เช้าวันใหม่ลี่จูตื่นมาด้วยความอ่อนเพลียจากพิษไข้ ข้างกายเธอมีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนอยู่ข้าง ๆ ส่วนคนเป็นพ่อนั้นลี่จูมองหาไปทั่วห้องก็ยังไร้วี่แวว
"ไม่ยอมปล่อยมือเลยนะเด็กน้อย เดี๋ยวก็ติดไข้ไปอีกคนหรอก"
ลี่จูพึมพำเบา ๆ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้คนตัวเล็กที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างกัน สายตาของเธอมองดูทั่วห้องอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง เพราะตอนนี้มีแสงสว่างจากด้านนอกส่งเข้ามาทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นชัดเจนขึ้นมากแล้ว
"เสื้อผ้าของใช้เก่าแต่สะอาด ไหน ๆ ก็ไม่มีคนรออยู่แล้วลองเอาของในมิติออกมาหน่อยแล้วกัน"
เป็นครั้งแรกที่ลี่จูจะได้เปิดเอาของในมิติในกาลเวลานี้ เธอเดินมาล็อกประตูห้องแล้วลองแตะที่แหวนมิติพร้อมกับนึกถึงสิ่งของที่เธอต้องการ เพียงเสี้ยววินาทีเดียวช็อกโกแล็ต 1 กล่อง พร้อมกับยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ ก็มาวางอยู่ตรงหน้าพร้อมกันเนื้อแห้งและหมูฝอยอย่างล่ะ 1 ถุงเล็ก
"ว้าว~ แม่จ๋าเก่งตี้ฉุด"
แปะ แปะ แปะ แปะ
"ว้ายตะเถร!"
หัวใจของลี่จูตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ใกล้ ๆ ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งปรบมือให้เธอด้วยแววตาเป็นประกาย
"ช็อกแยตหย๋อแม่จ๋า~"
คนตัวเล็กจ้องมองขนมตรงหน้าที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนที่แม่จ๋าของเธอเล่าให้ฟังก่อนนอนเมื่อคืน น้ำสีใสไหลย้อยออกมาจากมุมปากเล็กจนลี่จูอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
"ใช่จ้ะ นี่คือช็อกโกแลต แม่จ๋าจะให้พู่พู่กิน แต่หนูต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ไหมจ๊ะ ห้ามบอกใครว่าแม่จ๋าไปเอาของมาจากไหน"
เมื่อลี่จูเห็นว่าแก้ตัวยังไงก็คงไม่ทันแล้ว หญิงสาวจึงเรียกที่จะตกลงกับเด็กน้อยตรงหน้าให้ชัดเจน ก่อนที่เรื่องจะแดงไปมากกว่านี้
"พรึบ พรึบ งี้หย๋อแม่จ๋า ปู้ปู้ม่ายบอกคาย ปู้ปู้ฉังยา"
"เด็กดี งั้นช็อกโกแลตกล่องนี้ก็เป็นของหนูนะจ๊ะ เรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับระหว่างเรานะ แล้วแม่จ๋าจะเอาของอร่อย ๆ ออกมาให้หนูกินอีก"
มือเรียวลูบผมของเด็กสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู เพียงชั่วข้ามคืนลี่จูก็เริ่มหลงรักเด็กน้อยคนนี้เข้าให้แล้วสิ
"ขอบคุงค้า~ ยักแม่จ๋าตี้ฉุด"
"แม่จ๋าก็รักพู่พู่ที่สุด มาแม่จ๋าแกะให้นะจ๊ะ อ้าปากเร็วเข้า"
"อ้าม อื้ออ~ อาหย่อย"
เด็กหญิงตัวน้อยหลับตาพริ้มมื้อได้ลิ้มลองรสชาติช็อกโกแลตแสนหวานเป็นครั้งแรก อร่อยมาก พู่พู่รักแม่จ๋าที่สุด แม่จ๋าต้องเป็นแม่จ๋าของพู่พู่คนเดียว พู่พู่ไม่ยอมแบ่งแม่จ๋าให้ใครแน่ ๆ
"แม่จ๋าให้กินแค่ 2 ชิ้นนะจ๊ะ เราต้องไปกินข้าวก่อนแล้วแม่จ๋าถึงจะให้หนูกินที่เหลือ ตกลงไหม?"
"ได้เยยแม่จ๋า" หลังจากคุยกับหนูน้อยจบ ลี่จูก็รีบหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างเตียงเตาขึ้นมาดื่มตามหลังหว่านเม็ดยาเข้าปาก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"พู่พู่ตื่นรึยังลูก?"
ทันทีที่ลี่จูกับพู่พู่พูดคุยกันจบ เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของซูอี้ที่มาตามทั้งคู่ให้ออกไปด้านนอก
"โอ๊ะ! ป้อจ๋ามาแย้ว จุ๊ จุ๊ ความยับฉองคงนะแม่จ๋า ปู้ปู้ม่ายบอกคายแน่นอง"
"หึ ๆ จ้ะ"
ไม่ว่าลี่จูจะมองเมิ่งพู่พู่กี่ครั้งก็ดูน่ารักไปเสียหมด หากแม่หนูน้อยถูกบำรุงให้อ้วนจ้ำม่ำสักหน่อยคงน่าเอ็นดูไม่หยอก
"ตื่นแย้วป้อจ๋า~"
ในระหว่างที่พู่พู่กำลังตอบกลับคนที่ยืนอยู่หลังประตูห้องลี่จูก็รีบเอาเนื้อแห้งกับหมูฝอยที่นำออกมาจากมิติเข้าไปเก็บในกระเป๋าที่ติดตัวร่างนี้มาจากบ้านหลัก ก่อนจะรีบเดินมาเปิดประตูให้เมิ่งซูอี้
แอดด~
"คุณเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม?"
ทันทีที่ซูอี้เห็นลี่จูกับลูกสาวตัวน้อยมาเปิดประตูให้ก็รีบยิงคำถามใส่ด้วยความเป็นห่วง
"ฉันดีขึ้นแล้วค่ะพี่ซูอี้ ว่าแต่ข้างนอกมีอะไรให้ฉันช่วยบ้างคะ?"
"คุณลองไปดูในครัวก็ได้ ป่านนี้แม่น่าจะทำกับข้าวอยู่"
วันนี้ซูอี้รีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเพื่อขึ้นเขาไปดูกับดักสัตว์ที่เขาทำเอาไว้ โชคดีที่ได้ไก่ป่ามาเป็นอาหารของวันนี้ ยิ่งตอนนี้ข้าวสารและเสบียงอาหารที่บ้านก็เหลือน้อยเต็มที ทั้งยังมีสมาชิกใหม่ขึ้นมาเพิ่มอีกหนึ่งชีวิต นั่นจึงทำให้ซูอี้ต้องขยันขันแข็งมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปช่วยคุณป้าอีกแรง"
พูดจบลี่จูก็ทำทีเดินกลับเข้าไปหยิบห่อเนื้อแห้งและหมูฝอยในกระเป๋าใบเก่าของเธอ ก่อนจะเดินออกจากห้องตรงไปที่ครัวแล้วปล่อยให้ซูอี้งุนงงกับคราบช็อกโกแลตที่ติดอยู่ขอบปากของลูกน้อยเพียงลำพัง ครั้นถามว่าลูกไปกินอะไรมา เด็กสาวตัวน้อยก็เอาแต่หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข ซูอี้ที่ได้เห็นว่าลูกสาวสามารถเข้ากับว่าที่ภรรยาได้โดยไม่มีปัญหาก็เบาใจขึ้นมามากโข
.
.
"คุณป้าคะ มีอะไรให้หนูช่วยบ้างคะ นี่เป็นของที่หนูมีติดตัวอยู่ กะว่าจะเอาออกมาทำให้ทุกคนได้กินด้วยกันค่ะ"
ลี่จูยื่นห่อเนื้อแห้งกับห่อหมูฝอยให้กับแม่เฒ่าเมิ่งซูเจิน หญิงสูงวัยที่ได้เห็นแบบนั้นก็ซึ้งใจสำหรับการแบ่งปันของเด็กสาวตรงหน้า นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครหยิบยื่นอะไรให้พวกเขา หรือจะเรียกว่าบ้านรองสกุลเมิ่งเป็นครอบครัวที่ยากจนที่สุดในหมู่บ้านก็ว่าได้ เช่นนั้นแล้วจึงน้อยคนนักที่อยากจะเสวนากับพวกเขา
"ขอบใจมากนะลี่จู แต่วันนี้พวกเรามีไก่ตุ๋นเป็นอาหารแล้ว เนื้อแห้งถุงนี้แม่จะเก็บไว้เป็นอาหารของวันพรุ่งนี้แล้วกันนะ"
"เอาตามที่คุณป้าว่าเลยค่ะ แต่หลังจากนี้หนูจะเป็นคนช่วยหาอาหารเข้าบ้านอีกแรงหนึ่งนะคะ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเสบียงอาหาร"
"ได้ยังไงกันลี่จู พวกเราไม่ทิ้งภาระหนักอึ้งขนาดนั้นให้หนูหรอก"
หญิงชราทั้งตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอขันอาสาหาเสบียงอาหารเข้าบ้าน มันใช่เรื่องง่ายซะเมื่อไหร่ ใคร ๆ ก็รู้ว่าในยุคนี้กว่าจะได้เนื้อมาสักชิ้นต้องลำบากจนลูกตาแทบกระเด็น เช่นนั้นครอบครัวส่วนใหญ่จึงกินข้าวเพียง 1-2 มื้อต่อวันเท่านั้น
หากบ้านไหนที่ฐานะดีหน่อยก็จะกินข้าว 3 มื้อ มื้อเย็นยิ่งแล้วใหญ่ แทบจะไม่มีบ้านไหนเลยได้กินข้าวเย็นนอกจากบ้านหลักสกุลเมิ่งที่ทำอาชีพปล่อยเงินกู้ให้นักพนันในบ่อน พวกเขาจึงเป็นบ้านเดียวที่ได้กินข้าวครบทั้งสามมื้อ
"คุณป้าเชื่อใจหนูเถอะค่ะ เรื่องอาหารไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหนู แต่มีบางเรื่องที่หนูอยากจะปรึกษาทุกคนไปพร้อม ๆ กัน"
"ได้สิลูก แม่เตรียมของเสร็จพอดี อาลี่จูไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเถอะลูก เดี๋ยวจะได้ทำพิธียกน้ำชากันเลย อ้าวอาซูอี้มาพอดี พาน้องไปที่บ่อน้ำหลังบ้านเร็วเข้าลูก"
แม่เฒ่าเมิ่งซูเจินหันไปเห็นลูกชายเดินมาพร้อมหลานน้อยพอดีจึงบอกให้ซูอี้พาลี่จูไปอาบน้ำล้างตัวที่บ่อหลังบ้าน
"ได้ครับแม่ ตามผมมาทางนี้เลยครับ พู่พู่ หนูก็ต้องอาบน้ำล้างตัวเหมือนกันนะลูก"
"ได้เยยป้อจ๋า~"
ลี่จูก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่บริเวณโหนกแก้มของเธอกลับขึ้นสีแดงระเรื่อจนใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา แม้ทั้งคู่จะนอนคนละฝั่งโดยมีเมิ่งพู่พู่นอนกั้นกลาง แต่ทั้งคู่ก็ถูกความรู้สึกวาบหวามตื่นเต้นแปลกใหม่กระตุ้นอยู่ตลอดเวลา กว่าทั้งคู่จะนอนหลับได้ก็ใช้เวลาไปเป็นชั่วโมง ต่างจากแม่สาวน้อยที่นอนอยู่ตรงกลางหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
หลังจากที่ทั้งสามคนจัดการอาบน้ำล้างตัวเสร็จ ลี่จูก็พาพู่พู่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องก่อนจะออกมาทำพิธียกน้ำชาที่พ่อเฒ่าเมิ่งฉือและแม่เฒ่าเมิ่งซูเจินเตรียมไว้รอแล้ว
"พ่อขอให้ลูกทั้งสองครองคู่กันจวบจนวินาทีสุดท้าย เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องหนักแน่น เป็นที่พึ่งของภรรยาและลูกให้ได้นะอาอี้ อย่าได้อ่อนแอเหมือนพ่อล่ะ"
พ่อเฒ่าเมื่อฉืออวยพรให้ลูกชายและสะใภ้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าทั้งน้ำตา หากท่านเข้มแข็งได้มากกว่านี้ ลูกและหลานของท่านคงไม่ถูกคนอื่นเอาเปรียบแบบนี้เป็นแน่
"แม่ขอให้ลูกทั้งสองคนมีชีวิตที่มีความสุข รวยจนไม่ใช่สิ่งสำคัญ การรักษาดูแลคนที่เรารักย่อมสำคัญกว่า หากวันข้างหน้าต้องพบเจอปัญหาหรือเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน ลูกทั้งสองต้องรีบพูดคุยอย่าเก็บเรื่องพวกนั้นไว้เพียงลำพัง อย่าปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินแก้ ค่อยคิดค่อยปรึกษาหารือกันนะลูก"
"ครับพ่อ แม่"
"ค่ะคุณพ่อ คุณแม่"
ผู้เฒ่าทั้งสองยกน้ำชาขึ้นดื่มเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับลูก ๆ ก่อนที่เด็กสาวตัวน้อยจะรีบเข้าไปนั่งที่ตักของแม่จ๋าของเธอ เพราะอยากจะมีส่วนร่วมกับทุกคนเต็มทีแล้ว
"แม่จ๋า~ แม่จ๋าของปู้ปู้ ฮะ ฮะ ฮะ"
"ดีใจเหรอพู่พู่? วันนี้หลานตาจะมีแม่แล้วสินะ"
พ่อเฒ่าเมิ่งฉือเห็นหลานสาวหัวเราะร่าเริงเป็นพิเศษจึงเอ่ยถาม ไม่ทันไรหลานสาวของท่านก็เป็นเด็กติดแม่ไปซะแล้วคงไม่ลืมคุณปู่ขี้แพ้อย่างท่านหรอกนะ
"ปู้ปู้ดีจายมากเยย~ ปู้ปู้มีแม่จ๋าแย้ว"
แววตาของเด็กหญิงตัวน้อยเต็มไปด้วยประกายสดใสสะท้อนความสุขออกมาเต็มเปี่ยม ลี่จูที่เห็นแบบนั้นก็รีบกระชับอ้อมกอดลูกสาวตัวน้อยของเธอเอาไว้ หากเมิ่งพู่พู่ยกให้เธอเป็นแม่ เธอก็สัญญาจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด
"แม่จ๋าก็ดีใจที่มีพู่พู่คนเก่งเป็นลูกสาว ที่ช็อกโกแลตตามสัญญานะจ๊ะ แต่กินเสร็จแล้วหนูต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะ แล้วแม่จ๋าจะซื้อมาให้อีก"
"ได้เยยค้า~"
ซูอี้มองเห็นสิ่งที่ภรรยาหมาด ๆ ของเขายื่นให้ลูกสาวตัวน้อยก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน ตามที่จริงเรื่องเนื้อแห้งที่ลี่จูหยิบออกมาจากกระเป๋าของเธอก็ทำให้เขาสงสัยมากพอแล้ว เมื่อคืนตอนที่เธอไข้ขึ้นแล้วต้องเช็ดตัว เขาเองที่เป็นคนค้นหาเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาให้เธอเปลี่ยน แน่นอนว่าในกระเป๋าของเธอมีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้น การที่ลี่จูหยิบเนื้อแห้งออกมาจากกระเป๋าจึงทำให้เขาคาใจกับเรื่องนี้มากพอสมควร