EP2.2 ll เป็นเเฟนกันเลยได้ปะ? [2]

1218 Words
“พี่จะไปดีๆ ตอนนี้ หรือไปแบบไม่มีไข่ให้ใช้ฉี่?” ฉันเอ่ยพร้อมดวงตาคู่คมฉายแววอำมหิต อีพี่ปิงหัวเราะแหะๆ แล้วค่อยๆ เฟดตัวออกไปอย่างเงียบๆ เซฟแค่นหัวเราะตามด้วยใบหน้าหวานๆ ก่อนจะเอียงคอมองฉันอย่างพินิจพิจารณา ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกตรวจสอบทะลุทะลวงไปถึงชั้นเซลล์เพราะสายตานุ่มลึกสีน้ำตาลอมเหลืองที่ส่องสะท้อนกับแสงไฟภายใต้ขนตาแพยาวน่าหลงใหลจับจ้องไม่กะพริบ มองขนาดนี้ เอากลับไปดูต่อที่บ้านเลยก็ได้นะ... ไม่ต้องเกรงใจ เพราะฉันสมยอม แฮ่ ^O^;;; “นี่บ้านเธอเหรอ?” ถึงเขาจะใสซื่อแต่ก็ฉลาดปราดเปรียวในเรื่องอื่นๆ ฉันพยักหน้ารับพลางขยับหลอดในแก้วน้ำวนไปมาเมื่อพึ่งจะรู้ตัวว่ากำลังนั่งอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองชอบ... เวร... หน้าก็ไม่ได้แต่ง คิ้วก็ไม่ได้เขียน สิวเสี้ยนก็ยังไม่ได้ลอกออก สภาพฉันจะเหมือนอีเจ๊ขายข้าวแกงแถวมหาวิทยาลัยมั้ยเนี่ย! ขอเวลานอกวิ่งไปแต่งหน้าได้มั้ยเนี่ย! “แล้วนี่เราไปเป็นแฟนเธอตอนไหน?” “แค่กๆ” คำถามใสๆ ราบเรียบทำเอาฉันสำลักน้ำที่พึ่งดูดไปเมื่อกี้ เขาเบิกนัยน์ตากลมโตรอคำตอบอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ไอ้ฉันน่ะเหรอ... อยากจะมุดตัวลงใต้โต๊ะแล้วแปลงร่างเป็นมดตะนอยต่อยแข้งต่อยขา หายลับไปจากโลกนี้เลย แหม ฉันก็แค่พูดกับพ่อไปงั้นๆ ไม่ได้จริงจังสักหน่อย ถึงจะแอบคิดนิดๆ เอ่อ... คิดมากก็ได้ ไม่อยากผิดศีลข้อสี่ “ชอบเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” คำถามธรรมดาแต่ฆ่าคนได้ของร่างสูงทำเอาฉันสตั๊นไปอีกหนึ่งดอก ถ้าเป็นทหารก็เหมือนเขากำลังหยิบปืนไรเฟิลยิงรัวๆ ด้วยใบหน้านิ่งสงบสยบอีหลินเลยแหละ T_T ฉันเงียบไปแล้วเสตามองทางอื่น ถึงฉันจะดูห้าวๆ แต่ความเป็นกุลสตรีก็มีเหมือนชาวบ้านชาวช่องนะยะ มือของฉันเริ่มอยู่ไม่นิ่งเพราะแรงสั่นสะเทือนจากเส้นเลือดที่บีบรัดจากใจกลางหน้าอก... โอย... นี่พ่อเปิดพัดลมแล้วใช่มั้ย? ทำไมมันถึงร้อนนักวะ! “หน้าแดงคืออะไรเหรอ? คำตอบรึเปล่า?” อย่าจี้ฉันได้ไหมเนี่ย! บางทีก็คิดนะ ว่าเขาแกล้งแอ๊บไม่รู้รึเปล่า ทำไมฉันรู้สึกเหมือนโดนคนซื่อบื้ออย่างหมอนี่ไล่ต้อนแปลกๆ ก็ไม่รู้ “ก็โคตรอ่ะ” ฉันอึกอักเมื่อร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากได้ใจด้วยใบหน้าหวานๆ “โคตรนี่คือ...?” ยังจะถาม! ก่อนถามช่วยสังเกตสีหน้าฉันนิดนึงได้มั้ย แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว แดงจนสีแดงยกธงขาวอ่ะ! “โคตรชอบไง ก็บอกไปแล้ว จะมาจ้ำจี้จ้ำไชให้พูดอีกทำไมเนี่ย! เดี๋ยวเราก็ตบหน้าหันหรอก” ฉันกลบเกลื่อนความเขินอย่างลืมตัวว่าไอ้คนที่ฉันจะตบนี่มัน... ว่าที่สามี! กรรม เอาเข้าไป T_T “ดุเหมือนกันนะเรา” “ก็เอาไปเฝ้าบ้านแทนหมาได้อ่ะ” แล้วฉันจะด่าตัวเองเพื่อ! “แล้วขอแม่เรายัง?” เขาพูดขึ้นอีก ฉันย่นคิ้วไม่เข้าใจก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่ใบหน้าหวาน ยิ่งมองมือก็ยิ่งสั่น รู้สึกเหมือนโดนเขาสูบวิญญาณเข้าไปในดวงตาคู่ใสนั่นยังไงยังงั้น ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกหลอดในแก้วน้ำขึ้นมาชี้หน้าฉันประหนึ่งกลั่นแกล้ง “ก็เธอจะมาจีบเราอ่ะ ขออนุญาตแม่เราหรือยัง?” “…” ขอแม่? =__=?? อะไรคือขอแม่? จะจีบผู้ชายทั้งทีนี่ต้องขออนุญาตบุพการีด้วยเหรอ? สาบานว่าฉันอยู่ในศตวรรษที่ 20 และสาบานอีกทีอีผู้ชายข้างหน้าฉันนี่อายุอานามก็ไม่ใช่เด็กปอสอง แต่สมองเรียกร้องหาคำอนุมัติจากแม่ นี่ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาควรมาเป็นพ่อพันธุ์ เอ๊ย สามี เอ๊ย ผัว… ช่างเถอะ เข้าใจตรงกัน “เราไม่ได้ด่านะ แต่ว่าโตเป็นควายแล้วทำไมต้องให้แม่อนุญาต” ฉันย่นคิ้วสงสัย ไม่รู้ว่าคำถามมันเสียดแทงจิตใจไปรึเปล่า แหม อย่าหาว่าปากจัดเลยนะ ฉันก็แค่ว่าไปตามความจริงปะวะ? “อายุเท่าไร ถามใจตัวเองดู” “ก็เข้าตามตรอกออกตามประตูไง อยู่ในสายตาผู้ใหญ่” เขากุมมือตัวเองไว้พยายามอธิบายให้ฉันเก็ตในสิ่งที่เขาคิดอยู่ แต่ไม่… ไม่เข้าใจ ฉันเป็นชะนียุคใหม่ ตีหัวผู้ชายเข้าถ้ำย่ะ! “เข้าตามซอก ออกตามรูได้มั้ย คล้ายๆ กัน (‘’)” ฉันเอ่ยทำให้คนตรงหน้านิ่งไปก่อนจะไหวไหล่ไม่ตอบ แล้ว… แล้วยังไง! คืออะไร! ฉันต้องการคำตอบไม่ใช่ยักไหล่นะเฟ้ย! “เงียบคือ?” ฉันเรียกร้องขอคำตอบหากแต่อีพี่ปิงดันสะดิ้งเข้ามาเสิร์ฟบะหมี่ผิดจังหวะ! “ราชาบะหมี่มาแล้วจ้า” พี่ปิงว่าพลางวางชามลงบนโต๊ะดังปึก เสร็จหน้าที่แต่ยังสะเออะยืนอยู่… “พี่ปิง” ฉันปรายนัยน์ตามองร่างสูงที่ยืนทะเล่อทะล่าบิดม้วนต้วนมองเซฟที มองที่อื่นที “อีพี่ปิง…” ยัง… ยังไม่ไป นางยังยืนอยู่ “อีตุ๊ด! ไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นได้แล้ว!” ฉันกระชากเสียงพร้อมส่งสายตาดุดัน โอ๊ย แต่ละคนที่บ้านฉันทำไมน่าปวดหัวขนาดนี้ มีพี่ก็จ้องจะกินว่าที่แฟนของน้อง มีพ่อก็จะยกลูกสาวแถมหมี่เกี๊ยว จะมีผัว ก็ต้องไปขออนุญาตแม่เขาเพื่อจะจีบอีก อุปสรรคความรักช่างเยอะเว่อร์วังอลังการบานตะไทจริงวุ้ย! “โอ๊ย อีนี่ จะไฝว้กับพี่เหรอ! น้องคะ ดูสิคะ ชะนีผีเถื่อนๆ แบบนี้เอาเป็นเมียลงเหรอ?” “พี่โป้ง อีพี่ปิงเป็นตุ๊ดดดด!” ฉันร้องโวยวายฟ้องพ่อทันทีที่อีพี่ปิงมากวนประสาทและทำให้ฉันเสียเวลา ฉันรู้หรอกว่าอีพี่ปิงอยากจะช่วงชิงคนหล่อของฉันไปมากแค่ไหน ดูนัยน์ตาแพรวพราวนั่นสิ! กินหัวเซฟได้คงทำไปแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำอีท่าไหนทำไมพ่อถึงไม่รู้สักทีว่ามีลูกชายเป็นเกย์ตั้งแต่ชั้นประถม ตุ้งติ้งจะตายชัก! “โอ้โห ถ้าน้องพลาดไอ้หลินไป นี่ร้องไห้รอได้เลยนะ นางดี นางเลิศ นางประเสริฐ รวบหัวรวบหางได้เลยจ๊ะ อย่าช้า” นอกจากเป็นตุ๊ดแล้วยังกะล่อนอีก… คนถูกเอ่ยถึงนั่งจิ้มลิ้มก่อนจะปรายสายตาไปมองตะเกียบไม้และถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก ยังกับเจอมรสุมชีวิต เขาเหล่มองบะหมี่ที มองตะเกียบที แล้วก็… “เฮ้อ” “…” “เราใช้ตะเกียบไม่เป็น ไม่มีส้อมเหรอ?” “ไม่…” ฉันย่นคิ้วมองเขาอย่างสงสัย หน้าโคตรตี๋ แต่ไม่รู้วิธีใช้ตะเกียบเนี่ยนะ? ดวงตาคู่สวยบนใบหน้าหวานช้อนขึ้นมามองนิ่งๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มที่ไม่มีใครเดาออก “แล้วเราจะกินยังไงดีอ่ะ?” “ช้อนดิ มือก็มี…” ฉันเอ่ยก่อนจะเงียบไป สบนัยน์ตาอ่านยากแพรวพราวระยับของคนตรงหน้า เฮ้ย เดี๋ยวนะ… ขอตั้งสติสามวินาที อีท่าทีและคำพูดแบบนี้คือไร นางอ่อยปะวะ? เฮ้ยยยยยยย! เขาอ่อยฉันปะวะ!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD