ซุนอิงฮวากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเก็บของที่นายหญิงบอกว่านางน่าจะพอนอนได้ เหวยฮูหยินเกณฑ์สาวใช้และบ่าวรวมสี่คนมาช่วยกันขนของออกและทำความสะอาดห้องนอนเล็กช่วยนาง
“ประตูไม่ค่อยแข็งแรง เดี๋ยวให้พ่อบ้านอี๋มาช่วยเปลี่ยนให้”
หญิงสาวที่อาสามาเป็นสาวใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดูแล้ว เหวยฮูหยินก็มิได้ดูแล้งน้ำใจอย่างที่คนภายนอกซุบซิบนินทากัน
‘นี่ล่ะนะ! ข่าวลืออาจจะมิได้เป็นจริงเสมอไป ผู้ใดกันหาว่านางตระหนี่ถี่เหนียว? นางอุตส่าห์ให้คนทั้งเรือนมาช่วยทำความสะอาดห้องนอนให้ข้า’
เมื่อข้าวของที่ไม่จำเป็นถูกเก็บออกไปจนหมด เหวยฮูหยินก็เดินตรวจตราประตูหน้าต่างอีกครั้งหนึ่ง แล้วหันไปสั่งการ “หน้าต่างแข็งแรงใช้ได้แต่รีบเปลี่ยนประตูให้นาง สตรีอยู่ในห้องตามลำพังประตูหน้าต่างต้องแน่นหนานะพ่อบ้านอี๋”
พ่อบ้านสูงวัยค้อมศีรษะรับก่อนออกไปหาอุปกรณ์มาซ่อมแซมให้ตามคำสั่งผู้เป็นนาย สาวใช้และบ่าวเรือนนี้ล้วนที่ได้มาจากคฤหาสน์สกุลเหวย ส่วนสิ่งที่ได้จากจวนสกุลกังนั้นมีเพียงเงินทองและที่ดินในส่วนของนายท่านเท่านั้น
“เตียงนี้กว้างดีนะ แต่ก่อนเป็นเตียงที่คุณชายเคยใช้งานแต่เพราะได้เตียงใหม่เลยเอามาเก็บไว้ที่นี่” ฮูหยินชี้ให้ซุนอิงฮวาดูเตียงที่บ่าวกำลังซ่อมแซมให้
“ท่าทางจะเป็นไม้เนื้อดีนะเจ้าคะ”
“อืม...ตอนนั้นเป็นท่านลุงของเสี่ยวเฉินให้คนยกมาส่งด้วยตนเอง”
สาวใช้สองคนออกไปค้นเอาผ้าม่าน หมอนและผ้าห่ม ที่คุณชายเลิกใช้แล้วเอามากองไว้บนที่นอน ซุนอิงฮวาได้ยินว่าเป็นของที่กังซือเฉินเคยใช้นางก็ยิ้มแก้มแทบแตกด้วยความดีใจ
“สีมันอาจจะซีดไปสักหน่อย ข้าคิดว่าสำหรับเจ้าน่าจะพอใช้ได้ ข้าให้พวกนางสองคนซักเก็บเอาไว้อย่างดี”
“ข้าน้อยใช้ได้เจ้าค่ะ ยังดีอยู่มากด้วยซ้ำ”
“อืม...เจ้าว่านอนสอนง่ายอย่างนี้ข้าชอบ!”
ซุนอิงฮวายิ้มกว้าง นางอุตส่าห์หาซื้อเสื้อผ้าแบบพื้นๆ เหมือนพวกสาวใช้ใส่กันมาไว้หลายชุดแต่ยามนี้ยังเอาออกมามิได้เพราะเกรงจะดูผิดปกติ รอให้เข้าที่เข้าทางสักหน่อยค่อยวางแผนเอาเข้ามา
ฮูหยินกับพ่อบ้านออกจากเรือนเล็กเก็บฟืนไปแล้วเหลือเพียงสาวใช้สองคนที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ช่วยนางจัดข้าวของก่อน ทั้งสองรีบซักไซ้ไล่เรียง ซุนอิงฮวาเสียละเอียดยิบ แต่ซุนอิงฮวาชิงถามเสียก่อน
“พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันหรือ?”
“ใช่! พวกเราแซ่ฉาย นางชื่อชิวฉี ส่วนข้า เวยเวย”
ซุนอิงฮวาเล่าว่าตนเป็นคนเมืองฉู่จิ้ง บิดามารดาค้าขาย นางเดินทางเข้าเมืองหลวงมากับญาติผู้น้องยามนี้พลัดหลงกันจึงหวังมาอาศัยอยู่ที่เรือนของคุณชายกังเพื่อจะได้ตามหานางผู้นั้นเสียก่อน
“พวกเจ้าทั้งสองช่างน่าสงสารเสียจริง แล้วนี่เจ้าไม่มีสัมภาระบ้างเลยหรือ?”
“จริงสิ! สัมภาระของข้า ตอนที่วิ่งหนีพวกโจรมาข้าโยนทิ้งไว้ในป่าละเมาะข้างทางแน่ะ เดี๋ยวต้องขออนุญาตนายหญิงออกไปหาสักหน่อย”
กังซือเฉินเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงอาสาพานางไปค้นหาสัมภาระ
“จะดีหรือเจ้าคะ? คุณชายมิต้องไปเข้าเฝ้าองค์ชายหรอกหรือ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นข้าราชบริพารขององค์ชาย? ข้าเคยบอกเจ้าด้วยหรือ”
ซุนอิงฮวาใจหายวาบ นางเผลอพูดเรื่องของเขาออกไปได้เช่นไรกัน? น่าเขกกบาลตนเองนัก! “คุณชายมิได้บอกเจ้าค่ะ ข้าได้ยินพ่อบ้านอี๋พูดกับฮูหยิน”
“อ้อๆ วันนี้เป็นวันหยุดของข้า เดี๋ยวพาเจ้าไปหาของก็แล้วกัน เสื้อผ้าเจ้าก็ยังไม่มีใส่นี่? หากหาไม่เจอจริงๆ เดี๋ยวข้าจะพาไปซื้อใหม่”
เหวยฮูหยินพยักหน้าอนุญาตแล้วสั่งให้บุตรชายรีบไปรีบกลับ กังซือเฉินเป็นชายหนุ่มซื่อๆ ที่บิดามารดาไว้วางใจยิ่งนัก หลังจากที่เขาได้เป็นองครักษ์ขององค์ชายสิบห้าแล้ว เหวยฮูหยินก็มองหาภรรยาที่เหมาะสมให้กับบุตรชายแต่ก็หายากเหลือเกินสตรีที่จะเป็นเหมือนสะใภ้ใหญ่ของนาง
สาวน้อยจอมเจ้าเล่ห์แสร้งบอกชายหนุ่มว่าปวดท้องแล้วผละไป นางอ้อมไปหลังส้วมแล้วเรียกผู้อารักขาของตนออกมา
“พวกเจ้าไปโยนถุงใส่เสื้อผ้าข้าไว้จุดที่เราพักคราวก่อน ซุกให้ดีหน่อยล่ะ ใส่เงินไว้ให้สักสามสิบตำลึงก็พอ” ซุนอิงฮวาคำนวณดูว่าเงินสามสิบตำลึงน่าจะพอแจกซื้อพรรคพวกในเรือนของคุณชายกังได้บ้าง
ผู้อารักขาของคุณหนูซุนรีบรุดไปจัดการตามที่นางสั่ง ส่วนตัวนางเองก็ออกมานั่งรถม้าไปนอกเมืองกับคุณชายน้อยกัง นางทำทีร้องว่าจำจุดที่โยนสัมภาระไว้ได้แล้วขอให้เขาจอดรถม้า
“เดี๋ยวข้าน้อยลงไปค้นดูเองเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไรให้ข้าลงไปช่วยดูดีกว่าเผื่อมีอันตรายจะได้ช่วยระวัง” กังซือเฉินรีบลงตามนางมาด้วยความเป็นห่วง ผิวพรรณของซุนอิงฮวาดูบอบบางเกินกว่าจะเป็นสาวใช้ รูปพรรณของนางดูงดงามเกินกว่าจะเป็นคนที่มีชีวิตยากลำบาก
“นี่ไงเจ้าคะ? ข้าเจอแล้ว” นางพุ่งตรงไปยังจุดที่สั่งผู้อารักขาไว้แล้วหยิบเอากระเป๋าผ้าสีน้ำตาลขึ้นมาชูให้ชายหนุ่มดู
กังซือเฉินยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ใบหน้าคมคายของเขาดูผ่อนคลายกว่ายามที่ทำหน้าที่องครักษ์ยิ่งนัก ซุนอิงฮวาเผลอมองด้วยความหลงใหล นางอุตส่าห์ว่าจ้างสำนักนกกระจิบสืบพฤติกรรมเขาอยู่นับเดือน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเป็นผู้ที่พฤติกรรมไม่ด่างพร้อยนางจึงยืนยันจะทำตามความตั้งใจเดิม
‘ข้าอยากได้เขามาเป็นสามี แต่ต้องใช้วิธีแนบเนียนสักหน่อย ให้ข้าเข้าไปลองดูนิสัยใจคอเขาด้วยตนเองในจวนสกุลกังสักพัก หากว่าดีจริงล่ะก็...ข้าก็จะรวบรัดเสียเลย!’
*************************