ฉันกลอกนัยน์ตาอย่างครุ่นคิดหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ ให้ตาย ทำไมเขาต้องทำตัวเป็นลูกแหง่ด้วยวะเนี่ย ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นนะ แค่เห็นหน้าก็อยากพาฉันไปสแคว๊ช แต๊ดๆๆ กันแล้วมั้ง ดูอย่างไอ้นับสิ… เห็นปากดีแบบนั้นนะ พาสาวไปหอไม่ซ้ำหน้าทุกวัน ป่านนี้เอดส์แดกแม่งแล้วมั้ง
“ถ้ากลับดึกมันอันตราย งั้นกลับเช้าไหม? วันนี้นอนบ้านเรา” พูดแล้วก็กระตุกยิ้มชั่วๆ หนึ่งทีแบบเก๋ๆ นี่ไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายนะ แต่เอาจริงๆ ฉันว่า อยู่บ้านฉันนี่แหละ อันตรายสุด แค่หยุดใจไม่ให้กระโดดเข้าไปกินเขาก็ลำบากแล้ว
“เป็นห่วงนะเนี่ย” ฉันย้ำความหวังดีเข้าไปอีก ถึงแม้มันจะไม่น่าเชื่อก็เถอะ
“ไม่เป็นไรหรอก เราเกรงใจ เอาไว้วันหลังเราไปเที่ยวด้วยกันก็ได้เนอะ”
“เฮ้ย ไม่ต้องเกรง…”
“เนอะ ^_^”
กรรม ย้ำหนักแน่นขนาดนี้ฉันจะไปพูดอะไรได้วะ!
“เดี๋ยวยังไง พรุ่งนี้เจอกันที่ชมรมเนอะ ชมรมอยู่ตึกแปด ด้านหลังคณะ มาถูกใช่ไหม?” เขาสรุปรวบรัดก่อนจะจัดการกับบะหมี่ของตัวเองจนหมด ด้วยการพยายามใช้ตะเกียบม้วนเส้นบะหมี่ ทิ้งให้ฉันยิ้มเจื่อนๆ ให้ตาย ไม่มีจังหวะปฏิเสธเลย รู้สึกเหมือนฉันสมยอมให้เขาเอาเปรียบยังไงไม่รู้
เขาพูดเสร็จก็เตรียมจะลุกขึ้นอย่างรีบร้อน หากแต่ถูกฉันคว้ามือไว้ก่อน เรื่องอะไรจะให้ไปง่ายๆ กว่าฉันจะฉุดลากเขามาที่นี่ได้ ใช้แรงไม่ใช่น้อยๆ นะ!
“ไปไหน นายรีบกลับเหรอ?”
“เดี๋ยวรถติด มันจะมืดไง”
“งั้นเดี๋ยวเราไปส่ง”
“เฮ้ย ไม่ต้อง” เขาปฏิเสธ แต่ปฏิเสธไปก็เท่านั้น เมื่อฉันลุกขึ้นเหยียดยืนเต็มความสูง แต่ก็อยู่เพียงระดับหน้าอกของคนหน้าหวาน
“ป้ะ ไปกัน” ฉันตัดบทอย่างเอาแต่ใจพร้อมกับถือวิสาสะแตะแขนเขานิดนึง ความจริงก็อยากควงไปเลยนะ แต่เดี๋ยวจะหาว่าออกตัวแรง
“เราเกรงใจ”
“นายเกรงใจเรานั่นมันก็เรื่องของนาย แต่เราจะไปส่ง” ฉันตอบพร้อมสายตาดื้อแพ่ง ไม่สนหมูสนหมาอะไรทั้งสิ้น เขาพูดอะไรฉันก็ไม่สนแล้ว ฉันเสียเปรียบมาเรื่องนึงแล้วนะ คราวนี้ฉันไม่ยอมหรอก ฉันจะไป ใครก็ห้ามไม่ได้!
“จะไปทำไม เธอเป็นผู้หญิง มันอันตรายนะ เรากลับเองได้”
“เราจะไป” ฉันย้ำหนักแน่นทำเอาคนร่างสูงถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย ฉันก็แค่อยากรู้ว่าบ้านในอนาคตของฉันมันตั้งอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง เปลี่ยวเหรอ? อันตรายเหรอ? ทำไมฉันต้องแคร์ ที่พูดนี่ไม่ได้เก่งอะไรนะแต่ว่าวิ่งไว มั่นใจมากว่าหนีทัน!
“เราเตือนเธอแล้วนะ” เขาพูดเสียงขรึมก่อนจะดึงกระเป๋าในมือของฉันไปถือให้อย่างสุภาพบุรษ นัยน์ตาอ่านยากเลื่อนลงมามองนิดหน่อย
“ถ้าวันนี้เธอไม่ได้กลับบ้าน เราก็ถือว่าเตือนแล้วนะ…”
O_O เย่เฮททท! ฉันจะไม่ได้กลับบ้านคืออะไร? ทำไมเหรอ? ประโยคสองแง่สามง่ามชวนคิดไปเรื่องทรามๆ นี่หมายถึงอะไรเอ่ย?
อะไรๆๆ เขาจะปู้ยี่ปู้ยำฉันเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ต้องหรอกนะ ฉันสมยอมพร้อมพลีกายถวายตัวเลยอ่ะ
เฮ้ย นี่ไม่ใช่ว่าแรดนะ ฉันเลยคำนั้นมานานแล้ว! ก็โตๆ กันแล้วน่า คิดอะไรเยอะแยะ ฉันไม่อยากเกาะคานนานจนนมยานไปถึงเข่าหรอกปะเออ
ฉันเงียบ ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด เวิ่นเว้อ เพ้อเจ้อ ไร้สาระ ร่างสูงเดินฉาดๆ นำหน้าประหนึ่งรู้ทางก่อนจะยืนรอรถเมล์แถวๆ หน้าโรงเรียนเก่าฉัน เขาทำสายตาหลุกหลิกพะว้าพะวงเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ แต่ไม่แสดงออก
“เป็นอะไร?” ฉันเอียงคอถามใบหน้าหวาน เขายกยิ้มก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ
โกหกชัดๆ หน้าซีดเป็นไก่ต้มแบบนั้น ใครมันจะไปเชื่อวะ?
“เซฟ เราถามว่าเป็นอะไร?” ฉันถามซ้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงก่อนจะเลื่อนสายตามาที่ใบหน้าฉัน
“เธอชื่ออะไรนะ?”
นั่งคุยกันตั้งนาน ชื่อฉันก็ยังจำไม่ได้ เจริญล่ะพ่อคุณ =_=!
“หลิน” ฉันตอบอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“เดี๋ยวเราว่าจะโบกแท็กซี่กลับ หลินกลับบ้านไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาวกกลับมาสู่จุดเดิมอีกแล้ว นี่เขาไม่เข้าใจหรือไง ว่าฉันจะไปด้วย ฉันยืนหน้ามึน ปล่อยคำพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ก็ฉันจะไปด้วย ใครจะทำไมอ่ะ?
“หลิน” เขาเรียกฉันอีกครั้ง ฉันเลยตวัดหางตาไม่พอใจใส่รัวๆ
“เราไม่ได้ห่วง แต่เราจะไปด้วย นี่มีอะไรรึเปล่า บ้านหรือสำนักงานลับ ทำไมถึงไปยากไปเย็นนัก” ฉันบ่นอุบก่อนจะสังเกตถึงเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตามกรอบหน้าบ่งบอกว่าเขากังวลใจมากแค่ไหน
อะไร… ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ =_=;;;
“คืองี้ แถวนี้อ่ะมัน…” เขากำลังจะอธิบายหากแต่น้ำเสียงทุ้มของกลุ่มคนหน้าหนวดจากทางด้านหลังดังแทรกขึ้นมาก่อน
“เฮ้ย… นั่นไอ้เซฟปะวะ?”
“…”
เซฟสะดุ้งก่อนจะรูดซิบปากเงียบ เขายื่นมือหนึ่งมาจับมือฉันเมื่อกลุ่มไอ้หนวดจิ๋ม ไอ้หนวดจอน ไอ้หนวดหรอมแหรมสามตัวกำลังขยับเท้าเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงรองเท้าแตะช้างดาวลากเสียดสีกับปูนซีเมนต์ดังสวบๆ
“เฮ้ย เซฟ…?”
หนึ่งในสามคนนั้นเอ่ยเรียก ทำให้คนร่างสูงปรายสายตามาจ้องฉันอยู่ครู่นึงก่อนที่เขาจะกระซิบกระซาบพร้อมกับแรงกระชากจากเรียวแขนแข็งแรงให้ฉันถลาเข้าไปหาทั้งร่าง
ใบไม้ปลิวไสวหลุดจากไหล่ไปภายในเสี้ยววินาที ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างสโลวโมชั่น เม็ดเหงื่อของคนร่างสูงถูกพัดไปตามแรงลม เส้นผมลู่ไล้ไปกับใบหน้าขาวเนียนชวนหลงใหล มือหนาหยาบกร้านนิดนึงสมความเป็นชายกำลังสัมผัสเรียวแขนของฉันเอาไว้ ทำให้ฉันตกอยู่ในภวังค์อันแสนหวานอย่างไม่ทันตั้งตัว….
โอ๊ย… หล่อละเมียดละไม หล่อบาดใจทุกรูขุมขน หล่อหล๊อหล่อ นัยน์ตาฉันเริ่มหวานเยิ้มและคงจะเป็นอยู่อย่างนั้นถ้าเขาไม่กระแทกกระทั้นน้ำเสียงหวานๆ ใส่หูฉันจนวกกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง…
“หลิน… วิ่ง!!!”