจารณา
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกตรวจสอบทะลุทะลวงไปถึงชั้นเซลล์เพราะสายตานุ่มลึกสีน้ำตาลอมเหลืองที่ส่องสะท้อนกับแสงไฟภายใต้ขนตาแพยาวน่าหลงใหลจับจ้องไม่กะพริบ
มองขนาดนี้ เอากลับไปดูต่อที่บ้านเลยก็ได้นะ... ไม่ต้องเกรงใจ เพราะฉันสมยอม แฮ่ ^O^;;;
“นี่บ้านเธอเหรอ?” ถึงเขาจะใสซื่อแต่ก็ฉลาดปราดเปรียวในเรื่องอื่นๆ ฉันพยักหน้ารับพลางขยับหลอดในแก้วน้ำวนไปมาเมื่อพึ่งจะรู้ตัวว่ากำลังนั่งอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองชอบ...
เวร... หน้าก็ไม่ได้แต่ง คิ้วก็ไม่ได้เขียน สิวเสี้ยนก็ยังไม่ได้ลอกออก สภาพฉันจะเหมือนอีเจ๊ขายข้าวแกงแถวมหาวิทยาลัยมั้ยเนี่ย! ขอเวลานอกวิ่งไปแต่งหน้าได้มั้ยเนี่ย!
“แล้วนี่เราไปเป็นแฟนเธอตอนไหน?”
“แค่กๆ” คำถามใสๆ ราบเรียบทำเอาฉันสำลักน้ำที่พึ่งดูดไปเมื่อกี้ เขาเบิกนัยน์ตากลมโตรอคำตอบอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ไอ้ฉันน่ะเหรอ... อยากจะมุดตัวลงใต้โต๊ะแล้วแปลงร่างเป็นมดตะนอยต่อยแข้งต่อยขา หายลับไปจากโลกนี้เลย
แหม ฉันก็แค่พูดกับพ่อไปงั้นๆ ไม่ได้จริงจังสักหน่อย ถึงจะแอบคิดนิดๆ
เอ่อ... คิดมากก็ได้ ไม่อยากผิดศีลข้อสี่
“ชอบเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คำถามธรรมดาแต่ฆ่าคนได้ของร่างสูงทำเอาฉันสตั๊นไปอีกหนึ่งดอก ถ้าเป็นทหารก็เหมือนเขากำลังหยิบปืนไรเฟิลยิงรัวๆ ด้วยใบหน้านิ่งสงบสยบอีหลินเลยแหละ T_T
ฉันเงียบไปแล้วเสตามองทางอื่น ถึงฉันจะดูห้าวๆ แต่ความเป็นกุลสตรีก็มีเหมือนชาวบ้านชาวช่องนะยะ มือของฉันเริ่มอยู่ไม่นิ่งเพราะแรงสั่นสะเทือนจากเส้นเลือดที่บีบรัดจากใจกลางหน้าอก...
โอย... นี่พ่อเปิดพัดลมแล้วใช่มั้ย? ทำไมมันถึงร้อนนักวะ!
“หน้าแดงคืออะไรเหรอ? คำตอบรึเปล่า?”
อย่าจี้ฉันได้ไหมเนี่ย! บางทีก็คิดนะ ว่าเขาแกล้งแอ๊บไม่รู้รึเปล่า ทำไมฉันรู้สึกเหมือนโดนคนซื่อบื้ออย่างหมอนี่ไล่ต้อนแปลกๆ ก็ไม่รู้
“ก็โคตรอ่ะ” ฉันอึกอักเมื่อร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากได้ใจด้วยใบหน้าหวานๆ
“โคตรนี่คือ...?”
ยังจะถาม! ก่อนถามช่วยสังเกตสีหน้าฉันนิดนึงได้มั้ย แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว แดงจนสีแดงยกธงขาวอ่ะ!
“โคตรชอบไง ก็บอกไปแล้ว จะมาจ้ำจี้จ้ำไชให้พูดอีกทำไมเนี่ย! เดี๋ยวเราก็ตบหน้าหันหรอก” ฉันกลบเกลื่อนความเขินอย่างลืมตัวว่าไอ้คนที่ฉันจะตบนี่มัน... ว่าที่สามี!
กรรม เอาเข้าไป T_T
“ดุเหมือนกันนะเรา”
“ก็เอาไปเฝ้าบ้านแทนหมาได้อ่ะ”
แล้วฉันจะด่าตัวเองเพื่อ!
“แล้วขอแม่เรายัง?” เขาพูดขึ้นอีก ฉันย่นคิ้วไม่เข้าใจก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่ใบหน้าหวาน ยิ่งมองมือก็ยิ่งสั่น รู้สึกเหมือนโดนเขาสูบวิญญาณเข้าไปในดวงตาคู่ใสนั่นยังไงยังงั้น ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกหลอดในแก้วน้ำขึ้นมาชี้หน้าฉันประหนึ่งกลั่นแกล้ง
“ก็เธอจะมาจีบเราอ่ะ ขออนุญาตแม่เราหรือยัง?”
“…”
ขอแม่? =__=?? อะไรคือขอแม่? จะจีบผู้ชายทั้งทีนี่ต้องขออนุญาตบุพการีด้วยเหรอ? สาบานว่าฉันอยู่ในศตวรรษที่ 20 และสาบานอีกทีอีผู้ชายข้างหน้าฉันนี่อายุอานามก็ไม่ใช่เด็กปอสอง แต่สมองเรียกร้องหาคำอนุมัติจากแม่ นี่ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาควรมาเป็นพ่อพันธุ์ เอ๊ย สามี เอ๊ย ผัว… ช่างเถอะ เข้าใจตรงกัน
“เราไม่ได้ด่านะ แต่ว่าโตเป็นควายแล้วทำไมต้องให้แม่อนุญาต” ฉันย่นคิ้วสงสัย ไม่รู้ว่าคำถามมันเสียดแทงจิตใจไปรึเปล่า
แหม อย่าหาว่าปากจัดเลยนะ ฉันก็แค่ว่าไปตามความจริงปะวะ?
“อายุเท่าไร ถามใจตัวเองดู”
“ก็เข้าตามตรอกออกตามประตูไง อยู่ในสายตาผู้ใหญ่” เขากุมมือตัวเองไว้พยายามอธิบายให้ฉันเก็ตในสิ่งที่เขาคิดอยู่ แต่ไม่… ไม่เข้าใจ ฉันเป็นชะนียุคใหม่ ตีหัวผู้ชายเข้าถ้ำย่ะ!
“เข้าตามซอก ออกตามรูได้มั้ย คล้ายๆ กัน (‘’)”
ฉันเอ่ยทำให้คนตรงหน้านิ่งไปก่อนจะไหวไหล่ไม่ตอบ
แล้ว… แล้วยังไง! คืออะไร! ฉันต้องการคำตอบไม่ใช่ยักไหล่นะเฟ้ย!
“เงียบคือ?” ฉันเรียกร้องขอคำตอบหากแต่อีพี่ปิงดันสะดิ้งเข้ามาเสิร์ฟบะหมี่ผิดจังหวะ!
“ราชาบะหมี่มาแล้วจ้า” พี่ปิงว่าพลางวางชามลงบนโต๊ะดังปึก เสร็จหน้าที่แต่ยังสะเออะยืนอยู่…
“พี่ปิง” ฉันปรายนัยน์ตามองร่างสูงที่ยืนทะเล่อทะล่าบิดม้วนต้วนมองเซฟที มองที่อื่นที
“อีพี่ปิง…”
ยัง… ยังไม่ไป นางยังยืนอยู่
“อีตุ๊ด! ไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นได้แล้ว!” ฉันกระชากเสียงพร้อมส่งสายตาดุดัน โอ๊ย แต่ละคนที่บ้านฉันทำไมน่าปวดหัวขนาดนี้ มีพี่ก็จ้องจะกินว่าที่แฟนของน้อง มีพ่อก็จะยกลูกสาวแถมหมี่เกี๊ยว จะมีผัว ก็ต้องไปขออนุญาตแม่เขาเพื่อจะจีบอีก
อุปสรรคความรักช่างเยอะเว่อร์วังอลังการบานตะไทจริงวุ้ย!
“โอ๊ย อีนี่ จะไฝว้กับพี่เหรอ! น้องคะ ดูสิคะ ชะนีผีเถื่อนๆ แบบนี้เอาเป็นเมียลงเหรอ?”
“พี่โป้ง อีพี่ปิงเป็นตุ๊ดดดด!” ฉันร้องโวยวายฟ้องพ่อทันทีที่อีพี่ปิงมากวนประสาทและทำให้ฉันเสียเวลา ฉันรู้หรอกว่าอีพี่ปิงอยากจะช่วงชิงคนหล่อของฉันไปมากแค่ไหน ดูนัยน์ตาแพรวพราวนั่นสิ! กินหัวเซฟได้คงทำไปแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำอีท่าไหนทำไมพ่อถึงไม่รู้สักทีว่ามีลูกชายเป็นเกย์ตั้งแต่ชั้นประถม ตุ้งติ้งจะตายชัก!
“โอ้โห ถ้าน้องพลาดไอ้หลินไป นี่ร้องไห้รอได้เลยนะ นางดี นางเลิศ นางประเสริฐ รวบหัวรวบหางได้เลยจ๊ะ อย่าช้า”
นอกจากเป็นตุ๊ดแล้วยังกะล่อนอีก…
คนถูกเอ่ยถึงนั่งจิ้มลิ้มก่อนจะปรายสายตาไปมองตะเกียบไม้และถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก ยังกับเจอมรสุมชีวิต เขาเหล่มองบะหมี่ที มองตะเกียบที แล้วก็…
“เฮ้อ”
“…”
“เราใช้ตะเกียบไม่เป็น ไม่มีส้อมเหรอ?”
“ไม่…” ฉันย่นคิ้วมองเขาอย่างสงสัย หน้าโคตรตี๋ แต่ไม่รู้วิธีใช้ตะเกียบเนี่ยนะ? ดวงตาคู่สวยบนใบหน้าหวานช้อนขึ้นมามองนิ่งๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มที่ไม่มีใครเดาออก
“แล้วเราจะกินยังไงดีอ่ะ?”
“ช้อนดิ มือก็มี…” ฉันเอ่ยก่อนจะเงียบไป สบนัยน์ตาอ่านยากแพรวพราวระยับของคนตรงหน้า
เฮ้ย เดี๋ยวนะ… ขอตั้งสติสามวินาที อีท่าทีและคำพูดแบบนี้คือไร นางอ่อยปะวะ?
เฮ้ยยยยยยย! เขาอ่อยฉันปะวะ!!!