bc

นางเอกอย่างข้าอยากคู่กับตัวร้าย

book_age18+
737
FOLLOW
2.5K
READ
HE
time-travel
kicking
mystery
like
intro-logo
Blurb

เธอเป็นนักกีฬาฟันดาบระดับประเทศ ในวันที่ได้ครองแชมป์กลับต้องสูญเสียคนสำคัญ ความเสียใจทำให้เธอหลั่งน้ำตาท่ามกลางพายุฝน แต่อยู่ดีๆภาพทุกอย่างก็มืดดับ ฟื้นมาอีกครั้งกลับกลายเป็นว่าเธอคือนางเอกนิยายซะแล้ว

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 สู่จุดสูงสุดในชีวิต
เวลาเพียง 5 นาทีอาจมากสำหรับใครหลายคน แต่กับบางคนมันน้อยเสียจนไม่กล้าจะหายใจ การแข่งขันมีบทสรุปเพียงแค่สองทางระหว่างเป็นผู้กุมชัยที่ได้รับการกล่าวขานไปนานเท่านานหรือไม่ก็แค่เป็นบันไดให้ผู้ชนะเหยียบข้ามและจมลงสู่ความล้มเหลว กีฬาฟันดาบเป็นแบบนั้น…. รากฐานของศิลปะการป้องกันตัวที่กลายมาเป็นการแข่งขันของเหล่านักกีฬาอันทรงเกียรติสืบทอดยาวนานตั้งแต่ยุค 2000 จนบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันโอลิมปิกในยุคถัดมา แม้หลายประเทศต่างล้วนมีดาบเป็นอาวุธในการรบด้วยกันทั้งสิ้นแต่ก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าพวกเขาจะได้ชัยชนะไปครอง หญิงสาวรูปร่างเพรียวลมกำลังจับด้ามดาบยาวเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้าม เธอหลอกล่อด้วยทักษะทางร่างกายให้คู่ต่อสู้คาดเดาการกระทำของเธอจากการเคลื่อนไหวและหลบหลีกก่อนที่จะตวัดปลายดาบเข้าทำคะแนน หลายคนบอกว่ามันคือ ‘พรสวรรค์’ แต่ที่จริงกว่าจะมีวันนี้ได้เส้นทางของเธอมันไม่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะต้องผ่านการฝึกฝนมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อขัดเกลาความสามารถที่ไม่เคยมีอยู่ให้เบ่งบาน ตืออออ เสียงสัญญาณร้องบอกดังหมดเวลาการแข่งขันตามมาด้วยเสียงกู่ร้องดังลั่นสนามรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสไม่รวมถึงผู้คนที่อยู่โดยรอบซึ่งดูการถ่ายทอดสดจากทางบ้าน “ยินดีกับเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของชาติเราด้วยครับ!!!!” พิธีกรประกาศยืนยันดังสนั่นด้วยความตื่นเต้น ที่ผ่านมาประเทศมหาอำนาจอันดับสองของโลกอย่างจีนไม่เคยมีนักกีฬาหญิงคนใดได้ครองเหรียญรางวัลแห่งเกียรติยศนี้มาก่อน “เฮ!!!” “อันฉีๆๆๆ” เสียงเชียร์ลั่นสนามเรียกชื่อของเธอ “ทำได้แล้วนะ” ชายหนุ่มข้างสนามวิ่งเข้ามาทั้งน้ำตา ประเทศของพวกเขาแม้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแต่กลับไม่เคยได้รับชัยชนะจากกีฬาฟันดาบประเภทหญิงเลยสักครั้ง แต่วันนี้ในที่สุดพวกเขาก็ทำมันได้เสียที “ค่ะโค้ช!” หญิงสาวถอดเครื่องป้องกันศีรษะออกและขานรับด้วยรอยยิ้ม “ฉันทำได้แล้วนะคะ” หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนล้าทั้งหมดไหลออกข้างดวงตาคู่สวยของเจ้าของผลงานอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ หวังอันฉีเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ในฐานะนักกีฬานับว่าไม่ได้มีร่างกายที่เหมาะสม ในวัย 18 ปี เธอสูงเพียง 166 เซนติเมตรเท่านั้นเมื่อเทียบกับนักกีฬาจากชาติอื่นที่สูงเกือบสองเมตร หญิงสาวเติบโตโดยอาศัยอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าจนถึงวัย 8 ปี พ่อแม่อาจเป็นคนให้กำเนิดเธอมาแต่สมาคมนักกีฬาเป็นคนเลี้ยงเธอจนเติบใหญ่ หากอันฉีไม่ชนะภาพที่เห็นคงต่างออกไปมาก ชีวิตในฐานะนักกีฬาเยาวชนของเธอจะจบลงพร้อมกับการสนับสนุนต่างๆ ที่ทางสมาคมเคยมีให้จะหายวับไปกับตา สิ่งนี้ผลักดันให้หญิงสาวจำต้องสู้อย่างหมาจนตรอก “ยินดีกับพี่ด้วยนะคะ แล้วนี่แฟนคลับส่งมาให้พี่ค่ะ” นักกีฬาฝึกหัดอีกคนที่มีสถานะไม่ต่างกับอันฉีเท่าไหร่เข้ามาทักทายยินดีด้วยรอยยิ้มกว้าง เธอชื่อว่า ‘เสี่ยวจิ่ว’ สมาคมมักเลือกเด็กที่ไม่มีพ่อแม่เข้ามาฝึกฝนให้เป็นนักกีฬามากกว่าคนทั่วไปแม้พวกเขาจะไม่มีความฝันหรือพรสวรรค์อันเป็นเลิศติดตัวมาเลยก็ตาม ด้วยเด็กๆ เหล่านี้ไม่มีอะไรให้เสีย ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่มีครอบครัวที่ต้องคอยขออนุญาตและไม่มีกระทั่งอนาคต ทำให้สามารถทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตไปกับการฝึกฝนได้โดยไม่ติดขัดและไม่เรียกร้องอะไรเพิ่มให้วุ่นวาย บอกว่าไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรคงจะเป็นคำพูดที่ถูกต้องเสียกว่า หากไม่ยอมทำตามคำสั่งก็จะกลายเป็นตัวเลือกที่ถูกตัดทิ้งให้พ้นทาง สมาคมมีตัวสำรองรอไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักกีฬาตัวจริงอีกมากไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับคนไร้ค่า เสี่ยวจิ่ววางกล่องใบใหญ่ข้างๆ อันฉี ด้านในเต็มไปด้วยจดหมาย ดอกไม้และคำแสดงความยินดีมากมาย “ขอบใจที่เอามาให้นะ” เธอบอกกับอีกฝ่ายพร้อมทั้งให้น้องสาวเลือกของที่อยากได้ออกไปในขณะที่ตนเองกำลังเปิดอ่านนิยายในโทรศัพท์ วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้รับอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์สื่อสารหลังจากผ่านการซุ่มซ้อมเก็บตัวมาตลอดทั้งฤดูร้อน “พี่ยังอ่านเรื่องนี้อยู่อีกเหรอคะ” เสี่ยวจิ่วพูดแทรก อันฉีเป็นคนคลั่งไคล้นิยายมากถึงขั้นแก้วน้ำและผ้าเช็ดหน้าที่ใช้อยู่ก็ยังเป็นลายตัวละครจากนิยายเรื่องนั้น เด็กสาวมองนักกีฬารุ่นพี่ก่อนจะส่งตุ๊กตารูปนางเอกนิยายเรื่องนั้นให้อันฉี เส้นผมยาวสลวยและใบหน้าหวานอันเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมีผ้าโปร่งบางสีอ่อนอำพรางเอาไว้ ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่าตนนั้นเป็นนักอ่านตัวยงของนิยายเรื่อง ‘ลิขิตฟ้าชะตาเทพพยากรณ์’ ทำให้นิยายที่เคยเงียบดังเป็นพลุแตกจนติดท็อปชาร์ตภายในไม่กี่ชั่วโมง “อื้อ เธอไม่ลองอ่านดูบ้างเหรอ” หญิงสาวตอบ “ที่จริงฉันอ่านแล้วค่ะ แค่สำนักตีกันไปมาและมีนางเอกเป็นเทพพยากรณ์ที่เป็นตัวปัญหาของเรื่องไม่เห็นจะสนุกเลย มีคนเห็นด้วยกับฉันตั้งเยอะแหนะพี่ดูสิ” เสี่ยวจิ่วชี้ให้เห็นคอมเม้นต์ปรามาสมากมายที่ด่าตั้งแต่ตัวนิยายไปยันนักเขียนราวกับเจ้าของเรื่องที่ใช้นามปากกา ‘เป่ยจี๋ซิง’ ไปทำผิดใหญ่หลวงจนมีโทษประหารรออยู่ อันที่จริงก็เป็นตามที่คู่สนทนากล่าวมา นิยายเรื่องนี้พูดถึงบุตรชายเจ้าสำนักคุณธรรมที่ต้องต่อกรกับสำนักฝ่ายอธรรมผู้ทำเรื่องชั่วช้า ระหว่างนั้นความรักของชายหญิงซึ่งเป็นตัวเอกก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นไปตามลำดับ “พี่เป็นสายสุขนิยมเธอก็รู้” อันฉีหยิบตุ๊กตารูปเทพพยากรณ์ที่เป็นตัวเอกของเรื่องขึ้นมาห้อยกระเป๋าเอาไว้ นางมีนามว่า ‘หม่าซือเมี่ยว’ ไม่มีใครรู้ว่านางหน้าตาเป็นยังไงเพราะเจ้าตัวมักจะปกปิดตัวตนด้วยผ้าคลุมหน้าอยู่เสมอ แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่พระเอกของเรื่องเห็นโดยบังเอิญตอนเข้าไปช่วยนางจากการถูกจับตัวไป ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตกหลุมรักหญิงสาวเข้าเต็มเปา คงไม่ต้องบอกแล้วว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นงดงามเพียงใด ทั้งที่สวยขนาดนั้นกลับปิดบังใบหน้าไว้ไม่ให้ใครเห็นทำเอานักอ่านเศร้าใจกันเป็นแถบ บางคนก็เชื่อว่าเป็นปมที่ยังรอการเฉลยจากนักเขียน “จนตอนนี้ช่วงที่ใกล้จะจบอยู่ดีๆ นักเขียนก็เล่นตัวไม่อัปเดตตอนใหม่มาหลายเดือนแล้ว แล้วก็มีการแก้ตอนอีกเยอะจนเนื้อเรื่องสับสนไปหมดไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่การที่เจ้าตัวหายไปแบบนี้มีแต่จะโดนด่าเพิ่มเท่านั้น” “เอ๊ะ!?” อันฉีทำสีหน้าตกใจกับข่าวคราวที่เพิ่งได้รู้ “พี่ฝึกช่วงฤดูร้อนเลยไม่ทราบสินะคะ” สามเดือนมานี้ไม่มีวันไหนที่อันฉีได้พักหายใจ นอกจากร่างกายที่ต้องได้รับการฝึกฝนตลอดเวลายังต้องเดินทางไปหลายประเทศเพื่อเข้าร่วมการประลองกับนักกีฬาอาชีพท่านอื่น เวลาจะนอนยังถูกควบคุมให้เป็นไปตามตารางแม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ กิจกรรมทุกอย่างล้วนเข้มงวดเพื่อให้ร่างกายและจิตใจของเธอพร้อมกับการแข่งขันมากที่สุด “เดี๋ยว! นั่นพี่จะไปไหนคะ แล้วงานรับรางวัลล่ะ พี่!!!” เสียงเรียกตามมาด้านหลังแต่อันฉีไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป เธอวิ่งพรวดออกจากห้องด้วยความเร่งรีบ ไม่ว่าใครจะเรียกอะไรก็ไม่สามารถรั้งเธอเอาไว้ได้ สมองน้อยๆ ตอนนี้นึกเพียงเรื่องที่ผ่านมานานแสนนานในวันวานที่เธอเคยรู้จักความสุข บ้านหลังเล็กต่อให้ไม่ได้กินอิ่มนอนหลับหรือวิ่งเล่นแบบที่เด็กทั่วไปควรจะมีทว่ารอยยิ้มของอันฉีในวัยเด็กสดใสและสนุกสนานมากกว่ายามได้รับรางวัลเหรียญทองเสียอีก ‘พี่คะ หนูอยากเป็นนักเขียนค่ะ’ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทุกคนต่างไร้พ่อแม่แต่ก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เด็กหญิงคนหนึ่งที่สนิทกับอันฉีมากๆ บอกเอาไว้ในคืนที่พวกเธอต้องแบ่งปันผ้าห่มซึ่งกันและกัน ‘งั้นเหรอ’ อันฉีตอบพร้อมกับปิดหนังสือนิทานเล่มที่เธออ่านจบลงและเตรียมดับไฟเข้านอน ‘อื้อ! พี่ตั้งนามปากกาให้หนูหน่อยสิคะ หลังจากนี้ถ้าพี่เห็นจะได้จำได้ว่าเป็นหนู’ เจ้าก้อนน้อยออดอ้อน ต่อให้เธอเป็นเพียงแค่เด็กแต่ก็รู้ว่าอีกไม่นานพี่สาวคงต้องออกจากที่นี่แล้วและอาจไม่มีใครอยากอุปการะเด็กขี้โรคอย่างเธอ ‘ได้สิ เอาเป็นเป่ยจี๋ซิงดีไหม’ เด็กตัวน้อยมีชื่อว่าเข่อซิง พี่สาวจึงคิดว่าอยากให้มีชื่อที่เป็นตัวอักษร ซิง ซึ่งแปลว่าดวงดาราอยู่ในนามปากกาด้วย

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
7.9K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.1K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.2K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook