EP5.2 ll มนุษย์ติ๋ม [2]

1195 Words
พูดจบก็ตบท้ายด้วยการสะบัดบ็อบไปอีกทาง เซฟหัวเราะแหะๆ แก้บรรยากาศอึมครึม ก่อนจะกระตุกชายเสื้อฉันเบาๆ “อย่าทำหน้าดุใส่เราดิ” เขาพูดเสียงอ่อย ทำเอาฉันชะงัก เฮ้ย ฉันไม่ได้ดุเขานะ ฉันเหวี่ยงใส่อีตุ๊ดไร้มารยาทนั่นต่างหาก “เราไม่ได้ดุใส่เซฟ” “ไม่รู้แหละ” เขาตัดบทไม่ฟังฉันก่อนจะหันไปมองมาโนชน์นิดนึง แล้วกลับมาค้อนใส่ฉัน “แต่ถ้าหลินทำเสียงดุใส่เราอีก เรางอนนะ เอาดิ” อะ อ้าว =O= ฉันเปล่านะ! ทำไมต้องมาขู่กันงี้ด้วยอ่ะ แล้วเลิกทำหน้าหน่อมแน้มน่ารักอ่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ใจอ่อนนะโว้ย! “จะดุเราอีกมั้ย?” คำขู่พร้อมกับน้ำเสียงแข็งๆ นั่นไม่ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นเกรงเลยสักนิด กลับกันรู้สึกว่ามัน… โคตรจะน่ารักเลยอ่ะ คนบ้าอะไร โกรธยังดูดี “เราไม่ได้ดุ…” เสียงของฉันขาดหายไปเมื่อเขาหรี่ตามองฉันราวกับรอคำตอบที่เขาอยากฟัง ทำเอาฉันถอนหายใจยาวพรืด เออออออออ ฉันเป็นคนดุเอง เหวี่ยงเอง ฉันผิดเองทุกประการ โอเคมั้ย? ฮึ่ย! “เออ ไม่ทำแล้ว” “แหะๆ” มาโนชน์หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะหุบปากไปในทันทีที่ฉันตวัดหางตาไปมอง เซฟไม่สนใจก่อนจะเดินนำหน้าไปที่ประตูไม้สีขาวเปิดป้ากว้างสี่สิบห้าองศาแง้มพอให้เห็นสภาพด้านใน พระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งไว้อยู่ข้างซ้ายของห้องพร้อมกับธูปเทียน หมู่มวลดอกไม้ประดับสับหว่างกันสวยงาม มีคนนั่งอยู่ด้านในประมาณห้าหกคน คาดว่าน่าจะเป็นตัวหลักๆ ของชมรมนี้ เซฟลากฉันเข้าไปนั่งลงอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะทำตัวไม่ถูกก่อนจะประจันหน้ากับใครบ้างก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ฉันลางสังหรณ์ไม่ดีเลยว่ะ =_=;;; “ตอนนี้เรายังอยู่ในสถานะกลุ่มนิสิต ที่กำลังเลื่อนเป็นชมรม เพราะคนยังไม่ครบ” เซฟเข้าเรื่องทันทีที่หย่อนก้นลงบนเก้าอี้พลาสติก คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่เงียบและตั้งใจฟังพลางมองหน้าฉันไปด้วยคล้ายๆ จะถามว่า… อีนี่ใคร? “แต่อาทิตย์หน้า เราว่าน่าจะหาครบพอดี” เซฟสรุปก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ฉัน “แล้วก็อันนี้สมาชิกชมรมคนใหม่ ชื่อหลิน” ฉันพยักหน้ารับให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ไม่ว่าจะยัยเปียที่นั่งตรงข้าม ไอ้หน้าเต้าหู้ยี้ ไอ้ตี๋สกินเฮด ที่เรียงรายและจงใจมองหน้าฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เหมือนฉันไปฆ่าคนมางั้นแน่ะ =_=^ ให้ตายสิ ไอ้ชมรมนี้มันชมรมอะไรกันแน่วะ ชมรมแข่งทำหน้าเหวี่ยงเหรอ? ตั้งแต่อีมาโนชน์เมื่อกี้แล้วนะ! “ชื่อหลิน มาจากคณะวิศวะโยธา ปีสามค่ะ” “คนนี้เหรอที่เซฟบอกจะให้มาเป็นเลขา?” ยัยเปียโพล่งขึ้นก่อนจะมองหน้าฉันอย่างพินิจพิจารณา “จะทำงานได้เหรอ ดูไม่ใช่เด็กกิจกรรม…” “ที่ถามนี่เธอแค่สงสัยไม่ใช่หาเรื่องใช่ปะ?” ฉันจ้องเธอกลับอย่างเอาจริงเอาจัง มีที่ไหนวะ พูดจาเหน็บแนมตั้งแต่รู้จักกันครั้งแรก แล้วฉันยังไม่ได้เริ่มงานเลย อย่าพึ่งมาตัดสินได้ปะวะ ทำไมมีแต่คนน่าหงุดหงิด! “ไม่ได้หาเรื่อง แค่พูดไว้ เพราะชอบมีผู้หญิงตามมาเข้าชมรมเพราะอยากจีบเซฟ” “…” ฉันเงียบ ไม่โต้ตอบเธอ เพราะรู้ว่าไอ้ประโยคที่เธอพูดน่ะเข้าตัวเองเต็มๆ! นั่นแหละ ฉันเลย ฉันเข้ามาเพื่อการนั้นแหละ ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรชมรมนี้ทั้งสิ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำเกี่ยวกับอะไร! “ถ้าจะเข้ามาจีบก็ไม่เห็นผิดนี่ ตราบใดที่ฉันทำงานได้” ฉันเอ่ยขึ้นมาเมื่อเวลาผ่านไปครู่นึง ทำเอาคนที่นั่งอยู่สตั๊นไปในทันที เซฟเหลือบสายตามามองฉันก่อนจะกระตุกยิ้มขำ “หรือชมรมนี้มีกฎห้ามจีบประธานชมรม?” เงียบ… มีแค่เสียงกลั้นขำของไอ้คนหน่อมแน้มข้างๆ ฉันพูดอะไรผิดปะวะ? ทำไมทุกคนถึงทำหน้าเจื่อนๆ กันแบบนั้น ความจริงที่ฉันพูดออกไปไม่ได้ต้องการอะไรหรอกนะ แค่ดักทางพวกที่เงียบๆ แต่แอบอยากจะกินเซฟเท่านั้นเอง อย่างยัยเปียนั่นคนนึง… เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเธอก็อยากจะอ่อยเซฟเหมือนกันนั่นแหละ แต่ดันวางฟอร์มไง เธอไม่เหมือนฉัน ฟงฟอร์มอะไรก็ไม่มี นี่กระโดดเข้าใส่อย่างเดียว ได้ ไม่ได้เอาให้รู้ไปเลย “แล้วเธอรู้มั้ยเลขาต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง?” “…” สารภาพเลยว่าไม่ ฉันยังไม่รู้รายละเอียดสักกะอย่าง แค่ตามเซฟมาเฉยๆ “เรายังไม่บอกหลินเลย จริงๆ เป็นเลขาก็แค่คอยช่วยงานเราแหละ งานเราไม่เยอะหรอก” เซฟเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหยิบสมุดโน้ตหนาขนาดตีหัวหมาแตกมาวางบนโต๊ะดังปึ้ง! “หลักๆ ก็แค่มาช่วยคุมน้องนั่งสมาธิตอนตีห้าครึ่ง นำสวดมนต์ เดินจงกรมทุกเช้าอะไรประมาณนี้” เซฟร่ายรายละเอียดหลักๆ ทำเอาฉันชะงักรอบที่ล้าน! เดี๋ยวๆ กี่โมงนะ? แล้วฉันต้องทำอะไรนะ? น่ะ… นั่งสมาธิ?!? นำสวดมนต์?!? เดินจงกรม?!? แค่ฟังก็เกือบปรินิพพานทะยานไปสวรรค์แล้ว นี่มันกิจกรรมประเภทที่ฉันได้ยินก็ขนลุกแบบไม่ได้นัดหมาย =_=;;; จะให้ฉันเป็นคนทำเนี่ยนะ ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ เวลาน่ะ ตีห้าครึ่ง!!! อย่าถามว่าตื่นมั้ย ถามว่าฉันนอนรึยังจะดีกว่า! ไม่ๆๆๆๆ ฉันไม่ทำ! “เรื่องอื่นๆ ก็แค่ช่วยเราเดินเอกสาร หาสปอนเซอร์ค่าย… ไม่เยอะหรอก” เขาอธิบายหน้าที่ของฉันให้ฟัง ฉันแค่นหัวเราะเตรียมจะปฏิเสธพลันสายตาหันไปสบกับป้ายชื่อชมรมตัวใหญ่ๆ ที่ฉันไม่ได้สังเกตก่อนจะเหยียบย่างเข้ามาที่นี่ ‘เรื่องเล่าเคล้าธรรมะ’ เรื่องเล่าเคล้าธรรมะอะไรล่ะ นี่มันเรื่องเศร้าเคล้าธรรมะชัดๆ! ฉันเกลียดเรื่องพวกนี้จะตาย ขนาดตอนเด็กๆ ที่บังคับให้สวดมนต์ตอนเช้าเวลาเข้าแถว ฉันยังโดดไปอยู่ในห้องน้ำเลย แล้วมันเรื่องอะไรฉันต้องไปนำคนอื่นสวดมนต์! ไม่ๆๆๆ ฉันไม่ทำหรอก! ฝันไปเลย! ฉันตัดสินใจแน่วแน่ที่จะปฏิเสธและขอถอนคำพูดหากแต่พอปรายนัยน์ตากลับไปที่ดวงหน้าหวาน รอยยิ้มน้ำผึ้งเดือนแปดก็ปรากฎขึ้น ให้ตายดิ… ขี้โกงนี่หว่า ยิ้มแบบนี้ได้ไง! ฉันก็ใจอ่อนกันพอดีอ่ะดิ! แต่ไม่ๆๆๆ ฉันไม่ทำหรอก แค่คิดก็ขนลุกแล้ว สยองจะตายห่า “เซฟคือเรา…” ฉันมองหน้าเขาก่อนจะไขว้เขวเพราะนัยน์ตาสีเฮเซลติดจะอ้อนอยู่ในที แม่ง… แม่งโว้ยยยยยยยยยยยยย! “เราโคตรชอบอะไรพวกนี้เลยอ่ะ! ไม่ต้องห่วงนะ ไว้ใจเราได้เลย” จะอ่อยผู้ชายต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ ฉันอยากร้องไห้ ฮือๆๆๆๆๆ T____T
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD